นิทานก้อม

นิทานก้อม : ท้าวกำพร้าเรียนมนต์ตด

นิทานก้อม คือ นิทานที่มีเนื้อเรื่องสั้น ๆ กะทัดรัด อาจจะเป็นในรูปนิทานที่มีคติสอนใจ สอดแทรกคำสอนหรือสะท้อนวิถีชีวิต หรือตลกขำขัน ประโลมโลก นิทานก้อมอาจเล่าในทีมีงานรื่นเริง หรือพบปะเฮฮากัน หรือเล่าสู่กันฟังในตอนเย็น หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จ (ข้าวแลง) เพราะว่าสมัยก่อน บ่มีโทรทัศน์ พัดลม หรือ สื่อสิ่งบันเทิง นอกจากมีการมีงานบุญ ถึงจะได้ดูสิ่งมหรสพ เช่น หมอลำ เป็นต้น

นิทานก้อม : ท้าวกำพร้าเรียนมนต์ตด

ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่งมีเด็กน้อยกำพร้าอยู่คนหนึ่ง ญาติพี่น้องไม่มีใครสนใจ เขาจึงต้องเที่ยวเร่ร่อนขอทานตามหมู่บ้านต่างๆ พอได้กินไปวันๆ หลวงพ่อที่วัดแห่งหนึ่ง สงสารจึงรับเลี้ยงไว้เป็นลูกศิษย์ในวัด ในสมัยนั้นเด็กผู้ชายจะต้องออกจากบ้านไปหาเรียนวิชา แล้วแต่ใครต้องการ เรียนอะไรหลวงพ่อก็สั่งท้าวกำพร้าให้ไปเรียนวิชาเช่นกัน โดยก่อนไปได้กำชับว่า “เรียนอะไรก็เรียนให้จบ และอยากเรียนอะไรก็ให้เลือกเรียนได้ตามใจชอบหลวงพ่อไม่ว่าอะไร”

ณ สำนักเรียนที่มีอาจารย์เก่งทางวิชาอาคม เวทมนตร์ต่างๆ เปิดสอนให้กับผู้คนทั่วไป โดยเฉพาะคนหนุ่มๆนิยมไปเรียนกันมาก หลายคนเลือกเรียนวิชาตามใจชอบ แต่ท้าวกำพร้า กลับเลือกเรียนในวิชาที่ไม่มีใครเรียนกัน นั่นคือ “วิชามนต์ตด” เขาเพียรพยายามเรียนจนจบ ตามที่หลวงพ่อสั่งไว้ว่าเรียนอะไรก็เรียนให้จบ ข่าวการเรียนมนต์ตดได้ยินไปถึงหูของญาติพี่น้องของเขา ยิ่งเพิ่มความจงเกลียดจงชังมากขึ้น “เรียนอะไรไม่เรียนไปเรียนมนต์ตด ไม่ต้องเรียนมันก็ตดอยู่แล้ว ไปเรียนให้เสียเวลาทำไม” ญาติคนหนึ่งบ่น

อันตัวข้าพเจ้ามีนามกรว่า…ท้าวกำพร้า ได้ศึกษาวิชา…มนตราว่าด้วยตด…ทั้งตดยาว…ตดสั้น ตดไปข้างหน้า…ตดมาข้างหลัง…ตดลอยสูง…ตดลอยต่ำ ตดควบคุมเสียง…ตดเสียงสูง…เสียงต่ำ…ตดดัง…ตอค่อย ตดไร้เสียง…………………………………………………………. ………………………………………………………………………. ตดควบคุมกลิ่น…ทั้งกลิ่นหนา…กลิ่นบาง…ตดสร้างมิตร… เสน่ห์ยาแฝด…ตดใส่หญิง หญิงรัก…ตดใส่ชาย ชายหลง.. ..ตดใส่ตุ๊ด ตุ๊ดเป็นลม…เอ้ยไม่ใช่…หลงคารม…………….. ตดกลิ่นทำลายมิตรภาพ………..ตดพิฆาตศัตรูพ่าย…… ……………………………………เมื่อศึกษาจนแตกฉาน คิดทำการณ์สิ่งใด ก็สำเร็จดังประสงค์

พอเรียนจบเขากลับมาหาหลวงพ่อและเล่าเรื่องราวการเรียนให้หลวงพ่อฟัง หลวงพ่อไม่ว่าอะไรได้แต่ให้กำลังใจว่า “ใครจะว่าอะไรก็อย่าไปสนใจ วิชาอะไรทุกอย่าง มันมีคุณทั้งนั้น ขอให้รักษาวิชาตดไว้ให้ดีบางทีเราอาจได้อาศัย” อยู่มาวันหนึ่งมีเรือสำเภาขนาดใหญ่ขนสัมภาระเพื่อไปจำหน่ายมากมาย

พอไปถึงหมู่บ้านนั้นเกิดไปติดหาดทรายไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ จ้างคนทั้งหมู่บ้าน ลากเข็นก็ไม่ไป พอดีเท้ากำพร้าเดินไปพบเข้าจึงพูดออกไปว่า “เรือติดแค่นี้ ไม่ต้องทำอะไรมากเลย เพียงแค่ตดใส่เท่านั้นก็ออกได้แล้ว” นายสำเภาได้ยินดังนั้นก็โกรธแค้นมาก คิดว่าท้าวกำพร้าพูดสบประมาท “ข้าจ้างคนทั้งหมู่บ้านยังลากออกไม่ได้ เอ็งเก่งมาจากไหนจะมาตดใส่ให้สำเภาออกได้” พอพูดจบนายสำเภาก็สั่งลูกน้องให้จับตัวท้าวกำพร้าไว้ ฐานพูดจาดูหมิ่น “ช้าก่อนท่าน” ท้าวกำพร้าชิงพูดขึ้น “ข้ายังไม่ทันตดให้ดูเลย ทำไมท่านถึงคิดว่าทำไม่ได้ ต้องพิสูจน์กันก่อนซิ

ถ้าข้าตดแล้วสำเภาออกไปได้ ท่านจะยอมให้สินค้าทั้งหมดบนเรือแก่ข้าไหม” “ตกลง ถ้าสำเภาเคลื่อนไปได้ ข้าจะยกสินค้าในสำเภาให้เอ็งหมด แต่ถ้าเคลื่อนไม่ได้ เอ็งจะต้องถูกฆ่าตาย” นายสำเภาตกลงและต่อรอง เมื่อตกลงดังนั้นแล้ว ท้าวกำพร้าจึงยกมือเหนือหัวแล้วอธิษฐานถึงครูบาอาจารย์ เสร็จแล้วจึงเบ่งตดออกมาเสียงดัง “ปาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาด” ทุกคนตกตะลึงแทบไม่เชื่อสายตาที่สำเภาได้ค่อยๆเคลื่อนออกจากหาดทราย นายสำเภาดีใจมาก จึงได้มอบสินค้าทุกอย่างที่มีบนเรือ ให้หนุ่มน้อยไปตามสัญญา จากนั้นท้าวกำพร้าก็มีฐานะร่ำรวย ไม่อดอยากอีกต่อไป

อ่านต่อ

Fern A.

สามารถสร้างสรรค์เรื่องราวที่หลากหลาย ทั้งนิทาน นิทานชาดก และนิทานอีสป โดยฉันจะเน้นไปที่การถ่ายทอดเรื่องราวที่สนุกสนานและเต็มไปด้วยข้อคิดสอนใจ เพื่อให้ผู้อ่านได้รับประโยชน์จากเรื่องราวเหล่านั้น เชื่อว่านิทานเป็นสื่อที่ทรงพลัง สามารถปลูกฝังค่านิยมที่ดีให้กับเด็ก ๆ ได้ นิทานสามารถช่วยให้เด็ก ๆ เรียนรู้เกี่ยวกับโลกรอบตัว รู้จักการคิดวิเคราะห์ รู้จักแยกแยะสิ่งดีสิ่งเลว รู้จักแก้ไขปัญหา และรู้จักเห็นอกเห็นใจผู้อื่น

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button