ต่างประเทศ

ชาวอุยกูร์ คืออะไร? ความจริงเบื้องหลังกลุ่มชาติพันธุ์ที่ถูกจับตามอง

Key Points

  • ชาวอุยกูร์ เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ เตอร์กิก ที่มีรากเหง้าใน เอเชียกลาง ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ใน เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของ จีน
  • พวกเขามี ประวัติศาสตร์ อันยาวนานตั้งแต่ศตวรรษที่ 8 โดยมีบทบาทสำคัญใน เส้นทางสายไหม และนับถือ ศาสนาอิสลาม เป็นหลัก
  • ปัจจุบัน ชาวอุยกูร์ เผชิญกับข้อกล่าวหาเรื่อง การกดขี่ทางวัฒนธรรม และ การละเมิดสิทธิมนุษยชน ใน ซินเจียง ซึ่งได้รับความสนใจจาก นานาชาติ
  • ปฏิกิริยานานาชาติ รวมถึงการคว่ำบาตรจาก สหรัฐอเมริกา และ สหภาพยุโรป ต่อ จีน ถูกมองว่าเป็นประเด็นที่ซับซ้อนและถกเถียงกันอย่างกว้างขวาง

ชาวอุยกูร์ เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ เตอร์กิก ที่มีถิ่นฐานใน เอเชียกลาง โดยเฉพาะใน เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ซึ่งเป็นพื้นที่กว้างใหญ่ใน จีน พวกเขามี ภาษาอุยกูร์ และ วัฒนธรรม ที่เป็นเอกลักษณ์ และส่วนใหญ่นับถือ ศาสนาอิสลาม นิกายซุนนี การที่ ชาวอุยกูร์ มีอัตลักษณ์ที่แตกต่างจากกลุ่มชาติพันธุ์หลักของ จีน เช่น ชาวฮั่น ทำให้เรื่องราวของพวกเขาได้รับความสนใจในระดับสากล

สถานการณ์ของ ชาวอุยกูร์ ใน ซินเจียง ได้กลายเป็นประเด็น สิทธิมนุษยชน ที่ถูกจับตามองทั่วโลก รายงานจากองค์กรต่างๆ เช่น Human Rights Watch ชี้ว่า ชาวอุยกูร์ อาจเผชิญกับนโยบายที่จำกัด ศาสนา ภาษา และ วัฒนธรรม

ประเด็นเกี่ยวกับ ชาวอุยกูร์ มีความซับซ้อนเนื่องจากเกี่ยวข้องกับ สิทธิมนุษยชน การเมือง และ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จีน อ้างว่า ซินเจียง มีความมั่นคงและเจริญรุ่งเรือง แต่ นานาชาติ บางส่วนมองว่านโยบายใน ซินเจียง เป็นการ ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ทางวัฒนธรรม การถกเถียงนี้ทำให้เรื่องราวของ ชาวอุยกูร์ เป็นที่ถกเถียงและมีความละเอียดอ่อน

อุยกูร์ คืออะไร?

ประวัติศาสตร์ของชาวอุยกูร์

ชาวอุยกูร์ มีรากเหง้าที่ยาวนานใน เอเชียกลาง โดยมีความเชื่อมโยงกับเผ่า ซงหนู (Xiongnu) และ ตูเจวี๋ย (Tujue) ซึ่งเป็นกลุ่มชนเร่ร่อนที่มีอิทธิพลในบริเวณที่ราบสูง มองโกเลีย และ ทะเลทรายทากลามากัน ในศตวรรษที่ 8 ชาวอุยกูร์ ได้ก่อตั้ง รัฐอุยกูร์ (Uyghur Khaganate) ซึ่งเป็นอำนาจสำคัญใน เอเชียกลาง และมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ ราชวงศ์ถัง ของ จีน รัฐนี้มีบทบาทสำคัญในด้านการค้าและการทูต โดยเฉพาะใน เส้นทางสายไหม ซึ่งเชื่อมโยง จีน กับ เปอร์เซีย และ โลกอาหรับ

ในศตวรรษที่ 9 รัฐอุยกูร์ ล่มสลายจากการโจมตีของ ชาวคีร์กีซ ทำให้ ชาวอุยกูร์ จำนวนมากอพยพไปยังบริเวณที่ปัจจุบันคือ เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ พื้นที่นี้กลายเป็นศูนย์กลางของ วัฒนธรรมอุยกูร์ ซึ่งพัฒนาขึ้นจากการผสมผสานระหว่างอิทธิพล จีน เปอร์เซีย และ อาหรับ ในศตวรรษที่ 10 ชาวอุยกูร์ เริ่มเปลี่ยนมานับถือ ศาสนาอิสลาม ซึ่งกลายเป็นส่วนสำคัญของอัตลักษณ์ของพวกเขา

ซินเจียง มีประวัติศาสตร์ที่ซับซ้อน โดยอยู่ภายใต้การปกครองของ ราชวงศ์ถัง มองโกล และ ราชวงศ์ชิง ในช่วงศตวรรษที่ 18 จีน ได้ผนวก ซินเจียง เข้าสู่การปกครองอย่างเป็นทางการในปี 1759 และในศตวรรษที่ 20 มีความพยายามก่อตั้ง สาธารณรัฐเติร์กสถานตะวันออก ในปี 1933 และ 1944 แต่ทั้งสองครั้งถูกปราบปราม ในปี 1949 ซินเจียง ถูกผนวกรวมเข้ากับ สาธารณรัฐประชาชนจีน อย่างสมบูรณ์ และได้รับสถานะเป็น เขตปกครองตนเอง แต่ยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมจากส่วนกลางอย่างเข้มงวด

ชาวอุยกูร์ ได้พัฒนาภาษาและวรรณกรรมของตนเอง โดยใช้อักษร อาหรับ ในการบันทึก ประวัติศาสตร์ และ วัฒนธรรม ของพวกเขา รวมถึงศิลปะและดนตรีที่มีเอกลักษณ์ เช่น การเต้นรำแบบดั้งเดิมและเครื่องดนตรีพื้นเมือง การค้าขายใน เส้นทางสายไหม ทำให้ ชาวอุยกูร์ มีปฏิสัมพันธ์กับวัฒนธรรมหลากหลาย ซึ่งหล่อหลอมให้ วัฒนธรรมอุยกูร์ มีความหลากหลายและร่ำรวย

วัฒนธรรมและศาสนาของชาวอุยกูร์

วัฒนธรรมอุยกูร์ มีความคล้ายคลึงกับกลุ่มชาติพันธุ์ใน เอเชียกลาง เช่น ชาวอุซเบก คาซัค และ คีร์กีซ ภาษาอุยกูร์ เป็นภาษาในตระกูล เตอร์กิก ซึ่งมีความใกล้เคียงกับ ภาษาอุซเบก และ ภาษาคาซัค การเขียนด้วยอักษร อาหรับ เป็นส่วนสำคัญของ วรรณกรรมอุยกูร์ ซึ่งรวมถึงบทกวีและเรื่องเล่าพื้นบ้านที่สืบทอดกันมา

ศาสนาอิสลาม เป็นหัวใจของ วัฒนธรรมอุยกูร์ โดยส่วนใหญ่นับถือนิกาย ซุนนี มัสยิด และโรงเรียนสอนศาสนาเป็นศูนย์กลางของชุมชน และเทศกาลต่างๆ เช่น อีดิลฟิตร และ อีดิลอัฎฮา มีความสำคัญอย่างยิ่ง อาหารของ ชาวอุยกูร์ เช่น ขนมปัง นาน (nan) และ โปโล (ข้าวผัดกับเนื้อ) สะท้อนถึงอิทธิพลจาก เอเชียกลาง และ ตะวันออกกลาง เสื้อผ้าของ ชาวอุยกูร์ มีสีสันและลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ โดยเฉพาะหมวก โดปปา ที่ผู้ชายนิยมสวมใส่

ดนตรีและการเต้นรำเป็นส่วนสำคัญของ วัฒนธรรมอุยกูร์ การเต้นรำแบบดั้งเดิมมักแสดงในงานเทศกาล และเครื่องดนตรีเช่น ดูตาร์ และ ราวัป ถูกใช้ในการแสดงดนตรีที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณ อย่างไรก็ตาม วัฒนธรรม และ ศาสนา เหล่านี้กำลังเผชิญกับข้อจำกัดใน ซินเจียง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการรักษาอัตลักษณ์ของ ชาวอุยกูร์

สถานการณ์ปัจจุบันในซินเจียง

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ชาวอุยกูร์ ใน ซินเจียง เผชิญกับนโยบายที่ถูกกล่าวหาว่าเป็น การกดขี่ทางวัฒนธรรม และ การละเมิดสิทธิมนุษยชน รายงานจาก Council on Foreign Relations ระบุว่า รัฐบาลจีน ได้จำกัดการใช้ ภาษาอุยกูร์ ในการศึกษา ส่งเสริมการย้ายถิ่นของ ชาวฮั่น เข้าสู่ ซินเจียง และควบคุมการปฏิบัติทาง ศาสนา เช่น การห้ามถือศีลอดในช่วง รอมฎอน หรือการสอนศาสนาในโรงเรียน

ตั้งแต่ปี 2017 มีรายงานว่า ชาวอุยกูร์ มากกว่า 1 ล้านคนถูกควบคุมตัวใน ค่ายอบรมใหม่ ซึ่ง รัฐบาลจีน อ้างว่าเป็นศูนย์ฝึกอาชีพ แต่รายงานจาก BBC และองค์กร สิทธิมนุษยชน อ้างว่าค่ายเหล่านี้มีการบังคับให้ละทิ้ง วัฒนธรรม และ ศาสนา รวมถึงการใช้ แรงงานบังคับ การเฝ้าระวังอย่างเข้มงวดด้วยกล้องวงจรปิดและแอปพลิเคชันติดตามทำให้ ชาวอุยกูร์ อยู่ในสภาพที่ถูกควบคุมอย่างใกล้ชิด

ชาวอุยกูร์ บางส่วนพยายามหลบหนีไปยังประเทศต่างๆ เช่น ประเทศไทย และ ตุรกี เพื่อแสวงหาความปลอดภัย แต่การส่งตัวกลับ จีน เช่น กรณีใน ประเทศไทย เมื่อปี 2015 ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จาก U.S. Embassy ว่าเป็นการละเมิดพันธกรณีด้าน สิทธิมนุษยชน

ปฏิกิริยาจากนานาชาติ

สถานการณ์ใน ซินเจียง ได้รับความสนใจจาก นานาชาติ อย่างกว้างขวาง สหรัฐอเมริกา และ สหภาพยุโรป ได้กำหนด มาตรการคว่ำบาตร ต่อสินค้าที่เกี่ยวข้องกับ แรงงานบังคับ จาก ซินเจียง ในปี 2021 สหรัฐอเมริกา ระบุว่านโยบายของ จีน ต่อ ชาวอุยกูร์ เป็น การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ทางวัฒนธรรม ขณะที่ สหประชาชาติ และหลายประเทศใน ยุโรป เรียกร้องให้มีการสอบสวนเพิ่มเติม

จีน ปฏิเสธข้อกล่าวหาเหล่านี้ โดยอ้างว่า ซินเจียง มีความมั่นคงทางสังคมและการเติบโตทาง เศรษฐกิจ และนโยบายต่างๆ มีจุดมุ่งหมายเพื่อต่อต้าน การก่อการร้าย และส่งเสริมความสามัคคีระหว่างชาติพันธุ์ อย่างไรก็ตาม หลักฐานจาก Human Rights Watch และสื่อต่างๆ ชี้ให้เห็นถึงความรุนแรงของสถานการณ์ รวมถึงการบังคับให้ ชาวอุยกูร์ ละทิ้งอัตลักษณ์ของตน

ประเทศไทย เองก็มีส่วนในประเด็นนี้ เมื่อมีการส่งตัว ชาวอุยกูร์ กลับ จีน ซึ่งถูกวิจารณ์จาก BBC Thai ว่าเป็นการละเมิดหลักการ สิทธิมนุษยชน การถกเถียงในระดับนานาชาตินี้สะท้อนถึงความซับซ้อนของประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ การเมือง ศาสนา และ วัฒนธรรม

ทิ้งท้าย

ชาวอุยกูร์ เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่มี ประวัติศาสตร์ และ วัฒนธรรม อันร่ำรวย แต่สถานการณ์ใน ซินเจียง ทำให้พวกเขาต้องเผชิญกับความท้าทายด้าน สิทธิมนุษยชน และ อัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม การตระหนักถึงเรื่องราวของ ชาวอุยกูร์ เป็นสิ่งสำคัญในการส่งเสริมความเข้าใจและความเห็นอกเห็นใจต่อกลุ่มชาติพันธุ์ที่เผชิญกับความยากลำบาก

ผู้อ่านสามารถมีส่วนร่วมโดยการติดตามข่าวสารจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เช่น Thai PBS หรือ VOA Thai และสนับสนุนองค์กรที่ปกป้อง สิทธิมนุษยชน การแบ่งปันบทความนี้หรือแสดงความคิดเห็นในส่วนคอมเมนต์จะช่วยกระจายความตระหนักรู้เกี่ยวกับประเด็นนี้ได้

NaniTalk S.

เป็นนักเขียนที่ขยันขันแข็งและมุ่งมั่นที่จะผลิตเนื้อหาที่มีคุณภาพ เรียนรู้และเติบโตอยู่เสมอ เชื่อว่าเนื้อหาที่ดีสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลกได้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button