เปิดตัว iPad Pro 2018 พร้อม Apple Pencil และ ราคา

Apple เปิดตัว iPad Pro 2018 อย่างเป็นทางการ ภายในงาน Brooklyn Academy of Music ที่ New York City วันที่ 30 ตุลาคม 2018 ที่ผ่านมา โดยเน้นศักยภาพสูงสุดสำหรับการสร้างสรรค์งานในชีวิตประจำวันได้อย่างทรงพลัง และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่

สารบัญ

ไฮไลท์ iPad Pro 2018

iPad Pro 2018

จอภาพขนาด 11 นิ้ว ,12.9 นิ้ว

หน้าจอใหม่เต็มขอบ ไร้ปุ่มโฮม

ชิพ A12X Bionic และ A12X GPU

สแกน Face ID ทั้งแนวตั้งและแนวนอน

กล้องหน้า TrueDepth และกล้องหลัง 12 ล้านพิกเซล

AR (Augmented Reality)

USB-C ต่อจอนอกความละเอียด 5K

Apple Pencil รุ่น 2

เริ่มขาย iPad Pro 2018

ราคา iPad Pro 2018

https://www.youtube.com/watch?v=YJ5q8Wrkbdw

ไฮไลท์ iPad Pro 2018

ไม่มีปุ่มโฮม
ขอบจอบางลง เป็น Liquid Retina
มี Face ID แทนปุ่มโฮม เหมือนบน iPhone
CPU 8Core A12X Bionic GPU 7Core มี AI ML ด้วย
ใช้ USB-C แล้ว และสามารถต่อจอนอกความละเอียด 5K
Apple pencil ติดบนหัวเครื่องชาร์จแบตได้เลย ไม่ต้องเสียบตูดก็ได้
AR ไหลลื่นมาก
กล้องหน้า TrueDepth และกล้องหน้า 7 ล้านพิกเซล กล้องหลัง 12 ล้านพิกเซล

iPad Pro 2018

ได้รับการออกแบบมาใหม่หมด และอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าที่สุด จนต้องเปลี่ยนความคิดว่า iPad นั้นทำอะไรได้มากกว่าที่คิด

จอภาพขนาด 11 นิ้ว ,12.9 นิ้ว

iPad Pro 2018 มาพร้อมจอ LCD Liquid Retina มีให้เลือก 2 ขนาด ได้แก่ 11 นิ้วความละเอียด 2388 x 1668 (264 พิกเซลต่อนิ้ว (ppi)) และ 12.9 นิ้ว ความละเอียด 2732 x 2048 (264 พิกเซลต่อนิ้ว (ppi)) โดยขนาดจอภาพวัดจากแนวทะแยง และหน้าจอ iPad Pro ใหม่นี้ยังคงใช้เทคโนโลยี ProMotion 120Hz เหมือนกับ iPad Pro รุ่นเดิม การแสดงผลแบบ True Tone เคลือบสารกันรอยนิ้วมือ จอภาพแบบ Full Lamination เคลือบสารกันแสงสะท้อน การสะท้อนแสงกลับ 1.8% ความสว่าง 600 นิต

หน้าจอใหม่เต็มขอบ ไร้ปุ่มโฮม

สัมผัสประสบการณ์ใหม่กับหน้าจอเต็มขอบ ไร้ปุ่ม Home เหมือนกับ iPhone X แต่ไม่มีรอยบาก ขอบด้านข้างก็บางลงกว่ารุ่นเดิม ทำงานหรือชมมีเดียได้เต็มตามากขึ้น

ชิพ A12X Bionic และ A12X GPU

iPad Pro 2018 ได้ใช้ชิปเซ็ต A12X Bionic ซึ่งได้รับการผลิตด้วยเทคโนโลยี 7 นาโนเมตร โดยมีทรานซิสเตอร์มากถึง 1 หมื่นล้านตัว หน่วยประมวลผล 8 คอร์ และหน่วยประมวลผลกราฟิก 7 คอร์ นั่นทำให้ iPad Pro 2018 มีการประมวลผลกราฟิกดีขึ้นอย่างชัดเจน และมีความเร็วมากกว่าอุปกรณ์พีซีพกพาทั่วไปถึง 92% อีกทั้งยังมี Neural Engine ช่วยเสริมความฉลาดให้กับชิปเซ็ตอีกด้วย

สแกน Face ID ทั้งแนวตั้งและแนวนอน

สิ่งที่มาแทนปุ่มโฮมคือการติดตั้งกล้องสำหรับใช้งาน Face ID เพื่อปลดล็อคตัวเครื่อง และเข้าถึงบริการต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว และมีความแม่นยำสูง โดยสามารถใช้ได้ทั้งแนวตั้ง และแนวนอน

กล้องหน้า TrueDepth และกล้องหลัง 12 ล้านพิกเซล

กล้องหน้า TrueDepth ความละเอียด 7 ล้านพิกเซลสำหรับการถ่ายภาพและการสแกนใบหน้าด้วย Face ID และกล้องหลังความละเอียด 12 ล้านพิกเซลแบบใหม่ที่ทำให้เก็บรายละเอียดภาพได้ดีมากยิ่งขึ้น

กล้องความละเอียด 12 เมกะพิกเซล
รูรับแสงขนาด ƒ/1.8
ซูมดิจิตอลได้สูงสุด 5 เท่า
ชุดเลนส์ 5 ชิ้น
แฟลช True Tone แบบ LED สี่ดวง
พาโนรามา (สูงสุด 63 เมกะพิกเซล)
ผลึกแซฟไฟร์ป้องกันหน้าเลนส์
เซ็นเซอร์รับแสงด้วยส่วนหลัง
ฟิลเตอร์ Hybrid IR
ออโต้โฟกัสพร้อม Focus Pixels
ระบบการแตะเพื่อโฟกัสพร้อม Focus Pixels
คุณสมบัติ Live Photos พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหว
บันทึกภาพถ่ายและ Live Photos ด้วยขอบเขตสีกว้าง
การแมปโทนที่ได้รับการปรับปรุง
การควบคุมค่าแสง
การลดนอยซ์
HDR อัจฉริยะสำหรับภาพถ่าย
ระบบป้องกันภาพสั่นไหวอัตโนมัติ
โหมดภาพถ่ายต่อเนื่อง
โหมดตั้งเวลาถ่ายภาพ
แนบข้อมูลพิกัดตำแหน่งในภาพถ่าย
รูปแบบไฟล์ภาพที่บันทึก: HEIF และ JPEG

กล้อง TrueDepth

รูปถ่าย 7 เมกะพิกเซล
โหมดภาพถ่ายบุคคล
การจัดแสงภาพถ่ายบุคคล
Animoji และ Memoji
บันทึกวิดีโอระดับ HD 1080p ที่ 30 fps หรือ 60 fps
Retina Flash
รูรับแสงขนาด ƒ/2.2
บันทึกภาพถ่ายและ Live Photos ด้วยขอบเขตสีกว้าง
HDR อัจฉริยะ
เซ็นเซอร์รับแสงด้วยส่วนหลัง
ระบบป้องกันภาพสั่นไหวอัตโนมัติ
โหมดภาพถ่ายต่อเนื่อง
การควบคุมค่าแสง
โหมดตั้งเวลาถ่ายภาพ

การบันทึกวิดีโอ

บันทึกวิดีโอระดับ 4K ที่ 30 fps หรือ 60 fps
บันทึกวิดีโอระดับ HD 1080p ที่ 30 fps หรือ 60 fps
บันทึกวิดีโอระดับ HD 720p ที่ 30 fps
แฟลช True Tone แบบ LED สี่ดวง
รองรับวิดีโอสโลว์โมชั่น ความละเอียด 1080p ที่ 120 fps และ 720p ที่ 240 fps
วิดีโอไทม์แลปส์ พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหว
ระบบป้องกันภาพวิดีโอสั่นไหวในคุณภาพระดับภาพยนตร์ (1080p และ 720p)
วิดีโอออโต้โฟกัสแบบต่อเนื่อง
การลดนอยซ์
ถ่ายภาพนิ่งความละเอียด 8 เมกะพิกเซล ขณะบันทึกวิดีโอระดับ 4K
ซูมขณะเล่น
แนบข้อมูลพิกัดตำแหน่งในวิดีโอ
รูปแบบไฟล์วิดีโอที่บันทึก: HEVC และ H.264

AR (Augmented Reality)

AR เป็นอีกฟีเจอร์ที่ Apple ชูเป็นจุดเด่น และด้วยศักยภาพของชิปเซ็ต A12X Bionic ก็ทำให้ Apple มั่นใจว่า iPad Pro 2018 จะเป็นอุปกรณ์สำหรับ AR ที่ดีที่สุด

USB-C ต่อจอนอกความละเอียด 5K

iPad Pro 2018 ใช้การเชื่อมต่อ USB-C แทน Lighting เพื่อให้สะดวกในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น ๆ เช่น กล้องถ่ายภาพ และจอภายนอก ซึ่งแม้ว่าจะต้องซื้ออุปกรณ์เสริมใหม่ แต่ถ้าใครที่ใช้ Mac หรือสมาร์ทโฟน Android อยู่แล้ว ก็นำอุปกรณ์เสริมที่เป็น USB-C มาใช้ได้เลย และยังสามารถต่อจอนอกความละอียด 5K ได้อีกด้วย

Apple Pencil รุ่น 2

Apple Pencil เป็นอุปกรณ์เสริมที่รองรับการทำงานร่วมกับ iPad Pro 2018 ได้เป็นอย่างดี โดยได้รับการปรับปรุงฟีเจอร์เพื่อให้ผู้ใช้สามารถออกแบบหรือเขียนงานได้อย่างคล่องมือ ทั้งการแตะ 2 ครั้ง เพื่อเปลี่ยนฟีเจอร์การเขียน และมีแม่เหล็กติดที่ขอบเครื่องสำหรับชาร์จไร้สายได้

เริ่มขาย iPad Pro 2018

วางขายกลุ่มประเทศแรก 7 พฤศจิกายน 2018 ได้แก่ ออสเตรเลีย ออสเตรีย เบลเยียม บัลแกเรีย แคนาดา จีน โครเอเชีย สาธารณรัฐเช็ก เดนมาร์ก เอสโตเนีย ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมนี ฮ่องกง ฮังการี ไอซ์แลนด์ ไอร์แลนด์ ไอล์ออฟแมน อิตาลี ญี่ปุ่น เจอร์ซีย์ ลัตเวีย ลิธัวเนีย ลักเซมเบิร์ก มาเก๊า โมนาโก เนเธอร์แลนด์ นิวซีแลนด์ นอร์เวย์ โปแลนด์ โปรตุเกส เปอร์โตริโก โรมาเนีย สิงคโปร์ สโลวาเกีย สโลวีเนีย สเปน สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และสหราชอาณาจักร

กลุ่มประเทศที่ 2 ในปลายปี (ยังไม่แจ้งวันที่) ได้แก่ โคลอมเบีย กรีซ กรีนแลนด์ กัวเตมาลา อินเดีย อิสราเอล ลิกเตนสไตน์ มาเลเซีย มาซิโดเนีย เม็กซิโก โมร็อกโก เปรู กาตาร์ รัสเซีย ไทย ตุรกี ซาอุดีอาระเบีย และแอฟริกาใต้