รีวิวซีรีส์เกาหลี

[รีวิว-เรื่องย่อ] เจาะจิต ปิดเกมล่าเหยื่อ | The Victims’ Game (2020)

  • The Victims’ Game เป็นซีรีส์สืบสวนไต้หวันเรื่องแรก ๆ ของ Netflix ที่ได้รับความนิยมทั่วเอเชีย กับเนื้อเรื่องที่พลิกผันตลอด 8 ตอน
  • การแสดงของ โจเซฟ ชาง ในบทนักนิติวิทยาศาสตร์ที่มีภาวะแอสเพอร์เกอร์โดดเด่นและสมจริง ทำให้ตัวละครมีมิติและน่าติดตาม
  • ซีรีส์เจาะลึกประเด็นสังคมที่หนักแน่น ทั้งเรื่องการฆ่าตัวตาย ความยุติธรรม และคนชายขอบที่ถูกมองข้าม
  • รูบี้ หลิน ปรากฏตัวในตอนท้ายของซีรีส์ด้วยการแสดงที่เปลี่ยนภาพลักษณ์อย่างน่าประทับใจ

เคยสงสัยไหมว่าถ้าการตายที่ดูเหมือน ฆ่าตัวตาย แต่จริง ๆ แล้วมันคือการ ฆาตกรรม ที่ซ่อนความจริงอันน่าสะเทือนใจ? The Victims’ Game (誰是被害者) หรือชื่อไทยว่า เจาะจิต ปิดเกมล่าเหยื่อ คือ ซีรีส์สืบสวนบน Netflix ที่จะพาไปเจาะลึกคดีลึกลับผ่านสายตาของนักนิติวิทยาศาสตร์อัจฉริยะที่มีภาวะ แอสเพอร์เกอร์ (Asperger’s Syndrome) ซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้แค่เล่าเรื่องการไขคดี แต่ยังสะท้อนภาพของคนที่ถูกสังคมทอดทิ้ง และตั้งคำถามว่า “ใครกันแน่ที่เป็นเหยื่อ?” ด้วยความยาว 8 ตอนที่กระชับ แต่เต็มไปด้วยเนื้อหาที่หนักแน่น ซีรีส์เรื่องนี้จะทำให้นั่งลุ้นจนลืมหายใจ

The Victims’ Game เล่าเรื่องราวของ ฟาง อี้เหริน รับบทโดย โจเซฟ ชาง (Joseph Chang) นักนิติวิทยาศาสตร์ประจำกรมตำรวจที่มีความสามารถโดดเด่นในการวิเคราะห์หลักฐาน แต่เขากลับถูกเพื่อนร่วมงานรังเกียจเพราะพฤติกรรมที่ดูเหมือนหยาบคายและไม่ใส่ใจความรู้สึกคนอื่น ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเขามีภาวะ แอสเพอร์เกอร์ ที่ทำให้เขาไม่ถนัดในการสื่อสารทางสังคม ชีวิตของเขาพลิกผันเมื่อพบว่า ลี่มู่ ลูกสาวที่ห่างเหินมานาน อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่ดูเหมือนการฆ่าตัวตาย

เรื่องเริ่มต้นจากการพบศพที่ถูกละลายในกรด ตามด้วยศพที่ถูกเผาจนไหม้เกรียม แต่ละศพมีร่องรอยที่ชี้ว่าเป็นการฆ่าตัวตาย แต่ฟางกลับพบหลักฐานที่บ่งบอกว่ามีคนอยู่เบื้องหลัง และที่น่าตกใจคือภาพจากกล้องวงจรปิดแสดงให้เห็นลูกสาวของเขาอยู่ในที่เกิดเหตุ ฟางจึงตัดสินใจปกปิดข้อมูลนี้จากเพื่อนร่วมงานและเริ่มสืบสวนด้วยตัวเอง

โจเซฟ ชาง (Joseph Chang) สร้างผลงานที่น่าจดจำในบทฟาง อี้เหริน เขาไม่ได้แค่เล่นเป็น “นักสืบอัจฉริยะที่แปลกพิลึก” ตามสูตรทั่วไป แต่ถ่ายทอดความเจ็บปวดภายในของคนที่พยายามอย่างหนักจะเข้าใจคนอื่น แต่กลับล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฉากที่เขาพูดว่า “ผมพยายามมากแล้ว ผมอยากให้เขามีความสุข แต่ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าจะทำให้คนอื่นมีความสุขได้ยังไง” นั้นสะเทือนใจมาก และทำให้เข้าใจว่าทำไมความสัมพันธ์ระหว่างเขากับลูกสาวถึงพังทลาย

การแสดงของเขาโดดเด่นที่สุดในตอนสุดท้าย เมื่อตัวละครต้องเผชิญกับความจริงที่เจ็บปวด การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของเขาในช่วงนี้ทำได้อย่างน่าประทับใจ จากคนที่ดูเย็นชาและห่างเหินกลายเป็นคนที่เปราะบางและต้องการความรักเหมือนคนอื่น ๆ

ทิฟฟานี่ ซู (Tiffany Hsu) รับบท ซวี่ ไห่อิน นักข่าวสายสืบสวนที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ข่าว เธอเชื่อว่าจุดหมายปลายทางสำคัญกว่าวิธีการ และพร้อมจะข้ามเส้นจริยธรรมเพื่อให้ได้เรื่องที่ต้องการ ตัวละครของเธอเป็นตัวแทนของสื่อในยุคที่การแข่งขันสูง และตั้งคำถามว่าสื่อมีความรับผิดชอบต่อสังคมแค่ไหน

ความสัมพันธ์ระหว่างซวี่กับฟางเป็นหัวใจสำคัญของซีรีส์ ทั้งสองมาจากโลกที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่กลับต้องทำงานร่วมกันเพื่อไขปริศนา เคมีระหว่างนักแสดงทั้งสองทำได้ดี แม้ว่าบทจะไม่ได้พัฒนาความสัมพันธ์นี้มากเท่าที่ควร ซึ่งเป็นโอกาสที่พลาดไปน่าเสียดาย

สำหรับแฟน ๆ ซีรีส์ไต้หวันบน Netflix จะประหลาดใจกับการปรากฏตัวของ รูบี้ หลิน (Ruby Lin) ในตอนท้ายของซีรีส์ เธอรับบทที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่บอกได้ว่าเป็นการแสดงที่ทิ้งภาพลักษณ์ดาราสาวสวยไปอย่างสิ้นเชิง เธอถ่ายทอดตัวละครที่มืดมนและน่าสะพรึงได้อย่างน่าทึ่ง และเป็นไพ่ตายที่ซีรีส์เก็บไว้จนช่วงสุดท้าย

ซีรีส์เรื่องนี้ถูกเปรียบเทียบกับ CSI เวอร์ชันเอเชีย ด้วยการถ่ายภาพที่คมชัด โทนสีเย็นแบบคลินิก และการใส่ใจรายละเอียดในห้องปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์ ฉากการชันสูตรศพและการวิเคราะห์หลักฐานทำได้สมจริงและน่าสนใจ สำหรับคนที่ชอบดูกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการไขคดี ซีรีส์นี้จะถูกใจมาก

บรรยากาศส่วนใหญ่ของซีรีส์มืดมนและหดหู่ สะท้อนถึงเนื้อหาที่หนักหน่วงเกี่ยวกับการฆ่าตัวตายและความเจ็บปวดของตัวละคร แต่ในความมืดมนนั้นก็มีแสงแห่งความหวังซ่อนอยู่ ซึ่งจะค่อย ๆ ปรากฏให้เห็นเมื่อเรื่องดำเนินไป

แม้ว่า The Victims’ Game จะเป็นซีรีส์ที่ดี แต่ก็มีจุดอ่อนที่ควรพูดถึง จังหวะของซีรีส์ค่อนข้างช้า โดยเฉพาะในช่วงกลางเรื่อง ถ้าตัดให้เหลือ 6 ตอนอาจจะกระชับกว่านี้ พล็อตบางส่วนเดาได้ไม่ยาก และตัวละครรองบางตัวไม่ได้รับการพัฒนาเท่าที่ควร

อีกประเด็นคือซีรีส์พยายามพูดถึงประเด็นสังคมหลายอย่าง ทั้งเรื่อง สิทธิของกลุ่ม LGBTQ+ การเอารัดเอาเปรียบแรงงาน และปัญหาสุขภาพจิต แต่การนำเสนอบางครั้งรู้สึกผิวเผินเกินไป ไม่ได้ลงลึกเท่ากับ ซีรีส์ The World Between Us ที่ได้รับคำชมเรื่องการสะท้อนสังคมไต้หวัน

สิ่งที่ทำให้ The Victims’ Game แตกต่างจาก ซีรีส์สืบสวนทั่วไป คือการตั้งคำถามว่า “ใครคือเหยื่อ?” ซึ่งเป็นชื่อภาษาจีนของซีรีส์ (誰是被害者) เหยื่อในที่นี้ไม่ได้หมายถึงแค่คนที่ถูกฆ่า แต่รวมถึงคนที่ถูกสังคมทอดทิ้ง คนที่รู้สึกว่าชีวิตไม่มีคุณค่า และคนที่มองหาความหมายของการมีตัวตน

ซีรีส์ส่งข้อความที่ทรงพลังว่า อย่ายอมแพ้ การมีชีวิตอยู่คือการมีความหวัง แม้ในวันที่มืดมนที่สุด ก็ยังมีโอกาสที่สิ่งต่าง ๆ จะดีขึ้น ข้อความนี้อาจฟังดูเป็นคลิเช่ แต่วิธีที่ซีรีส์นำเสนอทำให้มันรู้สึกจริงใจและสะเทือนใจ

ซีรีส์เรื่องนี้เหมาะสำหรับคนที่ชอบ ซีรีส์สืบสวนเกาหลี หรือ หนังอาชญากรรมที่มีเนื้อหาลึกซึ้ง แต่อยากลองดูผลงานจากไต้หวันบ้าง การแสดงยอดเยี่ยม การถ่ายภาพสวย และเนื้อเรื่องที่ชวนคิด ทำให้ซีรีส์นี้คุ้มค่าแก่การลงเวลาดู

อย่างไรก็ตาม ซีรีส์มีเนื้อหาที่หนักเกี่ยวกับการฆ่าตัวตายและความตาย ถ้าใครกำลังอยู่ในช่วงที่เปราะบางทางจิตใจ อาจต้องพิจารณาก่อนดู เพราะบางฉากอาจกระทบความรู้สึกได้

The Victims’ Game พิสูจน์ให้เห็นว่าวงการซีรีส์ไต้หวันสามารถผลิตผลงานคุณภาพที่แข่งขันได้ในระดับสากล ด้วยการแสดงที่ยอดเยี่ยมของ โจเซฟ ชาง และนักแสดงทั้งหมด เนื้อเรื่องที่ซับซ้อนแต่เข้าใจง่าย และข้อความที่ทรงพลังเกี่ยวกับการให้คุณค่ากับชีวิต ซีรีส์เรื่องนี้เป็นหนึ่งใน ซีรีส์ Netflix Original จากเอเชียที่ไม่ควรพลาด ลองหาเวลาดูสักตอน แล้วจะติดหนึบจนต้องดูให้จบทั้ง 8 ตอน มาแชร์ความเห็นกันในคอมเมนต์ว่าซีรีส์เรื่องนี้ทำให้รู้สึกอย่างไร และอย่าลืมแชร์รีวิวนี้ให้เพื่อน ๆ ที่ชอบซีรีส์สืบสวนด้วยนะ!

  • ชื่อเรื่องในภาษาไทย: เจาะจิต ปิดเกมล่าเหยื่อ
  • ชื่อภาษาอังกฤษ: The Victims’ Game
  • ประเภท: สืบสวน, ดราม่า, อาชญากรรม, ระทึกขวัญ
  • วันที่เผยแพร่: 30 เมษายน 2563
  • จำนวนตอน: 8 ตอน (ซีซัน 1)
  • นักแสดงนำ: โจเซฟ ชาง (Joseph Chang), ทิฟฟานี่ ซู (Tiffany Hsu), เจสัน หวัง (Jason Wang), รูบี้ หลิน (Ruby Lin)
  • ผู้กำกับ: ฉวง เสวียนเหว่ย (Chuang Hsuan Wei), อัลเลน เฉิน (Allen Chen)
  • ดัดแปลงจาก: นวนิยาย “The Fourth Victim” โดย เหลียง ซู่ถิง และ ซวี่ รุ่ยหลาง
  • เรตติ้ง IMDb: 8.0/10
  • เรตติ้ง MyDramaList: 8.4/10
  • ช่องทางรับชม: Netflix

PhiRa W.

เป็นนักเขียนอิสระที่หลงใหลในสื่อบันเทิงทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ซีรีส์ วาไรตี้ และสารคดี ผมชอบที่จะวิเคราะห์และถอดรหัสเนื้อหาเหล่านั้นออกมาในรูปแบบของรีวิวที่เข้าใจง่ายและสนุกสนาน เพื่อแบ่งปันมุมมองและประสบการณ์ให้กับผู้อ่าน

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button