รีวิวซีรีส์ฝรั่ง

[รีวิว-เรื่องย่อ] ยาวไม่มัน สั้นหน่อยดีกว่า | Long Story Short (2025)

  • Long Story Short (ยาวไม่มัน สั้นหน่อยดีกว่า) เป็นซีรีส์แอนิเมชันที่เล่าเรื่องครอบครัว Schwoopers ข้ามหลายทศวรรษ
  • ผลงานใหม่จากผู้สร้าง BoJack Horseman ที่เปลี่ยนมาเล่าเรื่องครอบครัวยิวอเมริกัน
  • ใช้เทคนิคการเล่าเรื่องย้อนเวลาไปมาเพื่อแสดงความเชื่อมโยงระหว่างอดีตและอนาคต
  • มีการแสดงเสียงที่โดดเด่นจากนักแสดงอย่าง Ben Feldman, Abbi Jacobson และ Max Greenfield

เราเคยรู้สึกไหมว่าเวลาผ่านไปเร็วจนแทบไม่ทัน? วันหนึ่งเรายังเป็นเด็กที่วิ่งเล่นในสวน อีกวันหนึ่งเราก็โตเป็นผู้ใหญ่ที่ต้องรับผิดชอบครอบครัวของตัวเอง ซีรีส์ Long Story Short (2025) จาก Netflix นำเสนอเรื่องราวที่จะทำให้เราได้มองย้อนกลับไปดูช่วงเวลาสำคัญของชีวิต ผ่านตัวละครครอบครัว Schwoopers ที่อาศัยอยู่ในแคลิฟอร์เนีย โดยมี อาวี (Ben Feldman), ชิรา (Abbi Jacobson) และ โยชิ (Max Greenfield) เป็นพี่น้องสามคนที่แต่ละคนมีเรื่องราวและความท้าทายในชีวิตของตัวเอง

สิ่งที่น่าสนใจของซีรีส์เรื่องนี้คือการที่ผู้สร้าง ราฟาเอล บ็อบ-วัคส์เบิร์ก ผู้ที่เคยสร้างปรากฏการณ์กับ “BoJack Horseman” ได้เลือกที่จะเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเล่าเรื่องแต่ยังคงรักษาแก่นแท้ของการนำเสนอ ประเด็นสังคมที่ลึกซึ้ง ไว้ได้ หากใน BoJack เราได้เห็นโลกของสัตว์ที่พูดได้ ใน Long Story Short เราจะได้พบกับครอบครัวธรรมดาที่มีปัญหาและความสุขเหมือนครอบครัวไหนๆ แต่ถูกนำเสนอผ่านเทคนิคการ กระโดดข้ามเวลา ที่ทำให้เราได้เห็นว่าเหตุการณ์ในอดีตส่งผลต่ออนาคตอย่างไร

ในบทความนี้ เราจะพาไปสำรวจทุกแง่มุมของซีรีส์เรื่องนี้ ตั้งแต่เทคนิคการเล่าเรื่องที่เป็นเอกลักษณ์ ไปจนถึงการแสดงเสียงที่น่าประทับใจและข้อความที่ซีรีส์ต้องการสื่อสาร มาดูกันว่า Long Story Short จะพาเราไปสัมผัสกับเรื่องราวของครอบครัวที่ทั้งอบอุ่นและซับซ้อนได้อย่างไร

Long Story Short (2025) #1

รีวิวและเรื่องย่อ Long Story Short (ยาวไม่มัน สั้นหน่อยดีกว่า)

Long Story Short เล่าเรื่องของครอบครัว Schwoopers ที่ประกอบด้วย นาโอมิ ชวาร์ตซ์ (Lisa Edelstein) และ เอลเลียต คูเปอร์ (Paul Reiser) พร้อมลูกสามคนคือ อาวี ชิรา และ โยศิ ซีรีส์เล่าเรื่องของพวกเขาข้ามหลายทศวรรษ โดยใช้เทคนิคการเล่าเรื่องแบบ กระโดดไปมาในเวลา ในแต่ละตอน เพื่อแสดงให้เห็นว่าอดีตและปัจจุบันเชื่อมโยงกันอย่างไร ตัวละครหลักคือ อาวี ลูกชายคนโต ที่เราจะได้เห็นเขาตั้งแต่เป็นเด็ก ผ่านการแต่งงาน การหย่าร้าง และการเป็นพ่อเลี้ยงเดียว

อาวีเป็นตัวละครที่มี ความวิตกกังวลสูง และมักจะต้องรับภาระจากแม่ที่ชอบเข้ามายุ่งเรื่องของลูกๆ รวมไปถึงความกังวลของคนรอบข้าง เขาเป็นคนที่หลงใหลในดนตรีและมีความคิดเห็นที่เฉียบคมเกี่ยวกับศิลปะ เราจะได้เห็นเขาแนะนำเพลง “The Obvious Child” ของ Paul Simon ให้กับแฟน เจน (Angelique Cabral) พร้อมกับการอธิบายที่ละเอียดยิบ เนื้อเพลงนี้ที่พูดถึงลูกชายที่เกิดมาและออกจากบ้านไปภายในเพียงสองบรรทัด สะท้อนแนวคิดหลักของซีรีส์ที่ว่า เหตุการณ์สำคัญในชีวิต ผ่านไปอย่างรวดเร็วเมื่อมองย้อนกลับไป

ตัวละครต่างๆ จะมีบทบาทสำคัญสลับกันไปตลอด 10 ตอน ทำให้เนื้อหามีความหลากหลาย ซีรีส์นำเสนอประเด็นต่างๆ อย่าง COVID-19, งานศพ, ศาสนา และ อัตลักษณ์ แต่ก็มีความสนุกสนานแทรกอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะจากตัว โยศิ น้องชายคนเล็กที่ Max Greenfield แสดงเสียงได้อย่างน่ารัก สองตอนที่ตลกที่สุดคือตอนที่เขาทำงานขายที่นอน และตอนที่เขาพยายามรักษาของมีค่าก่อนไปเป็น ผู้บริจาคสเปิร์ม

สิ่งที่โดดเด่นที่สุดของ Long Story Short คือเทคนิคการเล่าเรื่องแบบย้อนเวลา ซึ่งให้มิติที่กว้างขวางและบางครั้งก็ทำให้เหตุการณ์ต่างๆ ได้รับมุมมองใหม่ที่น่าสนใจ เราจะได้เห็นการเปรียบเทียบและความแตกต่างที่ให้ความกระจ่าง รวมไปถึงการจับคู่ของสถานะต่างๆ ในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการแต่งงาน ชีวิต และความตาย ที่สะท้อนถึงจุด สูงและต่ำของการดำรงอยู่ อย่างต่อเนื่อง แต่ทว่าซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้ใช้ประโยชน์จากเทคนิคนี้ได้อย่างเต็มที่เท่าที่ควร

แม้จะมีการเปรียบเทียบที่น่าสนใจและความแตกต่างที่ให้แสงสว่าง แต่มันไม่เคยสร้าง ผลกระทบทางอารมณ์ ที่แรงจริงๆ หรือทำอะไรที่กล้าหาญกับรูปแบบนี้ อย่างไรก็ตาม ซีรีส์ยังคงสามารถสร้างความรู้สึกที่ว่าเรารู้จักครอบครัวนี้ดีจริงๆ มันเป็นการทำงานแบบรวมดาวอย่างแท้จริง แต่อาวีก็ยังคงเป็นตัวละครที่ใกล้เคียงกับตัวละครหลักมากที่สุด เราจะได้เห็นเขาตั้งแต่เป็นเด็ก ติดตามความสัมพันธ์ของเขาตั้งแต่การแนะนำครั้งแรกกับครอบครัว ผ่านการแต่งงานไปจนถึงการหย่าร้าง และเห็นเขาจัดการกับการ เป็นพ่อเลี้ยงเดียว

รูปแบบแอนิเมชันที่เรียบง่ายยิ่งกว่า BoJack ร่วมกับอารมณ์ขันและปัญหาครอบครัว ทำให้รู้สึกเหมือนการ์ตูนอินดี้ที่มีชีวิตขึ้นมา การที่ตัวละครทะเลาะกันตลอดเวลาอาจจะทำให้เบื่อบ้าง แต่ช่วงเวลาที่สัมผัสได้และสังเกตได้อย่างละเอียดอ่อนก็ไม่ห่างเกินไป การแสดงเสียงก็แข็งแกร่ง โดยเฉพาะ Paul Reiser นักแสดงจาก Aliens และ Stranger Things ที่น่าหลงใหลอย่างเป็นพิเศษในบทพ่อที่ต้องทนทุกข์

Long Story Short (2025) #2

Long Story Short เป็นซีรีส์ที่มีศักยภาพสูง แต่ยังใช้แนวคิดการกระโดดข้ามเวลาไม่ได้เต็มที่ Netflix ได้อนุมัติให้มีซีซันที่สองแล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเชื่อมั่นในโครงการนี้ ซีรีส์เรื่องนี้มีศักยภาพมากมายอยู่ แต่แนวคิดการกระโดดข้ามเวลาจำเป็นต้องถูกใช้ได้ดีกว่านี้ เพื่อให้การเปิดเผย เรื่องยาว นี้ต่อไปคุ้มค่า

บทสนทนาที่เฉียบคม และมีความรู้ทางวัฒนธรรมมากมาย แม้ว่าบ่อยครั้งจะเป็นความฉลาดแบบยิ้มได้มากกว่าตลกจนท้องแข็ง เมื่อมีการเสนอเค้กไอศกรีมวานิลลา อาวีก็เย้ยว่า “นักดนตรีสามคนที่ฉันไม่ชอบที่สุด” การที่ตัวละครทะเลาะกันตลอดเวลาอาจจะทำให้เหนื่อยหน่อย แต่ช่วงเวลาที่สะเทือนใจและสังเกตได้อย่างละเอียดอ่อนก็ไม่เคยอยู่ห่างไกลเกินไป และการ แสดงเสียงก็เข้มแข็ง

ซีรีส์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จในการสร้างความรู้สึกว่าเรารู้จักครอบครัวนี้จริงๆ แม้ว่ามันจะไม่ได้สร้างผลกระทบทางอารมณ์ที่รุนแรง หรือทำอะไรที่กล้าหาญกับรูปแบบการเล่าเรื่อง แต่ก็ยังคงมีเสน่ห์ในแบบของมันเอง โดยเฉพาะสำหรับคนที่ชอบ หนังแอนิเมชันสำหรับผู้ใหญ่ และเรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัวที่มีความซับซ้อน

Long Story Short อาจจะไม่ใช่ผลงานที่สมบูรณ์แบบ แต่มันเป็นการเริ่มต้นที่น่าสนใจสำหรับเรื่องราวที่มีศักยภาพในการพัฒนาต่อไป สำหรับใครที่เป็นแฟนของ BoJack Horseman หรือชื่นชอบซีรีส์แอนิเมชันที่มีเนื้อหาลึกซึ้ง เราขอแนะนำให้ลองดู Long Story Short และมาแชร์ความคิดเห็นกันในคอมเมนต์ว่า เทคนิคการเล่าเรื่องแบบข้ามเวลา ทำให้เราได้มองเห็นชีวิตครอบครัวจากมุมมองใหม่อย่างไร อย่าลืมแชร์รีวิวนี้ให้เพื่อนๆ ที่ชอบเนื้อหาที่มีความหมายและการเล่าเรื่องที่แปลกใหม่!

  • ชื่อเรื่องในภาษาไทย: ยาวไม่มัน สั้นหน่อยดีกว่า
  • ประเภท: แอนิเมชัน, ดราม่าคอมมาดี้, ครอบครัว
  • วันที่ออกฉาย: 22 สิงหาคม 2568
  • นักแสดงเสียง: Ben Feldman, Abbi Jacobson, Max Greenfield, Lisa Edelstein, Paul Reiser
  • ผู้สร้าง: Raphael Bob-Waksberg
  • จำนวนตอน: 10 ตอน
  • ช่องทางการดูในประเทศไทย: Netflix

กดเพื่ออ่านต่อ

PhiRa W.

เป็นนักเขียนอิสระที่หลงใหลในสื่อบันเทิงทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ซีรีส์ วาไรตี้ และสารคดี ผมชอบที่จะวิเคราะห์และถอดรหัสเนื้อหาเหล่านั้นออกมาในรูปแบบของรีวิวที่เข้าใจง่ายและสนุกสนาน เพื่อแบ่งปันมุมมองและประสบการณ์ให้กับผู้อ่าน

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button