รีวิวซีรีส์เกาหลี

[รีวิว-เรื่องย่อ] ไปให้สุด แล้วหยุดที่ดวงจันทร์ | To The Moon (2025)

  • To the Moon คือซีรีส์เกาหลีแนวคอมเมดี้ดราม่าที่เล่าเรื่องสาวๆ สามคนพลิกชะตาชีวิตจากงานห่วยๆ ด้วยการลงทุนคริปโตในปี 2017-2018
  • การแสดงของลี ซอนบิน ในบทจอง ดาแฮ โดดเด่นด้วยความฮาและน่ารักแบบสาวไทยวัยรุ่น ผสมดราม่าชีวิตจริงที่ใครๆ ก็อิน
  • ซีรีส์เจาะลึกมิตรภาพเพื่อนสาวและการลุกขึ้นสู้ ท่ามกลางตลาดคริปโตที่ผันผวน รับประกันความสนุกแบบไม่ต้องรู้เรื่องเงินดิจิทัลก็ดูได้
  • ผู้กำกับนำเสนอเรื่องราวแบบเบาสมองแต่มีสาระ สร้างแรงบันดาลใจให้สาวๆ กล้าฝันใหญ่แม้ชีวิตจะติดหล่ม

เคยคิดไหมว่าชีวิตห่วยแตกแบบไม่รู้จะไปต่อยังไง แต่จู่ๆ เพื่อนสาวสองคนก็โผล่มาแบบฮีโร่ พาไปลุยเรื่องบ้าๆ ที่อาจพลิกเกมทั้งหมด? To the Moon (2025) ซีรีส์เกาหลีสุดฮาที่พาไปดูชีวิตสาวออฟฟิศสามคนในปี 2017 พวกเธอเจอเจ้านายแย่ งานเครียด แล้วยังมีแฟนหักหลังอีก! แต่แทนที่จะจมปลัก พวกเธอกลับรวมหัวกันลงทุน คริปโต เพื่อหนีจากชีวิตน่าเบื่อ เรื่องนี้เหมือนเพื่อนสนิทชวนเม้าท์มอยเรื่องจริง แต่เพิ่มความฮาและดราม่าแบบเกาหลีแท้ๆ

ตอนแรกดูจากโปสเตอร์ คิดว่าจะเป็นซีรีส์ตลกเกินเบอร์ แบบฮาแต่ไม่ค่อยลงตัว เหมือนซีรีส์เก่าของลี ซอนบิน ที่ต้องรอสามตอนกว่าจะเข้าที่ แต่เอาเข้าจริง ตอนแรกทำเซอร์ไพรส์ใหญ่เลยนะ! มันค่อยๆ วาดภาพตัวละครให้ชัด ชวนให้รักมิตรภาพของสาวๆ สามคนนี้ซะก่อน แล้วค่อยโยนมุกฮาเข้ามาแบบพอดีๆ ไม่ล้น ดูแล้วรู้สึกอบอุ่น เหมือนนั่งเม้าท์กับแก๊งเพื่อนที่เจอเรื่องแย่ๆ เหมือนกันทุกคน

บทความนี้จะพาเจาะลึกทุกมุมของ To the Moon ตั้งแต่เรื่องย่อตอนแรก การแสดงที่ฮาแตะใจ ไปจนถึงธีมพลิกชีวิตด้วยคริปโตที่ชวนคิด ว่าถ้าชีวิตติดหล่มแบบนี้ จะกล้าลุยตามไหม? มาดูกันว่าซีรีส์เรื่องนี้จะพาไปหัวเราะ ร้องไห้ และได้แรงบันดาลใจยังไงบ้าง!

To The Moon (2025) #1

รีวิวและเรื่องย่อ To The Moon (ไปให้สุด แล้วหยุดที่ดวงจันทร์)

To the Moon เปิดเรื่องย้อนไปปี 2014 กับจอง ดาแฮ สาวตัวเอกที่กำลังสมัครงานที่บริษัทขนมมารรอน เธอสิ้นหวังมาก จนแม้จะโดนต่อยตาโดยผึ้งป่าก็ยังสู้ต่อ แถมยังล้มหมดสติ แล้วเจอวิญญาณตัวเองในอนาคตเตือนว่าถ้ารับงานนี้ ชีวิตจะแย่ในอีกไม่กี่ปี! แต่ดาแฮไม่สน ยังไงก็ต้องได้งานนี้อยู่ดี ฉากนี้ฮาแบบคลาสสิกเกาหลี ใครดูซีรีส์เกาหลีคงคุ้นๆ แต่ทำไมมันยังฮาอยู่ล่ะเนี่ย?

ตัดมาปี 2017 ชีวิตดาแฮไม่ได้ดีขึ้นเลยนะ เจ้านายสุดแย่ รับบทโดยอึม มุนซอก ที่เปลี่ยนสีได้เก่งมาก ไม่ว่าจะสับชื่อเธอกับเพื่อนร่วมงาน หรือห่วงแล็ปท็อปตัวเองมากกว่าตอนที่ดาแฮโดนกาแฟรดทั้งแก้ว แถมยังให้เธอเดินขึ้นบันได 14 ชั้นเพราะลิฟต์เต็ม! ดูแล้วโมโหแทน แต่ก็ขำเพราะมันจริงจังแบบชีวิตออฟฟิศไทยๆ เลย ใครเคยเจอเจ้านายแบบนี้ ยกมือขึ้นสิ!

แล้ววันประเมินผลงานก็มาถึง พนักงานดีๆ ได้เลื่อนขั้น แต่ดาแฮโดนเรตติ้งเฉยๆ แบบกลางๆ ใจสลายเลยทีเดียว แต่ที่นี่เราก็ได้เจอเพื่อนสาวสองคนของเธอ คัง อึนซัง รับบทโดยรา มีรัน ที่ทำงานหนักแทนบอสเมาค้างทั้งวัน ทำหน้าที่ 10 คนแต่ก็ไม่เลื่อนขั้นเหมือนกัน แล้วคิม จีซอง รับบทโดยโจ อาแรม สาวที่ทำตัวเหมือนลูกคุณหนูแต่ชีวิตจริงลำบาก บอสชอบแตะไหล่เธอแบบไม่เหมาะสม แถมเธอยังเสียเวลาช้อปปิ้งออนไลน์และวิดีโอคอลแฟนหนุ่มชาวจีนเว่ยหลิน รับบทโดยจาง เฮา จาก ZEROBASEONE ฮาแตก!

ทั้งสามคนเจอกันเพราะถูกทิ้งไว้ข้างหลังตลอด ดาแฮเรียกตัวเองว่าคนไม่มีตัวตน พวกนอกคอก และลูกจ้างที่มาผิดจังหวะ แต่สามปีผ่านไป พวกเธอกลายเป็นเพื่อนซี้ที่กินข้าวด้วยกัน มัดผมพร้อมกันก่อนข้าว แล้วเม้าท์เรื่องแย่ๆ ในชีวิต ดูฉากพวกเธอรวมหัวกัน แล้วรู้สึกอยากมีแก๊งแบบนี้บ้างเลยนะ อบอุ่นแบบเพื่อนวัยรุ่นที่คอยปลอบกันตอนเจอเรื่องห่วย

ดาแฮของลี ซอนบิน คือสาวธรรมดาที่ฮาและซวยแบบน่ารัก เธอฝันอยากมีชีวิตเรียบง่าย แต่ชีวิตกลับโยนปัญหาใส่ไม่ยั้ง อย่างแฟนที่หายตัวไปตั้งแต่เมื่อวาน ก่อนหน้านี้เขายังหวานใส่ตอนสมัครงาน แต่ตอนนี้ดาแฮเริ่มสงสัยเพราะโทรไม่ติด เลยไปแจ้งความที่สถานี ระหว่างทางมีแฟลชแบ็กคืนก่อนที่ดูน่ารัก แต่พอคิดดีๆ มันไม่ใช่! จริงๆ แล้วพวกเขากำลังจูบกัน แต่แฟนโดนเอกสารรบกวน แล้วดาแฮพยายามชวนย้ายมาอยู่ด้วยเพื่อไปสู่การแต่งงาน แต่เขาหลบๆ หนี แล้ววิ่งออกไปซื้อที่เปิดขวดไวน์ แล้วไม่กลับ! ฉากนี้ชวนให้คิด ว่าทำไมเรามักหลอกตัวเองเรื่องความสัมพันธ์แบบนี้ล่ะ?

ที่สถานีตำรวจ มีจอง อึนจิ แสดงแบบแคมโคสุดเจ๋ง (เหมือนใน Work Later, Drink Now) ถามข้อมูล แต่พอ ดาแฮนึกถึงคืนนั้นจริงๆ เธอตระหนักว่ามันไม่ใช่แฟนหาย แต่คือเลิกกัน! เธอทิ้งใบแจ้งความแล้วเดินออกไป ท่ามกลางคนทะเลาะกันที่หันมางงๆ แล้วปรบมือเชียร์เธอ ฮาแบบพิลึกๆ เกาหลีแท้ๆ แถมวันนี้ยังเป็นวันเกิดและคริสต์มาสของดาแฮด้วย เธอเตรียมตัวนั่งดื่มไวน์คนเดียวที่บ้าน แต่แฟนโผล่มาตรงหน้า ไม่ใช่มาขอโทษนะ แต่มาทะเลาะ! ดาแฮเล่าฝันอยากย้ายมาอยู่ด้วย แต่งงาน มีความสุข แต่แฟนสวนว่าชีวิตพวกเธอไม่มีทางรอด กรุงโซลแพง เธอไม่มีงานมั่นคง มันเจ็บปวดแบบมีดกรีดใจ ก่อนที่ดาแฮจะทุบขวดไวน์ใส่เขา แล้วตัวเองเปื้อนไวน์และน้ำตา

ยังไม่จบแค่นั้น เพื่อนสองคนโผล่มาพร้อมเค้กฉลองวันเกิด แต่จีซองได้ยินแฟนคุยกับเมียหลวงอีกคน! ดาแฮโดนหักหลังซ้ำเติม ใจสลาย แต่พวกเธอไปนั่งร้องไห้ที่แม่น้ำฮัน แล้ววางแผนแก้แค้นสุดฮา พวกเธอเต้นเพลงดิสกลางถนน สวมโบว์ขนนก ร้องว่า “อยู่กับเธอคือทรมานสุดๆ” แล้วเทปลาไหลใส่รถแฟน ฮาแบบหยุมหยิม แต่สะใจมาก! ใครเคยโดนหักหลัง คงอยากทำตามบ้างแหละเนอะ มันคือโมเมนต์ที่แสดงให้เห็นว่ามิตรภาพเพื่อนสาวนี่แหละคือพลังวิเศษ

แฮม จีวู รับบทโดยคิม ยังแด นายกองผู้กำกับที่บริษัท พบดาแฮสองครั้งก่อนหน้า ครั้งแรกตอนสัมภาษณ์ เธอตาบวมจากผึ้ง เขาจดบันทึกแล้วขีดๆ ตาเธอเล่นๆ ฮาน่ารัก ครั้งสองคือวันก่อน เธอไปส่งของ แล้วลองเก้าอี้นวดพีพีแอล แบบแอบๆ จนติด แล้วแกล้งหลับตอนเข้ามา! คลาสสิกฉากเจอกันแบบน่ารักๆ ที่ชวนให้กรี๊ด อยากเห็นคู่นี้พัฒนาต่อเลย

หลังแก้แค้นเสร็จ สาวๆ สามคนเริ่มหม่นหมองอีก ดาแฮกับจีซองมองพื้นน้ำแข็งข้างทาง คิดว่ามันคือจุดจบของวันห่วยๆ แต่ อึนซังมีเซอร์ไพรส์! เธอสวมถุงเท้าเหนือรองเท้าเพื่อไม่ลื่น แล้ววิ่งมาบอกว่ามีทางออกจากงานตันๆ พวกเธอเปลี่ยนชะตาได้ด้วยการลงทุน คริปโต! ดาแฮกับจีซองงงๆ แต่ อึนซังดูมั่นใจมาก ชวนให้เชื่อตาม ฉากนี้จบตอนแบบค้างคา อยากรู้ต่อว่าพวกเธอจะลุยยังไง

To The Moon (2025) #2

To the Moon ไม่ได้ให้ตัวละครทำอะไรใหม่ๆ ลี ซอนบิน คือสาวฮาแต่ซวย รา มีรัน ผสมความจริงจังกับฮาได้ลงตัว คิม ยังแด สวยและซุกซนแบบเดิม แต่แทนที่จะน่าเบื่อ มันกลับให้ความรู้สึกอบอุ่น เหมือนกลับบ้าน เรื่องราวคุ้นๆ แต่ชวนให้ลุ้น สาวมวยรองที่สู้ต่อ ไม่ว่าจะเจอระบบหรืออะไรก็ตาม มันเป็นสากลมาก ใครๆ ก็เคยอยากพลิกชีวิตแบบนี้

ซีรีส์อ้างอิงตลาดคริปโตปี 2018 แบบสมมติ แต่ชวนคิดว่าถ้าลงทุนจริงๆ จะรวยมั้ย? แม้ไม่รู้เรื่องบิตคอยน์ ก็ดูสนุกได้ เพราะมันเกี่ยวกับมิตรภาพและความกล้า ซีรีส์เรื่องนี้เหมือนกระตุ้นให้คิด ถ้าชีวิตติดหล่ม จะกล้าลองเสี่ยงเพื่อฝันใหญ่ไหม? สาวๆ สามคนนี้อยากมีชีวิตดีกว่า แล้วเราก็อยากเห็นพวกเธอไปถึงดวงจันทร์จริงๆ!

To the Moon (2025) คือซีรีส์ที่ผสมฮากับดราม่าได้ลงตัว ชวนให้หัวเราะกับฉากแก้แค้น แล้วสะท้อนใจกับปัญหาชีวิตจริง มันแสดงให้เห็นว่ามิตรภาพเพื่อนสาวคือกุญแจสำคัญในการลุกขึ้นสู้ แม้จะเจอเจ้านายแย่ แฟนหักหลัง หรืองานตันๆ แต่ถ้ามีเพื่อนคอยเชียร์ ก็พอจะลุยต่อได้ ธีมคริปโตไม่ใช่แค่เรื่องเงิน แต่คือการกล้าฝันและเสี่ยงเพื่อเปลี่ยนชะตา ในยุคที่ทุกคนเครียดกับงานและเงิน ซีรีส์เรื่องนี้เหมือนแรงบันดาลใจเบาๆ ที่ชวนให้ยิ้ม

ใครที่ชอบซีรีส์เกาหลีแนวสาวแก๊งแกร่งแบบเบาสมองแต่มีสาระ To the Moon ต้องโดน! ลองดูตอนแรกแล้วจะติด อยากรู้ว่าสาวๆ จะรวยจากคริปโตจริงมั้ย หรือเจอปัญหาอะไรต่อ? มาแชร์ในคอมเมนต์ว่าชอบฉากไหนที่สุด หรือเคยพลิกชีวิตแบบนี้บ้างมั้ย แล้วอย่าลืมแชร์รีวิวนี้ให้เพื่อนๆ ที่กำลังหาซีรีส์ใหม่ดู ชีวิตมันสั้น มาลุยฝันใหญ่ไปด้วยกันเถอะ!

  • ชื่อเรื่องในภาษาไทย: ไปให้สุด แล้วหยุดที่ดวงจันทร์
  • ประเภท: คอมเมดี้, ดราม่า, โรแมนติก
  • วันที่ออกฉาย: 19 ก.ย. 2568
  • นักแสดงนำ: ลี ซอนบิน (Lee Sun-bin), รา มีรัน (Ra Mi-ran), คิม ยังแด (Kim Young-dae), โจ อาแรม (Jo Ah-ram), อึม มุนซอก (Eum Moon-seok)
  • ผู้กำกับ: Oh Da Young, Jung Hoon
  • ความยาว: 12 ตอน
  • เรตติ้ง MyDramaList: 7.5/10
  • ช่องทางการดูในประเทศไทย: Viu

PhiRa W.

เป็นนักเขียนอิสระที่หลงใหลในสื่อบันเทิงทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ซีรีส์ วาไรตี้ และสารคดี ผมชอบที่จะวิเคราะห์และถอดรหัสเนื้อหาเหล่านั้นออกมาในรูปแบบของรีวิวที่เข้าใจง่ายและสนุกสนาน เพื่อแบ่งปันมุมมองและประสบการณ์ให้กับผู้อ่าน

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button