
Key Points
- The Accountant 2 พยายามเปลี่ยนโทนจากความเครียดมาเป็นคอมเมดี้ แต่กลับล้มเหลว
- พล็อตของหนังสับสนและไร้จุดหมาย ทำให้ผู้ชมไม่สามารถเข้าใจเนื้อหาได้อย่างชัดเจน
- ตัวละครหลักถูกลดทอนความซับซ้อนลง ทำให้ขาดความน่าสนใจ
- หนังไม่มีการสะท้อนประเด็นทางสังคม หรือการพัฒนาตัวละครใด ๆ
ในปี 2025 หนึ่งในภาพยนตร์ที่หลายคนรอคอยอย่าง “The Accountant 2” ได้ฤกษ์ฉายบนแพลตฟอร์ม Amazon Prime Video โดยมี Ben Affleck กลับมาสวมบทบาท Christian Wolff อีกครั้ง หลังจากภาคแรกในปี 2016 ที่แม้จะได้รับคำวิจารณ์เชิงลบหลายด้าน แต่ก็ยังคงมีแฟนคลับบางส่วนที่ชื่นชอบในสไตล์การเล่าเรื่องและภาพรวมของแอ็กชัน อย่างไรก็ตาม ภาคต่อที่เพิ่งปล่อยออกมานี้กลับไม่สามารถตอบโจทย์ผู้ชมได้เท่าที่ควร โดยเฉพาะเมื่อพยายามเปลี่ยนโทนจากความเครียดมาเป็นคอมเมดี้ ซึ่งผลลัพธ์กลับทำให้หนังเสียเอกลักษณ์ไปโดยสิ้นเชิง
The Accountant 2 เริ่มต้นด้วยฉากที่ดูเหมือนจะน่าสนใจการลอบสังหารตัวละครสำค่างอย่าง J.K. Simmons ที่เคยปรากฏในภาคแรก แต่แทนที่จะสร้างความตื่นเต้นหรือความสงสัยอย่างที่ควรมี กลับกลายเป็นความสับสนเนื่องจากพล็อตที่กระโดดไปมาอย่างไม่มีเหตุผล ความพยายามในการสร้างมุขตลกกลับทำให้หนังดูเบาหวิวเกินไปจนไม่น่าเชื่อถือ ขณะเดียวกัน ตัวละครอย่าง Anais (แสดงโดย Daniella Pineda) ก็ไม่สามารถสร้างความประทับใจใด ๆ ได้เลย
ความคาดหวังจากผู้ชมสำหรับภาคต่อนี้คือการได้เห็น Christian Wolff ในบทบาทที่เข้มข้นขึ้น มีการพัฒนาทางอารมณ์และจิตใจมากกว่าเดิม แต่สิ่งที่ได้กลับกลายเป็นการลดทอนความซับซ้อนของตัวละครลง เพื่อให้เหมาะกับการขายฉากแอ็กชันและการหยอดมุขตลกที่ไม่ตรงจุด ความพยายามในการสร้างความบันเทิงจึงกลายเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของตัวหนังเอง

รีวิวและเรื่องย่อ อัจฉริยะคนบัญชีเพชฌฆาต (The Accountant) 2
หากใครจำได้ดี ภาคแรกของ The Accountant อาจไม่ใช่หนังระดับมาสเตอร์พีซ แต่มันมีจุดแข็งที่การเล่าเรื่องที่จริงจังและไม่พยายามทำให้ผู้ชมหัวเราะโดยบังคับ แน่นอนว่ามันอาจมีบางมุขที่ออกมาแบบไม่ตั้งใจ แต่นั่นคือสิ่งที่ทำให้มันน่ารักในแบบของมันเอง อย่างไรก็ตาม ภาคสองกลับพยายามบังคับให้ผู้ชมหัวเราะโดยตรง ซึ่งส่งผลให้ความเครียดและความลุ้นระทึกหายไปหมด
ใน The Accountant 2, ความพยายามในการใส่ฉากตลกกลับกลายเป็นความฝืนธรรมชาติของตัวหนังเอง โดยเฉพาะเมื่อเราต้องพบกับการนำเสนอตัวละคร Christian Wolff ที่ถูกปรับลดความฉลาดและความซับซ้อนทางด้านจิตวิทยาลงไปอย่างมาก เพื่อให้เหมาะสมกับบทบาทใหม่ในฐานะ “ฮีโร่สายแอ็กชันที่มีมุข” สิ่งนี้ทำให้ตัวละครขาดความน่าสนใจและกลายเป็นเพียงตัวละครแนว action movie ธรรมดา ๆ ที่ไม่มีอะไรให้จดจำ
การกลับมาของ Jon Bernthal ในบท Braxton Wolff พี่ชายของ Christian ไม่สามารถช่วยกู้สถานการณ์ได้มากนัก เพราะบทสนทนาที่เขียนมาอย่างไร้สาระ และการแสดงอารมณ์ที่ไม่สมจริง ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองตัวละครหลักดูไม่สมเหตุสมผล และไม่สามารถสร้างความรู้สึกเชื่อมโยงกับผู้ชมได้เลย
สิ่งที่ทำให้ The Accountant 2 ตกต่ำลงเรื่อย ๆ คือการดำเนินเรื่องที่สับสนและพล็อตที่ไม่มีความชัดเจน ผู้ชมอาจเริ่มต้นด้วยความคาดหวังว่าจะได้เห็นการแก้ไขเงื่อนงำทางการเงินหรือการวางแผนที่เฉียบคมจากตัวละครหลัก แต่สิ่งที่ได้กลับกลายเป็นการไล่ตามศัตรูแบบไร้เหตุผล และการวางเงื่อนงำที่ไม่มีอะไรให้ไข นอกจากความรู้สึกเบื่อหน่าย
ในขณะที่หนังอย่าง Mission: Impossible หรือ John Wick สามารถสร้างความตื่นเต้นได้แม้ว่าพล็อตจะซับซ้อน แต่พวกเขาก็ยังคงไว้ซึ่งความสมเหตุสมผลและความต่อเนื่อง The Accountant 2 กลับไม่สามารถทำเช่นนั้นได้เลย ฉากที่ควรจะเป็นจุดไคลแม็กซ์กลับกลายเป็นฉากที่ผู้ชมเฝ้ารอให้จบโดยเร็ว เพราะไม่มีความน่าตื่นเต้นหรือความตื่นตาตื่นใจใด ๆ เลย
การพยายามสร้างโลกแห่งความรุนแรงแบบไร้ขอบเขต โดยไม่มีการสะท้อนประเด็นทางสังคมหรือการพัฒนาตัวละครใด ๆ ทำให้หนังขาดจุดยืนที่ชัดเจน และไม่สามารถสร้างผลกระทบทางอารมณ์กับผู้ชมได้เลย
โดยรวมแล้ว “The Accountant 2” เป็นหนังที่ไม่สามารถสร้างความประทับใจใด ๆ ได้เลย ทั้งในแง่ของบท ตัวละคร หรือแม้กระทั่งการดำเนินเรื่อง ความพยายามในการเปลี่ยนโทนจากความเครียดมาเป็นคอมเมดี้กลับกลายเป็นการทำลายตัวตนของหนังเอง ขณะเดียวกัน การลดทอนความซับซ้อนของตัวละครหลักก็ทำให้หนังขาดความน่าสนใจไปโดยสิ้นเชิง
หากคุณเป็นคนที่กำลังมองหาหนังแอ็กชันที่สนุกและมีคุณภาพ ขอแนะนำให้ลองมองหาเรื่องอื่นแทน เพราะ The Accountant 2 ไม่ใช่หนังที่เหมาะกับการใช้เวลารับชมสองชั่วโมงครึ่งของคุณเลย
- ชื่อเรื่องในภาษาไทย: อัจฉริยะคนบัญชีเพชฌฆาต 2
- ชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ: The Accountant 2
- ประเภท: แอ็กชัน, ทริลเลอร์, ดราม่า
- วันที่ออกฉาย: 24 เมษายน 2025
- นักแสดงนำ: เบน แอฟเฟล็ก, จอน เบิร์นธัล, ซินเธีย แอดดาย-โรบินสัน, เจ.เค. ซิมมอนส์
- ผู้กำกับ: Gavin O’Connor
- ความยาว: 132 นาที
- เรตติ้ง IMDb: 7.3/10
- ช่องทางการดู: Prime Video