เรื่องน่าสนใจ

อ้วกวาฬ หรือ อำพันทะเล ทำไมถึงมีราคาแพง ?

อ้วกวาฬ หรือ อำพันทะเล ที่มีคุณภาพอาจมีราคาถึง กิโลกรัมละ 20,000 บาท อ้วกวาฬเป็นส่วนประกอบสำคัญในอุตสาหกรรมน้ำหอม จึงมีค่าราคาแพงอย่างมหาศาล

Advertisement

อ้วกวาฬ

อำพันทะเล หรือ อ้วกวาฬ หรือ มูลปลาวาฬ (Ambergris) เป็นสารประกอบอินทรีย์ชนิดหนึ่ง ที่มีลักษณะคล้ายกับอำพัน เป็นสิ่งที่ได้มาจากทะเลและมหาสมุทร โดยเป็นผลิตผลจากสัตว์ทะเลขนาดใหญ่ คือ วาฬ ชนิด วาฬสเปิร์ม มีลักษณะเด่น คือ มีกลิ่นหอม

ประวัติอ้วกวาฬ

ในสมัยโบราณชาวต่างชาติเชื่อว่า อำพันทะเลเกิดจากวาฬกลืนน้ำสีดำจากแม่น้ำสีดำแถบตะวันออกกลางที่มีกลิ่นหอม ชาวเปอร์เซียเรียกว่า อันบาร์ (Anbar) เมื่อแพร่หลายไปยังยุโรป ชาวฝรั่งเศสก็เลยจึงเรียกว่า Amber gris ที่หมายถึง อำพันสีเทา เพื่อแยกแยะจากอำพันอย่างอื่นทั่วไป

อ้วกวาฬมาจากไหน

อำพันทะเล หรือ อ้วกวาฬ เป็นผลิตผลที่มาจากการสำรอกหรือการขับถ่ายของวาฬสเปิร์ม มีลักษณะเป็นของแข็งซึ่งเป็นก้อนไขมันมีหลายเฉดสีตั้งแต่สีเทาหรือสีดำ ไปจนกระทั่งสีโทนอ่อนอย่าง สีส้มหรือสีขาวเหมือนหินอ่อน ที่เจอเฉพาะในลำไส้ของวาฬสเปิร์ม มีส่วนประกอบของคลอเรสเตอรอลและก็ไขมันร้อยละ 80, สารเบนโซอิก และแอลกอฮอล์เชิงซ้อนทำให้มีกลิ่นหอม โดยวาฬสเปิร์มจะกินสัตว์น้ำไร้กระดูกสันหลังจำพวกหมึกเป็นอาหารหลัก แต่จะกินเข้าไปโดยไม่มีการเคี้ยวอย่างละเอียดสัตว์บก แต่จะใช้วิธีการกลืนเข้าไปทั้งตัวแล้วไปย่อยสลายในกระเพาะ แต่คลอเรสเตอรอลของหมึกไม่อาจจะย่อยได้ง่าย ประกอบกับหมึกมีปากที่แข็งระคายเนื้อเยื่อของวาฬ

คลอเรสเตอรอลดังกล่าวจึงไปสะสมเป็นก้อนอยู่ในลำไส้ของวาฬ ซึ่งขณะที่อยู่ภายในลำไส้ของวาฬ จะไม่มีกลิ่นหอม แต่ว่าจะมีกลิ่นเหม็นราวกับสิ่งขับถ่ายทั่วๆไป แล้วก็มีลักษณะเป็นก้อนสีดำมีความนุ่ม แต่ว่าเมื่อวาฬได้ถ่ายออกมาแล้วได้เกิดปฏิกิริยากับสายลมรวมทั้งแสงอาทิตย์ นานเป็นปีๆ โดยลอยล่องอยู่ในทะเล ด้วยค่าความถ่วงจำเพาะที่มีน้อยกว่าน้ำทะเลก็เลยมีคุณลักษณะทางเคมีเปลี่ยนไป ทำให้มีลักษณะเป็นก้อนแข็งสีขาว, น้ำตาล, เทา หรือดำ ตามช่วงเวลาสำหรับการทำปฏิกิริยา ละลายที่อุณหภูมิมากยิ่งกว่า 62 องศาเซลเซียส แต่ด้วยอุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียสจะระเหยเป็นไอ

อ้วกวาฬทำไมถึงมีราคาแพง ?

อ้วกวาฬทำไมถึงมีราคาแพง ?

อ้วกวาฬ นับเป็นของมีค่า ราคาสูง แล้วก็หาได้ยากยิ่งตั้งแต่สมัยก่อนจนกระทั่งตอนนี้ มีคุณประโยชน์สำหรับการทำเป็นหัวน้ำหอมแล้วก็เครื่องสำอาง หรือนำไปแต่งกลิ่นในของกินหรือเหล้าองุ่น สำหรับตำราสมุนไพรไทยใช้ทำยาได้ ทำให้แพงจำหน่ายโลละหลายหมื่นบาท

จะพบอ้วกวาฬได้ที่ไหน

กรรมวิธีการหาอ้วกวาฬ ปฏิบัติได้ 2 แบบ คือ รอคอยให้ลอยมาติดตามริมฝั่ง หรือ ล่องเรือออกไปพบกลางทะเล และออกล่าปลาวาฬ แล้วผ่าท้องหาจากไส้ ซึ่งนับว่าเป็นส่วนหนึ่งของการล่าวาฬ ซึ่งปัจจุบันนี้มีการคุ้มครองตามกฎหมายสากล

อ้วกวาฬในไทย

30 กันยายน 2552 ครั้งนั้น ชายชาวประมง บ้านหินลาด ต.คุระ อ.คุระบุ จ.พังงา พร้อมเพื่อน พบอำพันทะเลคล้ายแท่งน้ำมันสีขาวปนสีเงิน บางส่วนมีสีเหลืองอร่าม บริเวณชายหาดเกาะพระ จึงเก็บกลับบ้าน จากนั้นทราบว่ามีราคาสูงมาก จึงกลับไปที่บริเวณดังกล่าวพบอำพันอีกหลายสิบกิโลกรัม ในขณะนั้นได้มีคนมาขอซื้อราคากิโลกรัมละ 25,000 บาท แต่ยังไม่ขาย เนื่องจากมีผู้รู้บอกว่าอำพันทะเลมีราคาเป็นแสน จนต่อมามีพ่อค้าจากประเทศมาเลเซีย ติดต่อขอซื้อในราคากิโลกรัมละ 70,000 บาท แต่ชาวบ้านส่วนใหญ่ยังคงยืนกรานไม่ขาย จนข่าวเงียบไป

2 ตุลาคม 2552 มีชาวบ้านชายหาดไม้ขาว ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ได้พบวัตถุลักษณะคล้ายอำพันทะเล น้ำหนัก 10 กิโลกรัม เหมือนกับชาวประมง บ้านหินลาด ตำบลคุระ อำเภอคุระบุรี จ.พังงา ได้เจอ โดยมีลักษณะสีขาวขุ่นอมเหลือง ส่งกลิ่นคาวเล็กน้อย ชาวบ้านเชื่อกันว่ามีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 40,000-50,000 บาท ต่อ 1 กิโลกรัม

1 มีนาคม 2562 มีหนุ่มเจ้าของบาร์บนเกาะสมุย เจอก้อนประหลาดถูกคลื่นซัดมาติดอยู่บนก้อนหินริมชายหาด ซึ่งหนุ่มคนดังกล่าวได้นำมาเก็บไว้นานนับปี ก่อนนำมาให้เพื่อนดู จนเพื่อนทักว่าอาจจะเป็น อ้วกวาฬ ซึ่งเป็นของหายากและมีราคาแพง

วาฬหัวทุย

วาฬหัวทุย

วาฬหัวทุย หรือ วาฬสเปิร์ม (Sperm whale) (ชื่อวิทยาศาสตร์: Physeter macrocephalus) เป็นวาฬขนาดใหญ่ชนิดหนึ่ง จัดเป็นวาฬมีฟัน (Odontoceti) ชนิดที่ใหญ่ที่สุด

ลักษณะวาฬหัวทุย

วาฬหัวทุยมีลักษณะเด่น คือ มีส่วนหัวใหญ่รวมทั้งยาวมากเกือบจะร้อยละ 40 ของลำตัว ลำตัวสีเทาดำผิวหนังเป็นรอยย่นตลอดลำตัว ด้านหน้าผากตั้งฉากตรงขึ้นจากปลายปากบน รวมทั้งเป็นแถวหักลาดไปทางส่วนหลัง ท่อหายใจรูเดียว อยู่ส่วนบนเยื้องไปทางด้านซ้ายของหัวครีบข้างหลัง มีลักษณะเป็นสันนูนขึ้นมาตั้งอยู่ค่อนไปทางด้านหลังลำตัว รวมทั้งมีสันเป็นลอนๆไปจนเกือบถึงโคนหาง ครีบข้างค่อนข้างจะเล็กปลายมนเสมือนใบพาย ไม่มีครีบหลัง

ขากรรไกรด้านล่างแคบยาวรวมทั้งเล็กมากเมื่อเทียบกับท่อนหัว ฟันเป็นเขี้ยวปริมาณ 16-30 คู่ บนขากรรไกรด้านล่าง ขากรรไกรบนไม่มีฟัน แต่ว่าจะมีช่องสำหรับรองรับฟันด้านล่างเวลาปิดปากเพียงแค่นั้น แต่บางทีอาจเจอฟัน 10-16 คู่ ในกระดูกขากรรไกรบนของวาฬที่แก่มากๆนอกจากนี้แล้วบริเวณรอบๆปากจะเป็นสีขาว ซึ่งเช้าใจกันว่าในที่ๆน้ำลึกสีขาวนี้จะเรืองแสงในความมืด ใช้เป็นสิ่งล่อใจเหยื่อต่างๆของวาฬหัวทุย

วาฬหัวทุยเพศผู้มีขนาดโตเต็มวัยยาวโดยประมาณ15เมตรถึง18เมตร วาฬหัวทุยตัวเมียจะยาวราวๆ12เมตรถึง14เมตร ส่วนลูกแรกเกิดยาว 3.5-4.5 เมตร แม่วาฬใช้เวลาตั้งครรภ์นาน 16-17 เดือน ลูกจะอาศัยอยู่กับแม่เป็นเวลาราว 13 เดือนเศษๆจึงแยกออกหากินอิสระ มีน้ำหนักโดยประมาณ 28 ตัน

การอยู่อาศัย

เป็นวาฬที่อาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูง รวมทั้งเป็นวาฬจำพวกที่มุดน้ำได้ลึกที่สุด มีรายงานว่าสามารถมุดน้ำได้ลึกถึง 1,000 เมตร โดยใช้เวลาโดยประมาณ 40 นาที มีรายงานจากการติดตามวาฬที่เดินเครื่องหมายด้วยระบบโซน่า พบว่าสามารถมุดน้ำได้ลึกถึง 2,800-3,000 เมตร โดยใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง จากการสูดหายใจเพียงแค่ครั้งเดียวที่ผิวน้ำที่มีแรงกดดันพอๆกับที่มนุษย์หายใจ ซึ่งในระดับความลึกกว่า 1,000 เมตร แรงกดของอากาศมากยิ่งกว่าที่ผิวน้ำ 100 เท่า บีบอัดปอดของวาฬให้เหลือเพียงแค่ปริมาณร้อยละ 1 ของปริมาตรทั้งหมด แต่ว่าขณะที่ยังเป็นวาฬวัยอ่อนอยู่ จะยังไม่อาจจะมุดน้ำลึกได้เหมือนตัวที่โตเต็มวัย

อาหาร

วาฬหัวทุยชอบกินหมึกเป็นอาหารมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหมึกมหึมา (Mesonychoteuthis hamiltoni) ซึ่งเป็นหมึกชนิดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่มีความยาวได้ถึง 14 เมตร ในระดับความลึกระดับ 1,000 เมตร หรือหมึกกล้วยยักษ์ (Architeuthis dux) ที่มีขนาดรองลงมา โดยอาจยาวได้ถึง 12 เมตร โดยมีการพบซากจะงอยปากของหมึกในกระเพาะของวาฬสเปิร์ม ซึ่งวาฬบางตัวจะมีผิวหนังที่เป็นรอยแผลจากปุ่มดูดของหนวดหมึกปรากฏอยู่

วาฬหัวทุยถูกล่า

วาฬหัวทุยถูกล่า

วาฬประเภทนี้ถูกล่าจากมนุษย์มาตั้งแต่อดีตกาล ด้วยการนำเขี้ยวรวมทั้งฟันมาเป็นทำเครื่องประดับ ไขมันในอุตสาหกรรมต่างๆเนื้อสำหรับกิน นอกเหนือจากนั้นแล้วอ้วกหรือมูลของวาฬสเปิร์มยังมีลักษณะแข็งเสมือนอำพัน แล้วก็มีกลิ่นหอมยวนใจเป็นลักษณะพิเศษ เป็นของหายาก ราคาสูง ใช้เป็นข้อสำคัญสำหรับเพื่อการผลิตหัวน้ำหอมรวมทั้งยาไทยได้ด้วย เรียกว่า อ้วกวาฬ หรือ อำพันทะเล รวมทั้งที่ท่อนหัวยังมีสารพิเศษเหมือนไขมันหรือขี้ผึ้ง เรียกว่า ไขปลาวาฬ ซึ่งใช้เพื่อสำหรับการผลิตโลชั่น รวมทั้งเวชภัณฑ์ประเภทต่างๆอันเป็นที่มาของชื่อสามัญ

ซึ่งวาฬสเปิร์มได้ถูกอ้างอิงถึงในวรรณกรรมที่เป็นที่รู้จักระดับโลก เป็น โมบิดิก ของเฮอร์มัน เมลวิลล์ ในปี 2398 ที่เกิดเรื่องราวของการล่าปลาวาฬสเปิร์มเผือกตัวหนึ่งที่มีนิสัยดุร้าย ชื่อ โมบิดิก หรือในวรรณกรรมเยาวชนเรื่อง พินอคคิโอ ที่ช่วงท้ายเรื่องพินอคคิโอผจญภัยเข้าไปอยู่ในท้องของวาฬ นั้นก็คือ วาฬสเปิร์ม ฯลฯ

วาฬหัวทุยประสบพบเห็นได้ในประเทศไทย และก็ในสมุทรทั่วทั้งโลก ในน่านน้ำไทยพบรายงานเพียง จังหวัด คือ จังหวัดพังงาจังหวัดภูเก็ต แล้วก็จังหวัดสตูล แล้วก็ถูกจัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามกฎหมาย ผลการศึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์พบว่า วาฬสเปิร์มรวมทั้งวาฬประเภทอื่นๆมีขนาดลำตัวที่เล็กลงจากอดีต ชี้ว่าเป็นสัตว์ที่อยู่ในสถานะใกล้สูญพันธุ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวาฬสเปิร์มนั้นในปี 2528ขนาดเล็กกว่าเดิมที่เคยวัดไว้เมื่อปี 2448 โดยประมาณ เมตร

Advertisement

อ่านต่อ
Advertisement

NaniTalk S.

เป็นนักเขียนที่ขยันขันแข็งและมุ่งมั่นที่จะผลิตเนื้อหาที่มีคุณภาพ เรียนรู้และเติบโตอยู่เสมอ เชื่อว่าเนื้อหาที่ดีสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลกได้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button