![[รีวิว-เรื่องย่อ] The Family Plan 2 (2025) หนังแอ็คชั่นคอมเมดี้คริสต์มาส](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/11/Review-The-Family-Plan-2-2025.webp)
- The Family Plan 2 เป็นภาคต่อที่ดีขึ้นกว่าภาคแรก โดยมีคิต ฮารริงตันมาเป็นวายร้ายที่น่าสนใจกว่า
- หนังผสมผสานระหว่างแอ็คชั่น คอมเมดี้ และบรรยากาศคริสต์มาส พร้อมฉากไล่ล่าที่ตื่นเต้นในทวีปยุโรป
- มาร์ค วอห์ลเบิร์กและมิเชล โมนาแฮนมีเคมีที่ดี แสดงเป็นคู่สามีภรรยาที่น่ารักและสนุกสนาน
- เหมาะสำหรับดูในช่วงเทศกาล แต่อาจไม่ใช่หนังที่จะติดใจไปนานหลังจบหนัง
เคยคิดไหมว่าการวางแผนพาครอบครัวไปเที่ยวพักผ่อนในช่วงคริสต์มาสจะกลายเป็นภารกิจหนีตายสุดระทึก? หนัง The Family Plan 2 (2025) พาเรากลับมาพบกับครอบครัวมอร์แกนอีกครั้งในการผจญภัยภาคต่อที่เต็มไปด้วยแอ็คชั่น คอมเมดี้ และความวุ่นวายที่คาดเดาได้แต่ก็สนุกพอสมควร หนังเรื่องนี้เป็นภาคต่อจาก The Family Plan (2023) ที่เคยทำคะแนนได้ดีบน Apple TV+ แม้จะไม่ได้รับคำชมจากนักวิจารณ์มากนัก
ครั้งนี้ มาร์ค วอห์ลเบิร์ก (Mark Wahlberg) กลับมาในบทแดน มอร์แกน อดีตสายลับที่พยายามใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา แต่อดีตของเขากลับตามมาหลอกหลอนอีกครั้ง เมื่อศัตรูลึกลับจากอดีต รับบทโดย คิต ฮารริงตัน (Kit Harington) โผล่มาขัดขวางแผนการพักผ่อนของครอบครัว สิ่งที่ควรเป็นวันหยุดที่สงบในทวีปยุโรปกลับกลายเป็นการไล่ล่าข้ามประเทศที่เต็มไปด้วยการปล้นธนาคาร ฉากไล่ล่าด้วยรถยนต์ และสถานการณ์วุ่นวายที่ไม่เคยหยุด
ในบทความนี้ เราจะพาไปเจาะลึกทุกแง่มุมของหนังเรื่องนี้ ตั้งแต่การแสดงของนักแสดง เนื้อหาที่คุ้นเคย ไปจนถึงการโปรดักชันที่ดีขึ้นกว่าภาคแรก มาดูกันว่า The Family Plan 2 จะคุ้มค่ากับเวลาของเราหรือเป็นแค่อีกหนึ่งภาคต่อที่ไม่จำเป็น

รีวิวและเรื่องย่อ The Family Plan 2
The Family Plan 2 เริ่มต้นด้วยชีวิตของครอบครัวมอร์แกนที่ดูเหมือนจะเป็นไปอย่างราบรื่นหลังจากเหตุการณ์ในภาคแรก แดนได้เปิดบริษัทรักษาความปลอดภัยเป็นของตัวเอง ในขณะที่เจสสิก้า (มิเชล โมนาแฮน) ภรรยาของเขากำลังจะได้รับตำแหน่งหัวหน้าแผนกกรีฑาหญิงที่มหาวิทยาลัยโอไฮโอสเตท เด็กๆ ก็เติบโตขึ้นและมีชีวิตของตัวเองมากขึ้น ทุกอย่างดูดีจนกระทั่งแดนได้ยินว่าลูกสาวของเขามีแผนจะไม่อยู่บ้านในช่วงคริสต์มาส
เพื่อที่จะได้ใช้เวลากับครอบครัว แดนจึงวางแผนพาทุกคนไปเที่ยวลอนดอนในช่วงเทศกาล สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือ เอเดน (Aidan) ศัตรูจากอดีตของเขากำลังตามล่าหาเขาอยู่ เอเดนเป็นสายลับเหมือนกับแดน แต่มีประวัติที่มืดมนกว่ามาก และมีธุระที่ยังไม่ได้จัดการกับแดนให้เสร็จสิ้น เมื่อเอเดนโผล่มาในลอนดอน แดนและครอบครัวต้องวิ่งหนีข้ามหลายประเทศในยุโรป ผ่านฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ และอื่นๆ
สิ่งที่แตกต่างจากภาคแรกคือ ครั้งนี้ครอบครัวรู้เรื่องอดีตของแดนแล้ว พวกเขาไม่แค่ตกใจหรือหวาดกลัว แต่กลับดูเหมือนจะตื่นเต้นกับสถานการณ์นี้ด้วยซ้ำ เจสสิก้าเองก็เริ่มแสดงทักษะการต่อสู้ที่เธอเรียนรู้มา และดูเหมือนจะชอบด้านผจญภัยของแดนมากขึ้น เด็กๆ ก็ช่วยเหลือพ่อแม่ด้วยวิธีของตัวเอง ทำให้หนังมีพลวัตของครอบครัวที่น่าสนใจมากขึ้น
แต่ปัญหาหลักของหนังคือ โครงเรื่องที่คาดเดาได้ และการใช้มุกเดิมซ้ำจากภาคแรก หนังพยายามสร้างความตลกจากสถานการณ์ที่วุ่นวาย เช่น ฉากที่ครอบครัวติดอยู่ในรถ ฉากที่เด็กๆ ทะเลาะกัน หรือฉากที่แดนพยายามอธิบายทุกอย่างให้ครอบครัวเข้าใจ บางมุกก็ตลกดี แต่บางมุกกลับยืดเยื้อจนเกินไป จนรู้สึกว่าหนังกำลังพยายามอย่างหนักเกินไปที่จะทำให้เราหัวเราะ
มาร์ค วอห์ลเบิร์ก กลับมาแสดงในบทแดน มอร์แกน ด้วยพลังงานเดิมๆ ที่เราคุ้นเคย เขารู้วิธีการแสดงบทพ่อบ้านที่เหนื่อยล้าแต่ก็พร้อมจะปกป้องครอบครัวเสมอ ท่าทีของเขาเมื่อเผชิญกับสถานการณ์อันตรายรู้สึกเป็นธรรมชาติ และเคมีที่มีกับนักแสดงคนอื่นๆ ก็ยังคงดีอยู่ แต่บทบาทนี้ก็ไม่ได้ท้าทายความสามารถของเขามากนัก เป็นแค่การทำซ้ำสิ่งที่เขาเคยทำมาหลายครั้งแล้วในหนังแนวนี้
มิเชล โมนาแฮน ในบทเจสสิก้าได้พัฒนาตัวละครของเธอมากขึ้นในภาคนี้ เธอไม่ใช่แค่ภรรยาที่ต้องอดทนกับสถานการณ์ที่สามีสร้างขึ้นอีกต่อไป แต่กลับเป็นพาร์ทเนอร์ที่สามารถช่วยเหลือและเข้าร่วมในการต่อสู้ได้ บางฉากเธอแสดงให้เห็นว่าทักษะของแดนส่งผลกระทบต่อเธออย่างไร และเธอก็ดูตื่นเต้นกับมันด้วย เคมีระหว่างวอห์ลเบิร์กและโมนาแฮน รู้สึกเหมือนคู่สามีภรรยาจริงๆ ที่รักกันแต่ก็พร้อมจะหงุดหงิดกันได้ทุกเมื่อ
คิต ฮารริงตัน ในบทเอเดน ศัตรูหลักของหนัง เป็นจุดเด่นที่ทำให้ภาคนี้ดีขึ้นกว่าภาคแรก ตัวละครของเขามีมิติมากกว่าแค่วายร้ายธรรมดา เขามีประวัติที่เชื่อมโยงกับแดน และแรงจูงใจที่ทำให้เราเข้าใจได้ว่าทำไมเขาถึงอยากแก้แค้น ฮารริงตันแสดงด้วยความเข้มข้นที่เหมาะสม ทำให้เอเดนเป็นภัยคุกคามที่น่ากลัวจริงๆ แม้ว่าบางฉากจะรู้สึกว่าเขากำลังพยายามเล่นซีเรียสจนเกินไปในหนังที่มีโทนคอมเมดี้
นักแสดงเด็ก อย่าง โซอี้ คอลเลตติ้ (Zoe Colletti) ในบทนีน่า และ แวน ครอสบี้ (Van Crosby) ในบทไคล์ แสดงได้ดีในฐานะลูกวัยรุ่นที่กำลังเติบโตและมีความคิดเป็นของตัวเอง พวกเขาไม่ได้แค่เป็นตัวละครรอง แต่มีส่วนร่วมในการช่วยพ่อแม่ด้วยวิธีของตัวเอง นีน่ามีฉากที่เธอใช้ทักษะเทคโนโลยีช่วยครอบครัว ในขณะที่ไคล์ก็มีช่วงเวลาที่แสดงความกล้าหาญออกมา
นักแสดงสมทบอย่าง เรด้า อิลาซูอาร์ (Reda Elazouar) มาเพิ่มมิติให้กับหนังด้วยบทบาทที่น่าสนใจ แม้ว่าจะไม่ได้มีเวลาบนหน้าจอมากนัก แต่ก็ทิ้งความประทับใจได้ดี โดยรวมแล้ว การแสดงในหนังเรื่องนี้ถือว่าพอใช้ได้ ไม่มีใครแสดงได้แย่มาก แต่ก็ไม่มีใครแสดงได้โดดเด่นจนน่าจดจำ

หนึ่งในสิ่งที่ชัดเจนว่าดีขึ้นจากภาคแรกคือ งบประมาณและการผลิต ครั้งนี้หนังมีฉากแอ็คชั่นที่ลงทุนมากขึ้น โดยเฉพาะฉากไล่ล่าบนทางหลวงในยุโรปที่มีรถยนต์หลายคันพุ่งชนกัน มีการถ่ายทำที่เรียบร้อยและตื่นเต้นพอสมควร ผู้กำกับ ไซมอน เซลแลน โจนส์ (Simon Cellan Jones) แสดงให้เห็นว่าเขาเข้าใจวิธีการจัดการฉากแอ็คชั่นได้ดีขึ้น ทำให้หนังแนวคอมเมดี้อย่างนี้ก็สามารถมีแอ็คชั่นที่ดูโปรฟเฟสชั่นนัลได้
ปัญหาคือฉากแอ็คชั่นเหล่านี้บางครั้งก็ ขัดแย้งกับโทนของหนัง ช่วงหนึ่งเราอาจเห็นฉากต่อสู้ที่รุนแรง แล้วฉากถัดมาก็เป็นมุกตลกที่พยายามทำให้เราหัวเราะ การสลับระหว่างสองโทนนี้ทำให้หนังรู้สึกไม่ราบรื่น เหมือนกับเด็กเล็กที่พยายามเล่นสเก็ตบอร์ดแต่ยังไม่ค่อยทรงตัว คอยโซเซไปมา
ภาพและทัศนียภาพ ถ่ายทอดความสวยงามของยุโรปในช่วงคริสต์มาสได้ดี เรามองเห็นตลาดคริสต์มาสในลอนดอน ถนนที่ตกแต่งไฟสวยงามในปารีส และภูเขาหิมะในสวิตเซอร์แลนด์ สถานที่เหล่านี้ช่วยเพิ่มบรรยากาศให้กับหนัง แม้ว่าบางครั้งก็ดูเหมือนหนังกำลังโชว์ทัวร์ท่องเที่ยวมากกว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราว
ฉากปล้นธนาคาร เป็นหนึ่งในไฮไลท์ของหนัง แม้ว่าจะเกิดขึ้นค่อนข้างกะทันหันและไม่ได้มีการวางแผนที่ซับซ้อนมากนัก แต่ก็สร้างความตื่นเต้นได้พอสมควร ฉากนี้แสดงให้เห็นว่าครอบครัวมอร์แกนสามารถทำงานร่วมกันได้ โดยแต่ละคนใช้ทักษะของตัวเองมาช่วยเหลือ ซึ่งเป็นแนวคิดที่ดีแต่ก็ดำเนินเรื่องไปอย่างรวดเร็วจนเกินไป
เสียงประกอบ ใช้เพลงคริสต์มาสคลาสสิกผสมกับดนตรีแอ็คชั่นที่ดังและตื่นเต้น บางครั้งก็เข้ากัน บางครั้งก็รู้สึกว่าหนังกำลังบังคับให้เรารู้สึกถึงบรรยากาศคริสต์มาสมากเกินไป โดยรวมแล้ว การผลิตของหนังเรื่องนี้ดีกว่าภาคแรก แต่ก็ยังไม่ได้อยู่ในระดับที่ทำให้หนังโดดเด่นจากหนังแอ็คชั่นคอมเมดี้เรื่องอื่นๆ

สิ่งที่ The Family Plan 2 ทำได้ดีคือ พลวัตของครอบครัว หนังแสดงให้เห็นว่าครอบครัวที่รู้จักซึ่งกันและกันจริงๆ จะมีปฏิสัมพันธ์อย่างไร พวกเขาทะเลาะกัน สนับสนุนกัน และยืนหยัดข้างกันในยามจำเป็น ความสัมพันธ์ระหว่างแดนกับลูกสาวของเขามีการพัฒนาที่น่าสนใจ เมื่อเธอเริ่มเข้าใจพ่อมากขึ้นและเห็นด้านที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน
อีกจุดเด่นหนึ่งคือ ตัวละครวายร้ายที่ดีขึ้น เอเดนไม่ใช่แค่คนร้ายมิติเดียวที่ต้องการทำลายแดนเพียงเพราะอยากจะชั่วร้าย เขามีเหตุผล มีอดีต และมีความขัดแย้งภายในที่ทำให้เราเห็นว่าเขาไม่ได้เป็นคนชั่วร้ายโดยสมบูรณ์ ถึงแม้ว่าการพัฒนาตัวละครของเขาจะไม่ได้ลึกซึ้งมากนัก แต่ก็ดีพอที่จะทำให้หนังน่าสนใจขึ้น
แต่หนังก็มี จุดด้อยที่ชัดเจน หนึ่งในนั้นคือ การใช้มุกตลกซ้ำๆ หนังพยายามหนักที่จะทำให้เราหัวเราะ และบางมุกก็ยืดเยื้อนานจนเกินไป มุกเกี่ยวกับเด็กวัยรุ่นสมัยใหม่ก็ดูเหมือนหนังกำลังพยายามเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างบังคับ โดยใช้สแลงและการอ้างอิงถึงวัฒนธรรมเน็ตอย่างผิวเผิน ทำให้รู้สึกไม่จริงใจ
จังหวะของหนัง ก็เป็นปัญหาอีกเช่นกัน หนังรู้สึกทั้งยาวเกินไปและเร็วเกินไปในเวลาเดียวกัน บางฉากดำเนินไปอย่างรวดเร็วจนเราไม่ทันได้ซึมซับสิ่งที่เกิดขึ้น ในขณะที่บางฉากก็ยืดเยื้อจนเบื่อ การตัดต่อดูเหมือนจะทำขึ้นอย่างรีบร้อน ทำให้หนังไม่มีจังหวะที่สม่ำเสมอ รู้สึกเหมือนคนเดินแล้วเหยียบเลโก้ เดินได้แต่สะดุดไปเรื่อยๆ
ความคาดเดาได้ เป็นอีกปัญหาใหญ่ เราสามารถเดาได้ตั้งแต่ต้นเรื่องว่าจะเกิดอะไรขึ้น ใครจะหักหลัง และจะจบอย่างไร หนังไม่ได้พยายามสร้างความประหลาดใจ แต่เลือกที่จะเดินตามสูตรของหนังแนวนี้อย่างเคร่งครัด ซึ่งทำให้หนังปลอดภัย แต่ก็น่าเบื่อไปในตัว

The Family Plan 2 คือหนังที่พยายามอย่างหนักที่จะสร้างความบันเทิงในช่วงเทศกาล มันมีแอ็คชั่นที่ดีขึ้น ตัวละครวายร้ายที่น่าสนใจกว่า และพลวัตของครอบครัวที่น่ารัก แต่ก็ยังคงมีปัญหาเดิมๆ อย่างมุกตลกที่ซ้ำซาก จังหวะที่ไม่สม่ำเสมอ และความคาดเดาได้ หนังเรื่องนี้ไม่ได้แย่มาก แต่ก็ไม่ได้ดีเด่นจนน่าจดจำ
สำหรับใครที่ชื่นชอบ หนังแอ็คชั่นคอมเมดี้แบบไม่ต้องคิดมาก และต้องการหนังดูเล่นๆ ในช่วงวันหยุด The Family Plan 2 ก็คุ้มค่ากับเวลาพอสมควร หนังเรื่องนี้จะไม่ทำให้เราต้องใช้สมองมาก ไม่ท้าทายอารมณ์ และก็ไม่ได้พยายามจะเป็นอะไรมากกว่าความบันเทิงเบาๆ มันเหมือนการกินขนมขบเคี้ยว รู้ว่าไม่ได้มีประโยชน์อะไร แต่ก็กินไปเพราะอยากกิน
แต่ถ้าหากกำลังมองหาหนังที่จะติดใจหรือมีอะไรใหม่ๆ หนังเรื่องนี้อาจจะไม่ใช่คำตอบ เราจะได้เห็นสิ่งที่คุ้นเคยซ้ำแล้วซ้ำเล่า ได้หัวเราะบ้างในบางจุด ได้เห็นแอ็คชั่นที่พอใช้ได้ และจบด้วยความรู้สึกว่า “โอเค ก็พอดูได้นะ” ไม่มากไม่น้อย แค่นั้นเอง หนังเรื่องนี้ปราศจากความทะเยอทะยาน แต่ก็ได้ผลลัพธ์ที่มันตั้งเป้าหมายไว้ คือความบันเทิงเบาสมองในช่วงคริสต์มาส
มาแชร์ความคิดเห็นกันในคอมเมนต์ว่าหนังเรื่องนี้ทำให้เราคิดอย่างไรเกี่ยวกับการพักผ่อนกับครอบครัว และอย่าลืมแชร์รีวิวนี้ให้เพื่อนๆ ที่กำลังมองหาหนังดูในช่วงวันหยุด!
- ชื่อเรื่องในภาษาอังกฤษ: The Family Plan 2
- ประเภท: แอ็คชั่น, คอมเมดี้, คริสต์มาส
- วันที่ออกฉาย: 21 พฤศจิกายน 2568 (2025)
- นักแสดงนำ: มาร์ค วอห์ลเบิร์ก (Mark Wahlberg), มิเชล โมนาแฮน (Michelle Monaghan), คิต ฮารริงตัน (Kit Harington), โซอี้ คอลเลตติ้ (Zoe Colletti), แวน ครอสบี้ (Van Crosby)
- ผู้กำกับ: ไซมอน เซลแลน โจนส์ (Simon Cellan Jones)
- นักเขียนบท: เดวิด คอกเกสฮอลล์ (David Coggeshall)
- ความยาว: 1 ชั่วโมง 46 นาที
- ช่องทางการดูในประเทศไทย: Apple TV+
หนังแอ็คชั่นคอมเมดี้ครอบครัวที่สนุกแต่คาดเดาได้
บทภาพยนตร์ - 5.8
การแสดง - 6.5
โปรดักชัน - 7
ความบันเทิง - 6.2
ความคุ้มค่าในการรับชม - 6
6.3
The Family Plan 2 กลับมาพร้อมกับการผจญภัยของครอบครัวมอร์แกนอีกครั้งในช่วงคริสต์มาส ครั้งนี้แดนต้องพาครอบครัวหนีศัตรูจากอดีตข้ามทวีปยุโรป ท่ามกลางการปล้นธนาคาร ฉากไล่ล่า และเหตุการณ์วุ่นวายมากมาย หนังเรื่องนี้ปรับปรุงหลายจุดจากภาคแรก โดยเฉพาะตัววายร้ายที่น่าสนใจขึ้น แต่ก็ยังคงเป็นหนังที่คาดเดาได้และใช้มุกตลกซ้ำซากจากภาคแรก เหมาะสำหรับดูเล่นๆ ในช่วงวันหยุด แต่อาจไม่ใช่หนังที่จะจดจำได้นานหลังจบฉาย
![[รีวิว-เรื่องย่อ] สายสืบวงในวัยเก๋า | A Man on the Inside ซีซั่น 2](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/11/Review-A-Man-on-the-Inside-2.webp)
![[รีวิว-เรื่องย่อ] วันหนักของคนหน่วง | The Follies (2025)](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/11/Review-Las-Locuras.webp)
![[รีวิว-เรื่องย่อ] โค้ดรักหัวใจไม่มีรวน | Love.exe (2025)](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/11/Review-LOVE.exe-2025.webp)
![[รีวิว-เรื่องย่อ] ชีวิตน่าอิจฉา | Envious ซีซั่น 3 ชีวิตน่าอิจฉา ดราม่ารักที่คาดเดาได้](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/11/Review-Envious-Season-3.webp)
![[รีวิว-เรื่องย่อ] แชมเปญรัก ปัญหาร้าย | Champagne Problems (2025)](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/11/Review-Champagne-Problems-2025.webp)
![[รีวิว-เรื่องย่อ] ช่องว่างที่ขาดหาย สายใยที่ผูกพัน | The Son of a Thousand Men (2025)](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/11/Review-The-Son-of-a-Thousand-Men-2025.webp)
![[รีวิว-เรื่องย่อ] หวีดสุดขีด | Scream (1996)](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/11/Review-Scream-1996.webp)
![[รีวิว-เรื่องย่อ] ปฏิบัติการถูกสลาก | How To Win The Lottery (2025)](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/11/Review-Me-Late-Que-Si-2025.webp)