รีวิวหนังเกาหลี

[รีวิว-เรื่องย่อ] แม่มด | The Witch: Part 1 – The Subversion (2018) หนังแอ็คชั่นลึกลับสุดระทึก

  • หนังสร้างจากแนวคิดเด็กที่ถูกทดลองให้มีพลังเหนือมนุษย์ คล้าย Akira และ X-Men แต่เพิ่มกลิ่นอายชีวิตวัยรุ่นเกาหลี
  • การแสดงของคิม ดา-มี ในบทจายุนโดดเด่น แสดงความไร้เดียงสาและความดุร้ายได้อย่างลงตัว
  • หนังสำรวจธีมการเอาชีวิตรอดและการทรยศหักหลังในโลกที่เต็มไปด้วยความลับดำมืด
  • ผู้กำกับพัค ฮุน-จุง นำเสนอแอ็คชั่นที่โหดและมันส์สะใจ แต่ครึ่งแรกเน้นดราม่าวัยรุ่น

เราเคยคิดเล่นๆ ไหมว่าถ้าเกิดมีพลังพิเศษซ่อนอยู่ในตัว แต่ชีวิตปกติกลับถูกทำลายเพราะอดีตที่มืดมน? หนัง The Witch: Part 1 – The Subversion (2018) ของผู้กำกับ พัค ฮุน-จุง (Park Hoon-jung) พาเราไปเจอกับเรื่องราวของเด็กสาวที่หนีจากห้องทดลองลับ แล้วมาใช้ชีวิตเรียบง่ายในชนบท แต่พอเธอไปประกวดร้องเพลงทางทีวีเพื่อหาเงินรักษาพ่อแม่บุญธรรม ศัตรูเก่าก็โผล่มาทวงคืนพลังของเธอ หนังเรื่องนี้เหมือนเอาความสดใสของวัยรุ่นมาผสมกับความโหดร้ายของโลกใต้ดิน ทำให้เราลุ้นระทึกตลอดเวลา

เรื่องราวโฟกัสที่ จายุน (Ja-yoon) แสดงโดย คิม ดา-มี (Kim Da-mi) สาวน้อยที่ดูธรรมดาแต่จริงๆ แล้วเธอคือผลผลิตจากโครงการทดลองมนุษย์ของรัฐบาลเกาหลีใต้ ชีวิตเธอสงบสุขกับเพื่อนสนิทและครอบครัวบุญธรรม จนกระทั่งการปรากฏตัวบนหน้าจอทำให้พวกตัวร้ายในชุดดำไล่ล่าเธอ หนังครึ่งแรกชิลๆ เหมือนดูซีรีส์วัยรุ่น แต่พอเข้าครึ่งหลังก็พลิกผันเป็นแอ็คชั่นเลือดสาดที่ทำให้เรานั่งไม่ติดเก้าอี้

ในรีวิวนี้ เราจะพาไปเจาะลึกทุกมุมของหนังเรื่องนี้ ตั้งแต่ตัวละครที่คลาสสิกแต่สดใหม่ การแสดงที่เด่นๆ และธีมลึกซึ้งที่ทำให้หนังเรื่องนี้ไม่ใช่แค่แอ็คชั่นธรรมดา มาดูกันว่า The Witch จะทำให้เราคิดยังไงกับพลังพิเศษที่มาพร้อมอันตราย และทำไมหนังเรื่องนี้ถึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นของซีรีส์ที่ยังค้างคาใจ

รีวิวและเรื่องย่อ The Witch: Part 1 – The Subversion (แม่มด)

The Witch: Part 1 – The Subversion เล่าเรื่องของ จายุน สาววัยรุ่นที่หนีออกจากห้องทดลองลับตั้งแต่เด็ก แล้วถูกคู่สามีภรรยาในชนบทรับเลี้ยง เธอใช้ชีวิตปกติแบบเด็กสาวทั่วไป มีเพื่อนสนิทชื่อ มยองฮี แสดงโดย โก มิน-ซี (Go Min-si) และต้องดูแลพ่อแม่บุญธรรมที่ป่วย แต่ชีวิตพลิกผันเมื่อเธอไปประกวดร้องเพลงทางทีวีเพื่อหาเงินรักษาพวกเขา การปรากฏตัวนี้ดึงดูดพวกตัวร้ายจากอดีตที่รู้ว่าเธอมีพลังเหนือมนุษย์จากการทดลอง ทำให้เธอต้องเผชิญกับการไล่ล่าและการทรยศหักหลัง

หนังครึ่งแรกเน้นดราม่าวัยรุ่นที่ดูชิลๆ เหมือนซีรีส์เกาหลีทั่วไป เราจะได้เห็นจายุนหัวเราะเล่นกับเพื่อน แก้ปัญหาเงินทองในบ้าน และใช้ชีวิตเรียบง่ายในชนบท แต่พอเข้าครึ่งหลัง ทุกอย่างพลิกเป็นโหมดมืดมน ความรุนแรงเข้ามาแบบไม่ทันตั้งตัว เหมือนเอาความน่ารักมาผสมกับเลือดสาด ทำให้หนังเรื่องนี้มีเสน่ห์แบบแปลกๆ ที่ทำให้เราอยากดูต่อ

หนังได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องคลาสสิกอย่าง Akira หรือ X-Men แต่เพิ่มกลิ่นอายเกาหลีด้วยตัวละครที่ดูจริงจังแต่มีมุมตลกเบาๆ เช่น พวกตัวร้ายที่ทำตัวเหมือนวายร้ายในอนิเมะ หนังไม่ได้พลิกโฉมแนวคิดเก่าๆ แต่ทำให้สดใหม่ด้วยการให้พื้นที่ตัวละครหลักพัฒนาก่อนที่จะระเบิดความโหด ทำให้เรารู้สึกผูกพันกับจายุนมากขึ้นก่อนที่ทุกอย่างจะพังทลาย

คิม ดา-มี (Kim Da-mi) ในบทจายุนคือจุดเด่นสุดๆ ของหนังเรื่องนี้ เธอแสดงความไร้เดียงสาของสาววัยรุ่นได้อย่างเป็นธรรมชาติ แต่พอถึงฉากแอ็คชั่น เธอก็พลิกมาเป็นสาวดุร้ายที่ใช้พลังเหนือมนุษย์ได้แบบไม่ขัดตา เหมือนเอาความน่ารักมาผสมกับความแข็งแกร่ง ทำให้เราลุ้นเอาใจช่วยเธอตลอดเวลา การแสดงของเธอทำให้ตัวละครดูมีมิติ ไม่ใช่แค่ฮีโร่แบนๆ

โก มิน-ซี (Go Min-si) ในบทมยองฮี เพื่อนสนิทของจายุน ก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน เธอถ่ายทอดความสดใสและความซื่อสัตย์ของเพื่อนแท้ได้อย่างน่ารัก ทำให้ครึ่งแรกของหนังดูสนุกและอบอุ่น แต่พอเรื่องเข้าสู่โหมดมืด เธอก็แสดงความกลัวและความสับสนได้อย่างสมจริง ช่วยเสริมให้เรื่องราวดูมีอารมณ์มากขึ้น

พวกตัวร้ายอย่างพวกนักวิทยาศาสตร์และมือสังหารทำตัวโอเวอร์เหมือนวายร้ายในการ์ตูน แต่ก็เข้ากับสไตล์หนังที่ต้องการความมันส์แบบการ์ตูนิช การแสดงของพวกเขาอาจดูเวอร์ไปบ้าง แต่ช่วยเพิ่มความสนุกให้ฉากแอ็คชั่น โดยเฉพาะตอนที่พวกเขาปะทะกับจายุน ทำให้เรารู้สึกว่าหนังเรื่องนี้คือส่วนผสมระหว่างดราม่าและความบ้าคลั่ง

หนังสำรวจธีมการทดลองมนุษย์และการเอาชีวิตรอดที่คล้าย Jason Bourne หรือ Firestarter แต่เพิ่มมุมมองวัยรุ่นที่ทำให้ดูใกล้ตัว เหมือนถามเราว่า ถ้าเราเป็นเด็กที่ถูกสร้างมาให้มีพลัง เราจะเลือกใช้ชีวิตยังไง? ธีมพวกนี้ไม่ได้ลึกซึ้งมาก แต่หนังเล่าเรื่องผ่านการหักมุมที่เซอร์ไพรส์ ทำให้เราคิดตามได้อย่างสนุก

แอ็คชั่นในครึ่งหลังโหดและมันส์สะใจแบบไม่ยั้ง เหมือนเอาความรุนแรงการ์ตูนมาผสมกับเลือดจริงๆ ฉากต่อสู้ดูไดนามิกและเวอร์วัง แต่ก็มีจุดมุ่งหมายคือแสดงให้เห็นว่าพลังพวกนี้ถูกสร้างมาเพื่อทำลาย หนังไม่ได้ละเอียดอ่อน แต่ความบ้าคลั่งนี่แหละที่ทำให้ดูเพลิน

แม้หนังจะไม่สมดุลระหว่างดราม่ากับแอ็คชั่น และจบแบบค้างคาเพราะเป็น Part 1 แต่ก็มีเสน่ห์ที่ทำให้เราอยากดูภาคต่อ ธีมพวกนี้ทำให้เราคิดถึงธรรมชาติของมนุษย์ที่เต็มไปด้วยความมืด แม้จะเริ่มจากความไร้เดียงสา

The Witch: Part 1 – The Subversion (2018) คือหนังที่ผสมความสดใสวัยรุ่นกับความโหดร้ายของโลกใต้ดินได้อย่างลงตัว แม้จะมีจุดอ่อนเรื่องความไม่สมดุลและตอนจบที่ค้างคา แต่การแสดงเด่นๆ และแอ็คชั่นมันส์ๆ ก็ทำให้เรื่องนี้สนุกและน่าจดจำ หนังเตือนเราว่าพลังพิเศษอาจมาพร้อมราคาที่แพง และชีวิตปกติอาจถูกทำลายได้ง่ายๆ

ถ้าเราเป็นแฟนหนังเกาหลีแนวลึกลับหรือแอ็คชั่นจิตวิทยา เรื่องนี้คือต้องดูเลย! มันทำให้เราคิดถึงการทรยศหักหลังและการเอาชีวิตรอดในแบบที่ใกล้ตัว มาแชร์กันในคอมเมนต์ว่าฉากไหนที่ทำให้เราลุ้นที่สุด หรือคิดว่าภาคต่อจะเป็นยังไง? แล้วอย่าลืมแชร์รีวิวนี้ให้เพื่อนๆ ที่ชอบหนังแนวนี้ด้วยนะ ไปดูกันเลย!

  • ชื่อเรื่องในภาษาไทย: แม่มด
  • ประเภท: แอ็คชั่น, ลึกลับ, ไซไฟ
  • วันที่ออกฉาย: 27 มิถุนายน 2561
  • นักแสดงนำ: คิม ดา-มี (Kim Da-mi), โก มิน-ซี (Go Min-si), ชเว อู-ชิก (Choi Woo-shik)
  • ผู้กำกับ: พัค ฮุน-จุง (Park Hoon-jung)
  • ความยาว: 2 ชั่วโมง 5 นาที
  • เรตติ้ง IMDb: 7.1/10

กดเพื่ออ่านต่อ

PhiRa W.

เป็นนักเขียนอิสระที่หลงใหลในสื่อบันเทิงทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ซีรีส์ วาไรตี้ และสารคดี ผมชอบที่จะวิเคราะห์และถอดรหัสเนื้อหาเหล่านั้นออกมาในรูปแบบของรีวิวที่เข้าใจง่ายและสนุกสนาน เพื่อแบ่งปันมุมมองและประสบการณ์ให้กับผู้อ่าน

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button