![[รีวิว-เรื่องย่อ] My Hero Academia Final Season (Season 8)](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/10/Review-My-Hero-Academia-Final-Season.webp)
- ออลไมท์ใส่ชุดเกราะพิเศษ ที่มีควิร์กจากนักเรียน Class A ทุกคนเพื่อสู้กับออลฟอร์วันแม้จะไม่มีพลัง One For All
- โทกะเสียสละชีวิต เพื่อช่วยโอชาโกะด้วยการถ่ายเลือดให้ แสดงถึงความเปลี่ยนแปลงของตัวละครที่ลึกซึ้ง
- อาโอยามะและโทรุทำงานร่วมกัน เพื่อเอาชนะคุนิเอดะ แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการทำงานเป็นทีม
เราเคยรู้สึกหรือไม่ว่าการรอคอยอะไรบางอย่างมานานกว่าเกือบปี แล้วมันกลับมาด้วยความยิ่งใหญ่จนเกินคาด? My Hero Academia Season 8 ที่ออกอากาศเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2025 ก็เป็นแบบนั้นเลย ซีซันสุดท้ายของอนิเมะชื่อดังที่ทั้งโลกรอคอยได้กลับมาพร้อมกับ การต่อสู้ครั้งสุดท้าย ที่จะตัดสินชะตากรรมของโลกฮีโร่ทั้งใบ ตอนแรกของซีซันนี้มีชื่อว่า “Toshinori Yagi: Rising Origin” ซึ่งเน้นไปที่ตัวละครที่เราทุกคนรัก คือ ออลไมท์ ชายผู้ที่แม้จะไม่มีพลังควิร์กแล้ว แต่ยังคงยืนหยัดสู้กับศัตรูตัวฉกาจที่สุดของเขาอย่าง ออลฟอร์วัน
ตอนแรกของซีซันนี้ไม่ได้มาเล่นๆ เพราะมันเปิดฉากด้วย การต่อสู้ที่ตึงเครียด ต่อเนื่องจากซีซัน 7 ที่จบไปอย่างคาใจ แต่ที่น่าสนใจกว่านั้นคือการที่สตูดิโอ Bones Film ได้นำเสนอเรื่องราวที่ไม่ได้มีแค่ความมันส์จากฉากแอ็คชัน แต่ยังมีความลึกซึ้งทางอารมณ์ที่ทำให้เราได้เห็นอีกด้านของตัวละครที่เรารัก โดยเฉพาะฉากของ โทกะและโอชาโกะ ที่ไม่ใช่แค่การต่อสู้ธรรมดา แต่เป็นการเผชิหน้ากันด้วยความเข้าใจและความเห็นอกเห็นใจที่หาได้ยากในหนังแนวนี้
ในบทความนี้ เราจะพาไปดูทุกมุมของตอนแรกนี้ ตั้งแต่ การแสดงที่โดดเด่น การสร้างชุดเกราะของออลไมท์ที่เทียบได้กับไอรอนแมน ไปจนถึงข้อความที่หนังต้องการสื่อสารเกี่ยวกับความหมายที่แท้จริงของการเป็นฮีโร่ มาดูกันว่าตอนแรกของ My Hero Academia ซีซันสุดท้ายจะทำให้เราหลั่งน้ำตาและตื่นเต้นไปพร้อมกันได้อย่างไร

รีวิวและเรื่องย่อ My Hero Academia Season 8
ตอนแรกของ My Hero Academia Final Season เปิดฉากด้วยการสรุปเหตุการณ์จากตอนสุดท้ายของซีซัน 7 ที่จบไปอย่างคาใจ แม้ว่าตอนแรกของซีซันนี้จะใช้เวลาครึ่งตอนไปกับการย้อนเหตุการณ์ก่อนหน้า แต่ครึ่งหลังของตอนก็ชดเชยด้วย การต่อสู้ที่สุดยอด และฉากที่ทำให้หัวใจเต้นแรงจนแทบหยุดเต้น ภาพรวมของตอนนี้ดูเศร้าสร้อยสำหรับฝั่งฮีโร่ เพราะทุกคนกำลังถูกศัตรูกดดันจนแทบไม่มีทางสู้
แต่สิ่งที่ทำให้ตอนนี้พิเศษคือการที่ ออลไมท์ ไม่ยอมแพ้แม้จะไม่มีพลังควิร์กอีกต่อไป เขาสวมชุดเกราะที่ออกแบบมาพิเศษซึ่งมีพลังจากนักเรียน Class A ทุกคนรวมอยู่ด้วย ชุดนี้ทำให้เขาสามารถสู้กับออลฟอร์วันได้แม้ว่าจะไม่มีพลัง One For All แล้วก็ตาม แผนของออลไมท์ค่อนข้างเรียบง่าย คือทำให้ออลฟอร์วันใช้พลังงานมากจนร่างกายเขาถอยกลับไปเป็นวัยหนุ่มเร็วขึ้น และทำลายตัวเองในที่สุด แต่ออลฟอร์วันก็ไม่ได้โง่ และเขาก็แสดงให้เห็นว่าเขาฉลาดพอที่จะเอาชนะออลไมท์ได้ในช่วงหลังของการต่อสู้
ในอีกด้านหนึ่งของสนามรบ คุนิเอดะ กำลังสร้างความหายนะให้กับฮีโร่อย่าง แฟตกัม และ อาโอยามะ เขารู้ดีว่าหากไม่มีเข็มขัด แสงเลเซอร์ของอาโอยามะจะรั่วไหลออกมา ทำให้เขาไม่สามารถสู้ได้อย่างเต็มที่ แต่ในช่วงเวลานั้นเอง โทรุ ก็ปรากฏตัวขึ้นและใช้พลังของเธอเองในการส่งแสงเลเซอร์ของอาโอยามะไปยังคุนิเอดะโดยตรง ฉากนี้แสดงให้เห็นถึงการทำงานเป็นทีมที่ยอดเยี่ยมของนักเรียน Class A ที่เติบโตขึ้นมากจากตอนแรกที่เราเห็นพวกเขา
กลับมาที่การต่อสู้หลัก ออลไมท์เริ่มเหนือกว่าออลฟอร์วันอย่างชัดเจน แม้ว่าการต่อสู้นี้จะส่งผลเสียต่อตัวออลไมท์เองก็ตาม แต่เขาไม่สนใจเพราะในที่สุดเขาก็ได้เห็นศัตรูของเขาพังทลาย แม้กระทั่งตัวเก็บประจุที่จ่ายพลังงานให้กับออลไมท์ก็ทำลายตัวเองเพราะการใช้พลังงานสูงและการปรากฏตัวของออลฟอร์วันอีกครั้งในร่างที่อ่อนเยาว์และเปล่งประกายมากขึ้น ฉากนี้ทำให้เราเห็นถึงความมุ่งมั่นของออลไมท์ที่ยอมเสียสละทุกอย่างเพื่อปกป้องโลกที่เขารัก
แม้ว่าตอนแรกของซีซัน 8 จะไม่ได้แสดงฉากนี้โดยตรง แต่การสรุปจากซีซัน 7 ก็ทำให้เราได้ทบทวนช่วงเวลาสำคัญระหว่าง โทกะ และ โอชาโกะ ที่ไม่ใช่แค่การต่อสู้ธรรมดา แต่เป็นการเผชิญหน้าที่เต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ โอชาโกะไม่เคยมีเจตนาที่จะทำร้ายหรือฆ่าโทกะ แต่เธอเลือกที่จะเข้าใจและยอมรับเธอด้วยความเมตตา ช่วงเวลาสั้นๆ ของความเข้าใจนั้นเพียงพอที่จะทำให้โทกะผู้เต็มไปด้วยความโกรธแค้นสงบลงและพบความสงบภายใน
สถานการณ์ดูไม่ค่อยดีสำหรับโอชาโกะที่เสียเลือดไปมากอันตรายหลังจากถูกโทกะแทง แม้จะบาดเจ็บ แต่เธอก็ยังคงใช้ควิร์กของเธอและดูแลความปลอดภัยของฮีโร่คนอื่นๆ ด้วย เมื่อโทกะได้พบกับคนที่ใส่ใจเธออย่างแท้จริงในที่สุด เธอก็ไม่ยอมให้การเสียสละของโอชาโกะสูญเปล่า โทกะตัดสินใจทำบางอย่างที่ขัดกับธรรมชาติของตัวเองในฐานะวายร้าย นั่นคือการใช้ควิร์กของเธอในการทำให้ร่างกายเธอกลายเป็นโอชาโกะบางส่วน และทำการถ่ายเลือดเพื่อช่วยชีวิตโอชาโกะ
การกระทำนี้แสดงให้เห็นว่าโทกะไม่ได้เป็นแค่วายร้ายธรรมดา แต่เธอเป็นคนที่มีความรู้สึกและต้องการความรักอย่างแท้จริง แม้ว่าโอชาโกะจะขอร้องให้เธอหยุด แต่โทกะก็ยืนยันว่าเธอจะทำตามที่เธอต้องการ เธอไม่ต้องการถูกจับ และเธอรู้ดีว่าโอชาโกะจะไม่ปล่อยให้เธอหนีไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราได้เห็นการขอโทษที่เต็มไปด้วยอารมณ์จากโทกะสำหรับสิ่งที่เธอทำกับโอชาโกะ พร้อมกับขอบคุณเธอที่ทำให้โทกะมีความสุขและสำหรับทุกอย่างที่เธอได้ทำ

จุดเด่นของตอนนี้อยู่ที่ช่วงครึ่งหลัง ซึ่ง ออลไมท์ เผชิหน้ากับ ออลฟอร์วัน อย่างเต็มตัว จิตวิญญาณที่ไม่ย่อท้อของฮีโร่สว่างสดใสผ่านออลไมท์ ซึ่งแม้จะไม่มีควิร์ก แต่ก็ก้าวเข้าสู่การต่อสู้ด้วยความมุ่งมั่นที่ไม่สั่นคลอน ด้วยอาวุธที่เป็นเพียงความกล้าหาญและอุปกรณ์ที่ทันสมัยบางชิ้น เขารู้ว่าเขาอาจทำได้เพียงหน่วงเวลาออลฟอร์วันสั้นๆ แต่ช่วงเวลาแห่งการต่อต้านที่หายวับไปนั้นก็เพียงพอสำหรับเขาแล้ว ด้วยความมุ่งมั่นในหัวใจและรอยยิ้มที่สร้างแรงบันดาลใจให้ความหวัง เขาพุ่งเข้าสู่การต่อสู้กับศัตรูตัวฉกาจตลอดชีวิตของเขา
สิ่งที่น่าสนใจคือแม้ว่า ออลฟอร์วัน จะแข็งแกร่งกว่ามาก แต่เขาก็ยังรู้สึกไม่สบายใจกับความมั่นใจของออลไมท์ มันแสดงให้เห็นว่าความแข็งแกร่งที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่พลังหรือการแก้แค้น แต่อยู่ที่เจตจำนงที่จะปกป้องผู้อื่น ชุดเกราะที่ออลไมท์สวมนั้นถูกออกแบบมาจากนักวิทยาศาสตร์จาก I-Island และมีควิร์กจากนักเรียน Class A ทุกคนฝังอยู่ข้างใน ทำให้เขาสามารถจำลองพลัง One For All ได้ในระดับสูง แม้แต่ออลฟอร์วันก็ต้องตกใจกับความสามารถของชุดนี้
การต่อสู้ในตอนนี้แสดงให้เห็นถึงความฉลาดและความมุ่งมั่นของออลไมท์ เขาใช้กลยุทธ์ต่างๆ รวมถึงกับดักเลเซอร์ที่ทำให้ออลฟอร์วันต้องใช้พลังงานมากขึ้น ทุกการเคลื่อนไหวของออลไมท์ล้วนมีจุดประสงค์ เขาไม่ได้พยายามชนะ แต่เขาพยายามซื้อเวลาให้กับเดคุและฮีโร่คนอื่นๆ เพื่อให้พวกเขามีโอกาสปิดฉากการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่นี้ ฉากนี้ทำให้เราเห็นถึงความเป็นฮีโร่ที่แท้จริง ซึ่งไม่ได้วัดจากพลังที่มี แต่วัดจากหัวใจที่ยอมเสียสละ

สตูดิโอ Bones Film ทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมในการนำเสนอภาพที่สวยงามและมีชีวิตชีวาสำหรับตอนแรกของซีซันสุดท้ายนี้ ฉากแอ็คชันทุกฉากมีความลื่นไหลและเต็มไปด้วยรายละเอียดที่ทำให้เราต้องตะลึง โดยเฉพาะฉากที่ออลไมท์ใช้กับดักเลเซอร์เพื่อโจมตีออลฟอร์วัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์และความใส่ใจในรายละเอียดของทีมงาน แอนิเมชันของชุดเกราะออลไมท์ก็ดูเหมือนไอรอนแมนอย่างมาก ซึ่งเป็นการอ้างอิงที่ชัดเจนและทำให้ฉากต่อสู้ดูน่าตื่นเต้นยิ่งขึ้น
เสียงประกอบในตอนนี้ก็เป็นอีกจุดเด่นหนึ่ง แทนที่จะใช้เพลงที่ยิ่งใหญ่และมีเสียงแตรเหมือนตอนจบของซีซัน 7 ตอนนี้ใช้เพลงที่มีจังหวะเร็วและเป็นสไตล์เมทัลมากขึ้น ซึ่งเหมาะกับบรรยากาศของการต่อสู้ที่กำลังเริ่มต้นขึ้น เพลงเปิดซีซันนี้คือ “The Revo” โดยวง Porno Graffitti ซึ่งเคยทำเพลงเปิดให้กับซีซัน 1 ด้วย ทำให้รู้สึกเหมือนได้กลับไปที่จุดเริ่มต้น ส่วนเพลงปิดคือ “I” โดยวง Bump of Chicken ซึ่งเป็นการเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับซีซันสุดท้าย
นักพากย์เสียงทั้งภาษาญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมในการถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละคร โดยเฉพาะฉากที่ออลไมท์พูดถึงความมุ่งมั่นของเขาในการปกป้องโลก เสียงของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความหวัง ซึ่งทำให้ฉากนั้นสะเทือนอารมณ์มากยิ่งขึ้น การผสมผสานระหว่างภาพ เสียง และการแสดงทำให้ตอนแรกนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่สมบูรณ์แบบสำหรับซีซันสุดท้าย

My Hero Academia Season 8 Episode 1 ไม่ได้เป็นแค่หนังแอ็คชันธรรมดา แต่มันสื่อถึงข้อความที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับความหมายของการเป็นฮีโร่ที่แท้จริง หนังแสดงให้เห็นว่าการเป็นฮีโร่ไม่ได้หมายถึงการมีพลังมหาศาล แต่หมายถึงความกล้าหาญที่จะยืนหยัดเมื่อคนอื่นถอยหนี ออลไมท์เป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของสิ่งนี้ เขาไม่มีควิร์กอีกต่อไป แต่เขาก็ยังเลือกที่จะสู้เพราะเขารู้ว่ามีคนต้องการเขา
ฉากของโทกะและโอชาโกะก็สื่อถึงข้อความที่สำคัญเช่นกัน นั่นคือความเห็นอกเห็นใจสามารถเปลี่ยนแปลงคนได้ แม้แต่คนที่ดูเหมือนจะหลงทางไปไกลแล้วก็ตาม โอชาโกะเลือกที่จะเข้าใจโทกะแทนที่จะตัดสินเธอ และการกระทำนี้ก็ทำให้โทกะพบความสงบและทำสิ่งที่ดีในที่สุด มันแสดงให้เห็นว่าบางครั้งสิ่งที่คนต้องการมากที่สุดไม่ใช่การถูกตีหรือถูกลงโทษ แต่เป็นการถูกเข้าใจและยอมรับ
หนังยังสื่อถึงความสำคัญของการทำงานเป็นทีม ผ่านฉากของอาโอยามะและโทรุ ที่แม้จะเป็นตัวละครรองแต่ก็มีบทบาทสำคัญในการปกป้องโลก พวกเขาใช้ควิร์กของตัวเองในการช่วยเหลือกันและกัน แสดงให้เห็นว่าไม่มีใครเล็กเกินไปที่จะสร้างความแตกต่าง ทุกคนมีบทบาทของตัวเองในการปกป้องโลก และเมื่อทุกคนทำงานร่วมกัน ก็ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้

My Hero Academia Final Season Episode 1 เป็นจุดเริ่มต้นที่สมบูรณ์แบบสำหรับซีซันสุดท้ายของอนิเมะชื่อดังเรื่องนี้ แม้ว่าครึ่งแรกของตอนจะเป็นการสรุปเหตุการณ์จากซีซันก่อน แต่ครึ่งหลังก็ชดเชยด้วยฉากแอ็คชันที่ยอดเยี่ยมและช่วงเวลาที่สะเทือนอารมณ์ การแสดงของทุกตัวละครโดดเด่น โดยเฉพาะออลไมท์ที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นฮีโร่ที่แท้จริงแม้จะไม่มีพลังอีกต่อไป ภาพและเสียงของหนังสุดยอด ทำให้ทุกฉากดูน่าตื่นเต้นและเต็มไปด้วยอารมณ์
หนังเรื่องนี้สื่อถึงข้อความที่สำคัญเกี่ยวกับความกล้าหาญ ความเห็นอกเห็นใจ และการทำงานเป็นทีม ซึ่งเป็นคุณค่าที่สำคัญไม่เพียงแค่ในโลกของฮีโร่ แต่ยังเป็นคุณค่าที่สำคัญในชีวิตจริงของเราด้วย การที่หนังสามารถสื่อสารข้อความเหล่านี้ผ่านฉากแอ็คชันและช่วงเวลาที่สะเทือนอารมณ์ทำให้มันเป็นมากกว่าแค่อนิเมะแอ็คชันธรรมดา มันเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความหมายของการเป็นฮีโร่ที่แท้จริง
สำหรับใครที่ติดตาม My Hero Academia มาตั้งแต่ซีซันแรก ตอนนี้จะทำให้รู้สึกถึงความคิดถึงและความตื่นเต้นไปพร้อมกัน เพราะนี่คือจุดเริ่มต้นของการจบอย่างยิ่งใหญ่ที่เรารอคอยมานาน สำหรับคนที่เพิ่งเข้ามาดูใหม่ ตอนนี้ก็เป็นตัวอย่างที่ดีของสิ่งที่ทำให้ My Hero Academia เป็นหนึ่งในอนิเมะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของทศวรรษนี้ มาแชร์ความคิดเห็นกันในคอมเมนต์ว่าเราคิดอย่างไรกับตอนแรกนี้ และอย่าลืมแชร์บทความนี้ให้เพื่อนๆ ที่รักอนิเมะแนวฮีโร่ได้อ่านด้วยนะ
- ชื่อเรื่องภาษาไทย: มายฮีโร่ อคาเดเมีย ซีซันสุดท้าย
- ชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ: My Hero Academia Final Season (Season 8)
- ประเภท: แอ็คชัน, ฮีโร่, โชเน็น, ดราม่า
- วันที่ออกอากาศ: 4 ตุลาคม 2568
- ผู้กำกับ: Kenji Nagasaki (หัวหน้าผู้กำกับ), Naomi Nakayama
- สตูดิโอ: Bones Film
- เรตติ้ง MyAnimeList: 8.37/10
- ช่องทางรับชม: Bilibili iQIYI Netflix Crunchyroll Ani-One Thailand