รีวิวอนิเมะ

[รีวิว-เรื่องย่อ] เลวีอาธาน ปฐมบทมหาสงคราม | Leviathan (2025)

  • Leviathan (2025) นำเสนอโลกแฟนตาซีที่ผสม สตีมพังก์ และ พันธุวิศวกรรม ได้อย่างน่าตื่นเต้น แต่เสียสมดุลด้วยการเน้นรักวัยรุ่น
  • งานภาพและแอนิเมชันจาก Studio Orange เป็นจุดเด่นที่ทำให้อนิเมะน่าดู
  • การดัดแปลงนิยายให้สั้นเกินไปทำให้เรื่องราวขาดความลึกและตัวละครไม่สมบูรณ์
  • เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบฉากแอ็กชันและภาพสวย แต่ไม่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเรื่องราวที่ซับซ้อน

เคยสงสัยไหมว่า ถ้าสงครามโลกครั้งที่ 1 ไม่ได้ต่อสู้ด้วยปืนและรถถังอย่างที่เราคุ้นเคย แต่เป็นการปะทะกันระหว่างเครื่องจักรสตีมพังก์สุดล้ำกับสัตว์กลายพันธุ์จากวิวัฒนาการล่ะ? Leviathan (2025) อนิเมะจาก Netflix ที่ดัดแปลงจากนิยายไตรภาคของ Scott Westerfeld นำเสนอแนวคิดสุดแหวกนี้ได้อย่างน่าตื่นตา สงครามโลกครั้งที่ 1 ในจินตนาการนี้ถูกแบ่งเป็นสองฝ่าย Clankers ผู้ใช้เครื่องจักรกลไก และ Darwinists ที่ควบคุมสัตว์ประหลาดจากพันธุวิศวกรรม ฟังดูน่าตื่นเต้นใช่ไหม? แต่เดี๋ยวก่อน เพราะสิ่งที่ควรจะเป็นมหาศึกสุดยิ่งใหญ่กลับถูกกลบด้วยเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ของวัยรุ่นที่แสนจะธรรมดาเสียเหลือเกิน

Leviathan ฉายภาพสงครามที่เต็มไปด้วยวาฬยักษ์บินได้และหุ่นยนต์ขนาดมหาศาล แต่กลับเลือกเล่าเรื่องผ่านมุมมองของตัวละครวัยรุ่นที่ดูเหมือนจะหลงทางอยู่ในดราม่ารักใส ๆ มากกว่าที่จะพาเราไปสำรวจความซับซ้อนของสงครามหรือโลกแฟนตาซีที่สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถัน บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกว่า อนิเมะ Leviathan มีอะไรน่าสนใจบ้าง และทำไมมันถึงรู้สึกเหมือนพลาดโอกาสทองในการเป็นผลงานชิ้นเอก มาดูกันว่า Netflix ทำอะไรได้ดี และอะไรที่ควรปรับปรุงใน อนิเมะสงคราม เรื่องนี้!

Leviathan (2025)

รีวิวและเรื่องย่อ Leviathan (เลวีอาธาน ปฐมบทมหาสงคราม)

Leviathan นำเสนอโลกที่ สงครามโลกครั้งที่ 1 ถูกตีความใหม่ในสไตล์ สตีมพังก์ และ พันธุวิศวกรรม ได้อย่างน่าทึ่ง ฝ่าย Clankers ใช้เครื่องจักรกลไกที่ดูเหมือนหลุดมาจากนิยายวิทยาศาสตร์ยุคเก่า ขณะที่ฝ่าย Darwinists ใช้สัตว์ที่ถูกดัดแปลงพันธุกรรม เช่น วาฬยักษ์ที่ลอยฟ้าได้ราวกับยานอวกาศ ภาพของการต่อสู้ระหว่างเครื่องจักรและสัตว์ประหลาดเหล่านี้ชวนให้ตื่นเต้นตั้งแต่ฉากแรก ฉากหนีตายของ Aleksandar ลูกชายของ อาร์คดยุกฟรานซ์ เฟอร์ดินานด์ ที่ต้องหลบหนีจากการลอบสังหาร หรือฉากที่ Deryn Sharp เด็กสาวสกอตที่ปลอมตัวเป็นชายเพื่อเข้าร่วมกองทัพ บนวาฬยักษ์บินได้นั้น ทำออกมาได้น่าตื่นตาตื่นใจ

Studio Orange รับหน้าที่ผลิตอนิเมะเรื่องนี้ และต้องบอกว่าพวกเขาทำงานด้านภาพและแอนิเมชันได้อย่างยอดเยี่ยม สีสันและการออกแบบตัวละคร รวมถึงยานพาหนะและสัตว์ประหลาดในเรื่องนั้นเต็มไปด้วยความสร้างสรรค์ คุณจะรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในโลกที่ผสมผสานความเก่าและใหม่ได้อย่างลงตัว อย่างไรก็ตาม แม้ว่าฉากแอ็กชันจะน่าตื่นเต้น แต่การเล่าเรื่องกลับเน้นไปที่ความสัมพันธ์ของตัวละครมากเกินไป จนบางครั้งรู้สึกว่าความยิ่งใหญ่ของสงครามถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

เรื่องราวของ Leviathan หมุนรอบสองตัวละครหลัก: Aleksandar และ Deryn Sharp อเล็กซานดาร์เป็นเด็กหนุ่มที่เติบโตในร่มเงาของราชวงศ์ ออสเตรีย-ฮังการี ชีวิตของเขาพลิกผันเมื่อพ่อของเขาถูกลอบสังหาร ทำให้เขาต้องหนีไปยังที่ปลอดภัยพร้อมกับ เคานต์โวลเกอร์ และช่างเครื่อง คลอปป์ ในทางกลับกัน Deryn เป็นเด็กสาวสกอตที่ปลอมตัวเป็นชายเพื่อเข้าร่วมกองทัพ Darwinists การที่ทั้งคู่มาจากฝ่ายที่เป็นศัตรูกันนั้นควรจะนำไปสู่ความขัดแย้งที่น่าสนใจ แต่กลับกลายเป็นว่าเรื่องราวเน้นไปที่ความสัมพันธ์แบบรัก ๆ ใคร่ ๆ มากเกินไป

Deryn ยังพอมีมิติที่น่าสนใจ ด้วยความขัดแย้งภายในใจจากการต้องซ่อนตัวตนที่แท้จริงของตัวเองในกองทัพ แต่ Aleksandar กลับดูเหมือนเด็กหนุ่มที่ไร้เดียงสาเกินไปจนน่ารำคาญในบางครั้ง การพัฒนาตัวละครของทั้งคู่รู้สึกไม่สมบูรณ์ และบางครั้งดูเหมือนว่าบทเขียนเพียงเพื่อให้ทั้งคู่ได้มาเจอกันและพัฒนาความสัมพันธ์ โดยไม่สนใจบริบทของสงครามที่ควรจะเป็นหัวใจของเรื่อง คุณเคยรู้สึกไหมว่า ตัวละครที่น่าสนใจควรจะมีอะไรมากกว่าการเป็นแค่ตัวแทนของความรักวัยรุ่น? นี่คือจุดที่ Leviathan ทำให้เรารู้สึกว่ามันขาดอะไรบางอย่างไป

หนึ่งในปัญหาใหญ่ของ Leviathan คือการที่มันพยายามทำให้ สงครามโลกครั้งที่ 1 ดูเป็นเรื่องง่ายเกินไป ด้วยการแบ่งฝ่ายเป็น Clankers และ Darwinists อย่างชัดเจน เรื่องราวพยายามสอดแทรกประเด็น “เราจะอยู่ร่วมกันได้ไหม?” ซึ่งฟังดูดีในแง่ของความหวัง แต่เมื่ออยู่ในบริบทของสงครามที่คร่าชีวิตผู้คนนับล้าน ธีมนี้กลับดูเด็ก ๆ และขาดน้ำหนัก การเมืองและความซับซ้อนของสงครามถูกทำให้เรียบง่ายจนเกินไป เหมือนกับว่าทุกอย่างจะจบลงได้ถ้าทุกคนแค่นั่งคุยกันดี ๆ

ยิ่งไปกว่านั้น การดัดแปลงนิยายทั้งสามเล่มของ Scott Westerfeld ให้กลายเป็นอนิเมะเพียง 12 ตอน ทำให้เรื่องราวรู้สึกย่อส่วนเกินไป แต่ละตอนที่มีความยาวประมาณ 20 นาทีนั้นไม่เพียงพอที่จะถ่ายทอดความลึกของตัวละครหรือโลกที่ซับซ้อน คุณอาจสงสัยว่าทำไมเรื่องราวที่ควรจะยิ่งใหญ่ถึงรู้สึกเหมือนถูกตัดทอนจนเหลือเพียงโครงเรื่องพื้น ๆ คำตอบอาจอยู่ที่การตัดสินใจของผู้สร้างที่เลือกเน้นความสัมพันธ์ของตัวละครมากกว่าการเล่าถึงสงครามและโลกแฟนตาซีที่ควรจะเป็นจุดขายหลัก

Leviathan (2025) เป็นอนิเมะที่เต็มไปด้วยศักยภาพ ด้วยโลกที่ผสมผสาน สตีมพังก์ และ พันธุวิศวกรรม ได้อย่างน่าทึ่ง และงานภาพจาก Studio Orange ที่สวยงามจนยากจะละสายตา แต่ความน่าตื่นเต้นของฉากแอ็กชันและการออกแบบที่สร้างสรรค์นั้นถูกกลบด้วยการเล่าเรื่องที่เน้นความรักวัยรุ่นมากเกินไป และการทำให้ สงครามโลกครั้งที่ 1 ดูเรียบง่ายจนขาดความลึก การพัฒนาตัวละครที่ไม่สมบูรณ์และการตัดทอนเนื้อหาจากนิยายทำให้เรื่องราวรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง

ถ้าคุณเป็นแฟนอนิเมะที่ชื่นชอบภาพสวย ๆ และฉากแอ็กชันสุดอลังการ Leviathan อาจจะยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่ถ้าคุณคาดหวังเรื่องราวที่ลึกซึ้งและตัวละครที่มีมิติ คุณอาจรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย คุณคิดว่า Leviathan ควรจะเป็นมากกว่านี้ไหม? ลองดูแล้วมาแชร์ความคิดเห็นกันในคอมเมนต์ หรือแชร์บทความนี้ให้เพื่อน ๆ ที่รักอนิเมะได้อ่านกัน!

  • ชื่อเรื่องในภาษาไทย: เลวีอาธาน ปฐมบทมหาสงคราม
  • ประเภท: อนิเมะ, ดราม่า, แอคชั่น, Steampunk, สงคราม
  • วันที่ออกอากาศ: 10 กรกฎาคม 2025
  • นักแสดงนำ: Ayumu Murase (ให้เสียง เจ้าชายอเล็กซานเดอร์), Natsumi Fujiwara (ให้เสียง เดริน ชาร์ป)
  • ผู้กำกับ: Christophe Ferreira
  • จำนวนตอน/ความยาว: 12 ตอน
  • เรตติ้ง IMDb: 7.8/10
  • ช่องทางการดูในประเทศไทย: Netflix

PhiRa W.

เป็นนักเขียนอิสระที่หลงใหลในสื่อบันเทิงทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ซีรีส์ วาไรตี้ และสารคดี ผมชอบที่จะวิเคราะห์และถอดรหัสเนื้อหาเหล่านั้นออกมาในรูปแบบของรีวิวที่เข้าใจง่ายและสนุกสนาน เพื่อแบ่งปันมุมมองและประสบการณ์ให้กับผู้อ่าน

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button