รีวิวอนิเมะ

[รีวิว-เรื่องย่อ] Touring After the Apocalypse (2025)

  • Touring After the Apocalypse เป็นอนิเมะที่เล่าเรื่องสองสาวท่องเที่ยวญี่ปุ่นหลังอารยธรรมล่มสลาย เน้นความสนุกและการสำรวจมากกว่าความมืดมน
  • ตัวละครหลักอย่างโยโกะและแอริริแสดงให้เห็นความกระตือรือร้นที่แท้จริง ท่ามกลางโลกที่เต็มไปด้วยพืชพรรณและสัตว์ป่า
  • อนิเมะนี้แตกต่างจาก Girls’ Last Tour ด้วยโทนที่เบาสมองกว่า แต่ยังคงเสน่ห์ของการเอาชีวิตรอดแบบชิลล์ๆ
  • ผู้กำกับนำเสนอโลกหลังวันสิ้นโลกที่ยังมีชีวิตชีวา ทำให้เรื่องราวเต็มไปด้วยความหวังและการค้นพบ

เราเคยฝันไหมว่าถ้าโลกพังยับ หลังจากที่มนุษย์หายไปหมด เราจะทำยังไงเพื่อให้วันๆ ของเรายังสนุกอยู่? ลองนึกภาพสองสาวคู่หู ขี่มอเตอร์ไซค์ตะลุยผ่านซากปรักหักพังของญี่ปุ่นที่เงียบสงัด แต่แทนที่จะกลัวหรือเศร้า พวกเธอกลับถ่ายรูป ท่องเที่ยว และหัวเราะคิกคักกับทุกสิ่งรอบตัว อนิเมะ Touring After the Apocalypse (2025) พาเราไปสัมผัสโลกแบบนั้นเลย เรื่องราวที่ไม่ใช่แค่การรอดชีวิต แต่เป็นการใช้ชีวิตให้เต็มที่ท่ามกลางหายนะ

เรื่องนี้ไม่ใช่แนวโหยหวนเศร้าสร้อยแบบหนังวันสิ้นโลกทั่วไป แต่กลับชวนให้เรายิ้มตามกับความสดใสของตัวละครหลัก โยโกะสาวมนุษย์ธรรมดาๆ กับแอริหุ่นยนต์สุดน่ารัก ที่ออกเดินทางด้วยกันหลังจากที่ธรรมชาติยึดครองโลกเก่าไปหมด ญี่ปุ่นที่เคยคึกคักตอนนี้กลายเป็นป่าทึบ สัตว์ป่าออกอาละวาด และตึกสูงๆ ถูกเถาวัลย์พันธงชัย แต่สำหรับสองสาวนี่ มันคือสนามเด็กเล่นใหม่ที่พร้อมให้สำรวจ อนิเมะเรื่องนี้ทำให้เราเห็นว่าความสุขไม่ได้อยู่ที่สถานที่ แต่ขึ้นกับทัศนคติของเราเอง

ในบทความนี้ เราจะพาไปเจาะลึกทุกมุมของอนิเมะเรื่องนี้ ตั้งแต่เรื่องย่อที่ชวนติดงอมแงม ไปจนถึงธีมลึกๆ เกี่ยวกับการใช้ชีวิตหลังหายนะ และทำไมมันถึงเป็นอนิเมเรื่องที่เหมาะสำหรับคนที่อยากหาความหวังในวันที่มืดมน มาดูกันว่า Touring After the Apocalypse จะพาเราไปผจญภัยในญี่ปุ่นร้างได้สนุกแค่ไหน

Touring After the Apocalypse (2025) #1

Touring After the Apocalypse เปิดเรื่องด้วยภาพญี่ปุ่นหลังหายนะใหญ่ ที่อารยธรรมมนุษย์ล่มสลายไปนานแล้ว ธรรมชาติกลับมาครอบครองทุกอย่าง ตั้งแต่ถนนที่ปกคลุมด้วยหญ้าสูงยาว ไปจนถึงเมืองที่กลายเป็นป่าดงดิบ สองสาวหลัก โยโกะและแอริ เริ่มต้นการเดินทางจากฮาโกเนะบนเกาะคิวชู จุดใต้สุดของญี่ปุ่นที่เคยเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิต โยโกะกำลังเติมน้ำมันให้มอเตอร์ไซค์เซโร่ของเธอ ก่อนจะออกตะลุยถนนที่ว่างเปล่า ท่ามกลางโลกที่ไม่มีมนุษย์เหลืออยู่เลยสักคน แต่แทนที่จะเหงาหรือกลัว สองสาวกลับตื่นเต้นกับการผจญภัยครั้งนี้มากกว่า

โยโกะเป็นสาวมนุษย์วัยรุ่นธรรมดาๆ ที่เติบโตในที่หลบภัยหลังหายนะ เธอมีภาพจำเก่าๆ จากญี่ปุ่นสมัยก่อน จากเรื่องเล่าของพี่สาว ทำให้เธอมักเห็นภาพประสาทหลอนของโลกเก่าๆ ที่คึกคัก ขณะที่แอริหุ่นยนต์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นเพื่อน เต็มเปี่ยมไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นแบบเด็กๆ เธอช่วยโยโกะสำรวจทุกมุม ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายรูปตรงจุดเดิมที่พี่สาวเคยอยู่ หรือค้นพบของเก่าๆ ในร้านค้าที่ถูกทิ้งร้าง สองตัวละครนี้เข้ากันได้ดีสุดๆ โยโกะนำทางด้วยหัวใจมนุษย์ ส่วนแอริเติมเต็มด้วยเทคโนโลยีที่ยังเหลืออยู่ ทำให้การเดินทางของพวกเธอไม่เคยน่าเบื่อ

เรื่องราวดำเนินไปแบบช้าๆ แต่ชวนให้เราอยากติดตาม ทุกตอนคือการท่องเที่ยวในสถานที่จริงของญี่ปุ่นที่ถูกบิดเบี้ยวให้กลายเป็นโลกหลังวันสิ้นโลก เช่น การปีนป่ายซากรถไฟที่ถูกเถาวัลย์กลืนกิน หรือการพักค้างในโรงแรมร้างที่ยังมีวิวทะเลสวยงาม สองสาวไม่ใช่แค่รอดชีวิต แต่พวกเธอสร้างความทรงจำใหม่ๆ ด้วยการสนุกกับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ อย่างการกินอาหารกระป๋องเก่าๆ หรือฟังเสียงลมพัดผ่านป่าทึบ มันทำให้เราเห็นว่าการมีเพื่อนคู่ใจสักคน สามารถเปลี่ยนหายนะให้กลายเป็นการผจญภัยที่น่าจดจำได้ยังไง

อนิเมะเรื่องนี้สร้างบรรยากาศได้แบบลงตัวสุดๆ ไม่ใช่โทนมืดหม่นแบบหนังซอมบี้ทั่วไป แต่เป็นโลกที่ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยชีวิต ธรรมชาติที่นี่ไม่ใช่ศัตรู แต่เป็นส่วนหนึ่งของการผจญภัย ป่าที่ขึ้นรกชัฏ สัตว์ป่าที่โผล่มาทักทาย และเสียงเงียบสงบของซากเมือง ทำให้ทุกฉากดูเหมือนท่องเที่ยวจริงๆ แต่มีกลิ่นอายลึกลับซ่อนอยู่ ยกตัวอย่างเหมือนเราไปเที่ยวญี่ปุ่นหลังปิดประเทศนานๆ แล้วพบว่าทุกอย่างเปลี่ยนไป แต่ยังสวยในแบบของมันเอง ผู้กำกับใช้ภาพวาดสไตล์อนิเมะที่ละเอียดอ่อน สีเขียวสดใสตัดกับสีเทาของซากปรักหักพัง ทำให้เรารู้สึกทั้งอบอุ่นและตื่นเต้นไปพร้อมๆ กัน

ธีมหลักของเรื่องคือการใช้ชีวิตให้เต็มที่ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง โยโกะและแอริไม่สนใจว่ามนุษย์หายไปหมดแล้ว พวกเธอแค่สนุกกับการสำรวจและค้นพบสิ่งใหม่ๆ มันชวนให้เราคิดถึงชีวิตตัวเอง เหมือนถ้าเราเสียทุกอย่างไป เราจะยังหาความสุขได้จากตรงไหน? อนิเมะยังแฝงข้อความเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับเทคโนโลยี ผ่านแอริที่เป็นหุ่นแต่มีหัวใจอบอุ่น หรือภาพประสาทหลอนของโยโกะที่เชื่อมโยงอดีตกับปัจจุบัน ไม่มีคำอธิบายซับซ้อน แต่ปล่อยให้เราค่อยๆ ตีความเอง ทำให้เรื่องราวลื่นไหลและน่าคิดตามแบบไม่กดดัน

เทียบกับอนิเมะแนวใกล้เคียงอย่าง สาวสองคนเที่ยวโลกร้าง ที่เน้นความเหงาและปรัชญา Touring After the Apocalypse กลับเบาสมองกว่า เน้นความสนุกและความหวังแทน มันเหมือนทริปเที่ยวกับเพื่อนสนิทที่ไปเจอเรื่องแปลกๆ แต่สุดท้ายก็หัวเราะผ่านไปได้ โลกหลังวันสิ้นโลกที่นี่ไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นจุดเริ่มต้นใหม่ ที่ธรรมชาติและมนุษย์ที่เหลือ (หรือหุ่น) สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างลงตัว

Touring After the Apocalypse (2025) #2

สิ่งที่ทำให้อนิเมะเรื่องนี้โดดเด่นคือความสมจริงของตัวละคร สองสาวโยโกะและแอริไม่ใช่ฮีโร่สุดยอด แต่เป็นสาวๆ ธรรมดาที่กระตือรือร้นกับทุกสิ่งรอบตัว ไม่ว่าจะหลบกระสุนจากรถถังร้าง กินอาหารแห้งเก่าๆ หรือแค่นั่งมองวิวพระอาทิตย์ตก พวกเธอแสดงให้เห็นว่าความสุขอยู่ใกล้ตัวเสมอ แม้ในโลกที่หยุดนิ่งเพราะหายนะ มันชวนให้นึกถึงอนิเมะแนวเดินทางอย่าง ซูเปอร์คับ ที่เราเคยหลงรัก เพราะทั้งคู่เน้นการสำรวจญี่ปุ่นจริงๆ แต่เพิ่มลูกเล่นหลังวันสิ้นโลกเข้าไป ทำให้รู้สึกสดใหม่และน่าติดตาม

กราฟิกและเสียงประกอบก็ช่วยเสริมบรรยากาศได้ดี ภาพอนิเมะที่ละเอียด สีสันสดใสแต่มีโทนย้อนยุค ทำให้ญี่ปุ่นร้างดูน่าหลงใหล เสียงพื้นหลังอย่างลมพัดหรือเสียงสัตว์ป่า ผสมกับเพลงประกอบเบาๆ ชวนผ่อนคลาย ทำให้เรารู้สึกเหมือนนั่งดูท่องเที่ยวสารคดี แต่มีปริศนาลึกลับแฝงอยู่ เช่น ภาพประสาทหลอนของโยโกะที่ยังไม่ชัดเจนเป็นความทรงจำหรือแค่จินตนาการ? มันไม่รีบเฉลย แต่ชวนให้เราอยากดูต่อเพื่อหาคำตอบ

โดยรวมแล้ว อนิเมะเรื่องนี้เหมาะสำหรับคนที่เบื่อหนังวันสิ้นโลกแบบดาร์กๆ และอยากได้อะไรที่ให้ความหวังบ้าง Touring After the Apocalypse พิสูจน์ว่าการรอดชีวิตไม่จำเป็นต้องดิ้นรนหนัก แต่สามารถเป็นการท่องเที่ยวชิลล์ๆ ที่เต็มไปด้วยมิตรภาพและการค้นพบ ถ้าเราเป็นสายอนิเมะแนวชีวิตประจำวันผสมหลังวันสิ้นโลก เรื่องนี้ต้องติดรายการที่ต้องดูแน่นอน

Touring After the Apocalypse (2025) คืออนิเมะที่ทำให้เราเห็นว่าหลังวันสิ้นโลก ชีวิตยังมีสีสันได้ ถ้าเรามีเพื่อนคู่ใจและทัศนคติบวก สองสาวโยโกะและแอริสอนให้เราว่า ความสนุกไม่ได้หายไปกับอารยธรรมเก่า แต่ซ่อนอยู่ในธรรมชาติรอบตัวเสมอ ธีมเรื่องนี้ชวนคิดถึงการปรับตัวในโลกที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เหมือนชีวิตวัยรุ่นเราที่ต้องเผชิญความไม่แน่นอนบ่อยๆ แต่สุดท้าย เราก็หาทางหัวเราะผ่านมันไปได้

ใครที่ชอบอนิเมะแนวท่องเที่ยวผสมผจญภัย เรื่องนี้ตอบโจทย์สุดๆ ลองดูซิ แล้วมาคุยกันในคอมเมนต์ว่าถ้าเราได้ไปญี่ปุ่นร้างแบบนี้ จะไปที่ไหนก่อน? แชร์รีวิวนี้ให้เพื่อนๆ สายอนิเมะด้วยนะ จะได้ไปตื่นเต้นด้วยกัน โลกหลังหายนะอาจไม่น่ากลัวอย่างที่คิด ถ้าเรามีเรื่องสนุกแบบนี้รออยู่!

  • ประเภท: อนิเมะ, ผจญภัย, slice of life, post-apocalypse
  • วันที่ออกฉาย: 4 ตุลาคม 2568
  • สตูดิโอ: Nexus
  • ความยาว: 12 ตอน
  • เรตติ้ง MyAnimeList: 6.82/10
  • ช่องทางการดูในประเทศไทย: Crunchyroll

PhiRa W.

เป็นนักเขียนอิสระที่หลงใหลในสื่อบันเทิงทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ซีรีส์ วาไรตี้ และสารคดี ผมชอบที่จะวิเคราะห์และถอดรหัสเนื้อหาเหล่านั้นออกมาในรูปแบบของรีวิวที่เข้าใจง่ายและสนุกสนาน เพื่อแบ่งปันมุมมองและประสบการณ์ให้กับผู้อ่าน

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button