![[รีวิว-เรื่องย่อ] Let's Play: Quest-darake no My Life](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/10/Review-Lets-Play-Quest-darake-no-My-Life.webp)
เคยไหมที่เราสร้างบางอย่างด้วยความภาคภูมิใจ แต่แล้วมันกลับถูกคนที่เราชื่นชมวิจารณ์จนยับเยิน? แบบนั้นแหละที่เกิดขึ้นกับ แซม ยัง (Sam Young) นางเอกของ Let’s Play: Quest-darake no My Life (2025) สาวออฟฟิศที่จริงๆ แล้วเป็นทายาทบริษัทพ่อ แต่ความฝันที่แท้จริงของเธอคือการเป็น นักพัฒนาเกมอินดี้ ชีวิตที่ดูเหมือนจะราบรื่นของเธอพังทลายลงทันทีเมื่อสตรีมเมอร์คนโปรดของเธอเล่นเกมแรกที่เธอสร้างขึ้นมา แล้วก็รีวิวทิ้งมันอย่างไร้ความปรานี แถมยังมาอยู่บ้านข้างๆ เธอซะด้วย
เสียงเรียกร้องจากภายในบอกว่าอนิเมะเรื่องนี้อาจจะเหมาะกับคนที่เคยคลั่งไคล้ Megatokyo หรือใครที่เคยแอบชอบ Markiplier สมัยปี 2016 หรือใครก็ตามที่ชอบดูคนอื่นเจ็บปวดแบบมีความสุข แต่ถ้าเราบอกตามตรงๆ นะ อนิเมะเรื่องนี้มีปัญหาเยอะมาก จนทำให้เราต้องหยุดดูหลายครั้งเพื่อให้ความอายแทนคนในจอลดลงสักหน่อย
อนิเมะเรื่องนี้เต็มไปด้วยรอยเปื้อนของการเขียนบทแบบมือใหม่ ซึ่งน่าจะได้รับการปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้นในช่วงเกือบทศวรรษที่ผ่านมานับจากเวลาที่มันถูกเขียนขึ้น แต่กลับกลายเป็นอนุสรณ์สถานแห่งความผิดพลาดจากยุคที่มันถูกสร้างขึ้นมา เราโล่งใจนิดหน่อยที่แซมไม่ได้ตกอยู่ในกับดักของการเป็น “ผู้หญิงที่ไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่น” แต่ความสัมพันธ์ของเธอกับผู้หญิงคนอื่นๆ ในเรื่องก็แทบจะว่างเปล่าพอๆ กัน

ตัวละครผู้หญิงในเรื่องไม่มีบุคลิกของตัวเองเลย นอกจากคอยเชียร์แซมและบอกว่าเธอเจ็งแค่ไหน ในขณะที่ตัวละครผู้ชายทุกคนที่มีบทบาทสำคัญ (ยกเว้นญาติพี่น้อง) ล้วนแล้วแต่ถูกจัดวางให้เป็น คู่รักในอนาคตของนางเอก แซมเหมือนจะเป็นศูนย์กลางของจักรวาลไปซะแล้ว ซึ่งเห็นได้ชัดเจนจากฉากที่เธอลุกขึ้นจากร้านกาแฟที่เธอนั่งทำงานอยู่ แล้วก็มอบตัว น้องหมาของเธอ ให้กับบาริสต้าที่ทำงานอยู่ที่นั่น แล้วก็เดินออกไปเฉยๆ
ผู้หญิงสองคนนี้ดูเหมือนจะไม่ได้เป็นเพื่อนร่วมบ้านกัน พวกเธอแทบจะไม่ได้คุยกันเลย (แถมประโยคที่คุยกันก็เกี่ยวกับเกมของแซมกับเรื่องที่บาริสต้าชายมีใจให้แซม) มันเป็นอาการของการยัดตัวละครเยอะเกินไปมาปรากฏในตอนแรก แทนที่จะพัฒนาความสัมพันธ์หนึ่งหรือสองอย่างให้ลึกซึ้ง แต่มันก็แปลกดีนะ
อนิเมะยังมีบทสนทนาเรื่อง ความเหลื่อมล้ำทางเพศในที่ทำงาน แบบผ่านๆ (แซมกำลังทำงานป้อนข้อมูลทั้งที่มันเป็น “งานของพนักงานฝึกงาน”) แต่มันฟังดูเหมือนเป็นแค่การแปะป้ายไว้เฉยๆ เพราะเราก็รู้ทันทีว่าเธอเป็น ลูกเศรษฐี ที่กำลังจะเข้ารับตำแหน่งผู้บริหารบริษัท ฉากสำคัญที่เธอลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับหัวหน้าเพื่อปกป้องพนักงานคนอื่นไม่ให้ถูกไล่ออกก็ล้มเหลวไปอย่างสิ้นเชิง
หัวหน้าชื่อชาร์ลส์ตัดสินใจจะไล่พนักงานส่งของออกเพราะเขาทำกาแฟหกใส่เสื้อแซม โดยไม่มีเหตุผลอะไร แซมสังเกตเห็นว่ามันเกี่ยวข้องกับเลขาของออฟฟิศ แต่เธอกลับไม่ยอมบอกว่าหนุ่มคนนั้นรีบเดินหนีจาก การล่วงละเมิดทางเพศ ของเลขาคนนั้นอย่างโจ่งแจ้ง (ซึ่งเราควรจะเห็นว่ามันเป็นเรื่องไม่เป็นอันตรายแบบพยายามเกินไป) แทนที่จะเปิดเผยความจริงนั้น เธอกลับประกาศว่าถ้าคนถูกไล่ออกเพราะทำให้บริษัทเสียหน้า เธอควรจะเป็นคนแรกที่ถูกไล่ออก
มันน่าจะเป็นช่วงเวลาที่กำหนดตัวตนของเธอแบบ Elle Woods แต่สิ่งที่เธอทำแสดงให้เห็นว่าเธอเป็นวัสดุผู้บริหารระดับสูงจริงๆ ไม่มีอะไรบอกได้ดีไปกว่านี้แล้วว่าคนบริหารระดับสูงคืออะไร นอกจากการปกป้อง คนล่วงละเมิดทางเพศ ไม่ให้ต้องรับผิดชอบ
ความขัดแย้งสำคัญในฉากนี้ถูกแสดงออกมาในรูปแบบของแซมที่ถูกคุกคามโดยร่างเงาที่มีป้ายติดว่า “การเผชิญหน้า” เรารักการแสดงภาพแนวคิดนามธรรมในรูปแบบของภัยคุกคามทางกายภาพนะ แต่มันรู้สึกเหมือนโผล่มาจากไหนไม่รู้ เพราะตอนอื่นๆ ของอนิเมะมันเป็นรูปธรรมทั้งหมด เราไม่ได้เห็นการตัดต่อไปยังจินตนาการของใครบางคนหรือภาพที่มีสไตล์เด่นชัด มันรู้สึกเหมือนเทคนิคที่ยืมมาจากช่วงเวลาเจ็งๆ ในซีรีส์อื่นที่จำได้ แต่ขาดกรอบความสวยงามที่ใหญ่กว่าที่ทำให้ช่วงเวลานั้นมีพลัง
ปัญหาทั้งหมดนี้ทำให้แทบจะไม่มีเวลาเหลืออยู่เลยที่จะแนะนำจุดเด่นที่แท้จริงของเรื่อง นั่นคือแซมที่ต้องมาอยู่ข้างบ้านกับหนุ่มที่เธอเคยชื่นชมจนกระทั่งเขารีวิวเกมของเธอจนเสียชื่อเสียง นั่นเป็นแนวเรื่องที่ดีนะ แต่ตอนแรกยัดเยียดเรื่องมากเกินไป (ขณะเดียวกันก็รู้สึกยาวนานเหมือน 3,000 ปี) จนทำให้ มาร์กิ มาร์แชลล์ ลอว์ (Marki Marshall Law) สตรีมเมอร์ตัวประกอบปรากฏบนหน้าจอแค่สองนาทีก่อนที่เราจะเจอฉากพบกันแบบน่ารักเมื่อเครดิตเริ่มขึ้น
นั่นก็ยังดูเกินไปแม้ว่าเนื้อหาส่วนอื่นจะน่าสนใจ แต่ตัวละครอื่นๆ ก็เป็นเพียงโค้ดลับ การระบายสีก็ดูแบนราบและการเคลื่อนไหวก็ดูแข็งทื่อ แล้วนักพากย์ก็พูดช้าแบบแปลกๆ รอบบทที่เลือกที่จะโยนคำยืมมาจากภาษาอังกฤษในจุดที่น่าสับสนที่สุด

มีอนิเมะโรแมนติกที่ดูน่าสนใจอีกเยอะในซีซั่นนี้ ตั้งแต่ คอมเมดี้ ไปจนถึงดราม่าเหนือธรรมชาติ แม้จะมีโอกาสที่อนิเมะเรื่องนี้จะเอาชนะปัญหาการเขียนบทในช่วงต้นได้ แต่มันยากที่จะอยากติดตามต่อเพื่อรอดูผลลัพธ์
การนำเสนอโดยรวมของอนิเมะเรื่องนี้ให้ความรู้สึกเหมือนกับการยืมมา รวบรวมฉากสวยๆ มาแต่ไม่มีรากฐานของตัวเอง อนิเมะพยายามจะเป็นทุกอย่างในเวลาเดียวกัน แต่กลับไม่เก่งในสิ่งใดสิ่งหนึ่งเลย ความยาว 22 นาที รู้สึกเหมือนนั่งดูนานเกือบชั่วโมงเพราะต้องหยุดพักหลายครั้งเพื่อให้ความอายแทนลดลง
อนิเมะเรื่องนี้อาจจะดูน่าสนใจจากเนื้อเรื่อง แต่การนำเสนอที่เต็มไปด้วยข้อบกพร่องทำให้มันยากที่จะแนะนำให้ใครดู ถ้าเรากำลังมองหาอนิเมะโรแมนติกคอมเมดี้ที่ดีจริงๆ มีตัวเลือกอื่นอีกมากมายในซีซั่นนี้ที่น่าจะทำให้เราพอใจมากกว่า แต่ถ้าเราชอบความอึดอัดใจและอยากเห็นตัวอย่างของการเขียนบทที่ควรหลีกเลี่ยง Let’s Play ก็อาจจะเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวนัก
มาแชร์ความคิดเห็นกันในคอมเมนต์ว่าเราเคยดูอนิเมะที่ทำให้อายแทนมากแค่ไหน หรือถ้าเราเคยสร้างอะไรสักอย่างแล้วถูกวิจารณ์อย่างรุนแรง อย่าลืมแชร์บทความนี้ให้เพื่อนๆ ที่ชอบอนิเมะโรแมนติกหรือกำลังมองหาอนิเมะดูในซีซั่นนี้!
- ประเภท: คอมเมดี้, โรแมนติก, ชีวิตประจำวัน
- วันที่ออกอากาศ: 2 ตุลาคม 2025
- นักแสดงนำ: คานะ ฮานาซาวะ, ยูอิชิ นาคามูระ, โทโมคาซุ สุงิตะ, เคนตะ มิยาเกะ
- เรตติ้ง MyAnimeList: 6.18/10
- ช่องทางการดูในประเทศไทย: Crunchyroll