สุขภาพ

วิธีรักษาสิว: เคล็ดลับการป้องกันและการรักษา

สิวเป็นสภาพผิวที่น่าหงุดหงิดและยากที่จะจัดการ ในบทความนี้เราจะสำรวจสิ่งที่ทำให้เกิดสิว วิธีรักษาสิว และวิธีที่ดีที่สุดในการรักษา ในบทความนี้เราจะสำรวจสิ่งที่ทำให้เกิดสิววิธีป้องกันและวิธีที่ดีที่สุดในการรักษา

สารบัญ

สิวจะเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า Acne หรือ Pimple ก็ได้ เป็นหนึ่งในโรคผิวหนังที่มีลักษณะเป็นตุ่มเม็ดเล็ก ๆ และเป็นก้อนไขมันอยู่ข้างในชั้นผิว อันเกิดจากการอุดตันหรือการติดเชื้อของต่อมไขมันใต้ผิวหนัง สิวจะมีขนาดเล็กหรือใหญ่ขึ้นอยู่กับชนิดและที่มาของสิว มักจะขึ้นตามผิวหนังในบริเวณที่มีต่อมไขมันอยู่มาก เช่น ใบหน้า ลำคอ อก แผ่นหลังส่วนบน และหัวไหล่ สามารถเกิดสิวได้ทุกช่วงวัยโดยเฉพาะในช่วงวัยรุ่น

ความรุนแรงของสิวแบ่งเป็น 3 ระดับ ดังนี้

  • รุนแรงเล็กน้อย (Mild) สิวที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่จะเป็นสิวอุดตัน เช่น สิวหัวขาว สิวหัวดำ อาจจะมีสิวหัวหนองร่วมด้วยแต่จำนวนน้อยกว่า 5 เม็ด
  • รุนแรงปานกลาง (Moderate) มีสิวอุดตัน เช่น สิวหัวขาว สิวหัวดำ รวมถึงสิวหัวหนอง โดยสิวหนองมีจำนวนมากกว่า 5 เม็ด แต่น้อยกว่า 15 เม็ด
  • รุนแรงมาก (Severe) มีสิวอุดตันและสิวหัวหนอง โดยมีสิวหัวหนองมากกว่า 15 เม็ดขึ้นไป

วิธีรักษาสิว

วิธีรักษาสิว
Types of acne on the skin or pimples illustration

วิธีรักษาสิวที่มีประสิทธิภาพนั้นสามารถทำได้ แต่สิวก็สามารถเกิดขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง สิวและตุ่มนูนจะค่อย ๆ หายไป สิวสามารถทำให้เกิดความทุกข์ทางอารมณ์และทำให้เกิดแผลเป็นที่ผิวหนังได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของสิว ยิ่งคุณเริ่มการรักษาเร็วเท่าไร ความเสี่ยงของปัญหาดังกล่าวก็จะยิ่งลดลง

  • ยาเฉพาะ: ยาเฉพาะที่เช่น benzoyl peroxide และ retinoids ซึ่งสามารถช่วยปลดรูขุมขนและลดการอักเสบ
  • ยาในช่องปาก: ยาในช่องปากเช่นยาปฏิชีวนะหรือการรักษาด้วยฮอร์โมนซึ่งอาจกำหนดสำหรับกรณีที่รุนแรงมากขึ้นของสิว
  • การบำบัดด้วยเลเซอร์: วิธีรักษาสิวด้วยเลเซอร์ซึ่งสามารถช่วยลดสิวได้โดยกำหนดเป้าหมายแบคทีเรียที่ทำให้เกิดและลดการอักเสบ
  • เคมี: เคมีซึ่งสามารถช่วยปรับปรุงการปรากฏตัวของรอยแผลเป็นจากสิวและลดการปรากฏตัวของสิว
  • การเยียวยาธรรมชาติ: การเยียวยาธรรมชาติเช่นน้ำมันทีทรีและว่านหางจระเข้ซึ่งสามารถช่วยลดการอักเสบและแบคทีเรียบนผิวหนัง

ทำความเข้าใจกับสิว

สิวเป็นสภาพผิวที่เกิดขึ้นเมื่อรูขุมขนอุดตันด้วยน้ำมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสำหรับการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย สิ่งนี้สามารถทำให้เกิดสิวหัวสิวและหัวขาวในผิวหนัง สิวสามารถปรากฏบนใบหน้าคอหน้าอกหลังและไหล่

สิวอุดตัน

ชอบเก็บตัวอยู่กับรูขุมขนบนใบหน้า ยิ่งนานวันก็ยิ่งฝังตัวแน่น นับว่าเป็นสิวที่สร้างความกวนใจต่อผู้ที่ต้องเผชิญอยู่ไม่น้อย เพราะสิวอุดตันคือสิวที่พบได้มากที่สุด ซึ่งมันจะผุดขึ้นมาบนใบหน้าของเราและสร้างความรำคาญใจให้ มันทำให้ผิวดูไม่เรียบเนียน ขรุขระเป็นตุ่มเป็นเนิน แม้ว่าสิวชนิดนี้จะดูสงบเสงี่ยมเจียมตัวไม่สร้างความเจ็บปวด แต่มันก็ดื้อด้านพอสมควร ไม่มีทางหายไปได้เอง ถ้าไม่รีบกำจัดออกมันก็จะยิ่งอัดแน่นในรูขุมขุมขนและอาจลุกลาม จนเข้าขั้นเป็นสิวโคม่าเลยทีเดียว พึงระลึกไว้เถอะว่าถ้าสิวอุดตันฝังอยู่บนหน้าเรานานแค่ไหน ยามที่เราเอามันออกมามันจะทิ้งหลุมลึกไว้ แถมรูขุมขนก็ใหญ่ขึ้นตามขนาดของเม็ดสิวอีกด้วย

สาเหตุการเกิดสิวอุดตัน

จริง ๆ แล้วเจ้าสิวอุดตันนั้นมีสาเหตุมาจากต่อมไขมันทำการสร้างน้ำมันมากเกินไปนั่นเอง โดยสิ่งที่ควบคุมการผลิตน้ำมันบนใบหน้าก็คือ ฮอร์โมนแอนโดรเจน (androgen) เมื่อเจ้าต่อมนี้ผลิตน้ำมันออกมาเยอะจนเหลือใช้แล้วตกค้างอยู่ในรูขุมขน มันก็จะไปรวมตัวกับเซลล์ผิวที่ตายแล้ว เหตุนี้เองจึงทำให้น้ำมันนั้นข้นหนืดจนระบายออกไปไม่ได้ แต่ส่วนที่ระบายออกมาได้เราก็จะสังเกตได้ด้วยตาเปล่าเลยว่าหน้าจะมันแผล็บหรือเยิ้มไปด้วยน้ำมัน และเราจะไปโทษฮอร์โมนอย่างเดียวก็ไม่ได้ เพราะนอกจากสาเหตุนี้ที่ทำให้เกิดสิวอุดตันแล้ว ก็ยังมีเรื่องอื่น ๆ เช่น ความเครียด ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงในช่วงใกล้หมดประจำเดือน การแพ้เครื่องสำอาง ปัญหาผิวแพ้ง่าย การล้างหน้าไม่สะอาด

สิวอักแสบ

สิวอักเสบ สิวชนิดที่เกิดจากสิวอุดตัน เชื้อแบคทีเรียและสิ่งสกปรกจากใบหน้า ที่ชอบไปแคะแกะเกา หากคุณเป็นสิวชนิดนี้อยู่ ในบรรดาสิวทั้งหลายต้องยอมรับเลยว่า สิวอักเสบ นั้นเป็นสิวที่มีผลในทางลบต่อผิวหน้ามากที่สุด เพราะสิวอักเสบนั้นถือเป็นสิวภาคต่อของสิวอุดตัน เมื่อสิวอุดตันเกิดการติดเชื้อจากแบคทีเรีย ดูเหมือนไม่มีอะไร มันก็จะดันตัวนูนขึ้นมากลายเป็นจุดแดง ๆ หรือเป็นหัวหนองที่แถมความเจ็บปวดมาให้ พอยุบตัวลงมันยังทิ้งร่องรอยเอาไว้ด้วย

สิวผด

ยิ่งอากาศทั้งร้อนและชื้นแบบบ้านเรา แม้จะไม่ร้ายกาจเท่าสิวชนิดอื่น ๆ แต่มันก็สร้างความรำคาญใจได้ไม่น้อย ถ้าเผลอไปแคะแกะเกาล่ะก็ มันก็พร้อมจะกลายร่างเป็นสิวที่ร้ายกาจได้ทุกเมื่อ สิวประเภทนี้จะพบเห็นได้บ่อย ๆ มีลักษณะคล้ายผดผื่นเล็ก ๆ และแหลม มักจะดูเรียบหรือดีขึ้นในตอนเช้า และจะเห่อ ๆ ในช่วงตอนบ่าย บางครั้งผื่นอาจมีลักษณะสีแดงและคันได้ หากล้างหน้าบ่อยมักจะเป็นมากขึ้น และยิ่งรักษาไม่ถูกต้องจะเป็นมากขึ้นกว่าเดิม บริเวณที่พบได้บ่อย ๆ คือ บริเวณใบหน้า โดยเฉพาะหน้าผากและขมับ โดยมีทั้งประเภทอักเสบและไม่อักเสบ หลายคนที่มีปัญหาสิวผดซึ่งส่วนใหญ่จะขึ้นบริเวณใบหน้า หน้าผาก ช่วงอากาศร้อนสูงจะเห่อมากกว่าปกติ ส่วนช่วงเช้าจะไม่มีปรากฏหรือมีปรากฏน้อยกว่าช่วงบ่ายที่แดดแรง ๆ

สาเหตุการเกิดสิวผด

  • มลภาวะแสงแดดและความร้อน ความร้อนและแสงแดดทำให้ต่อมเหงื่อไม่สามารถระบายเหงื่อออกได้หมด จนทำให้ต่อมเหงื่อตันแล้วเกิดเป็นตุ่มเล็ก ๆ เหมือนเป็นผด ด้วยเหตุนี้จึงทำให้สิวผดหายตัวไปในช่วงเช้าที่มีอากาศเย็น แต่เมื่อถึงเวลาเที่ยงที่อากาศกำลังร้อน สิวผดก็จะกลับมาเห่อบนใบหน้าอย่างร่าเริง ยิ่งสภาพอากาศในบ้านเราด้วยแล้วที่ร้อนกันทุกฤดู จึงทำให้หลีกเลี่ยงสิวชนิดนี้ได้ยาก
  • เกิดจากยีสต์ที่มีชื่อว่า P. ovale สาเหตุการเกิดสิวผดที่มาจากยีสต์นั้นถือว่าเกี่ยวกันพันกับมลภาวะ เพราะในช่วงที่อากาศร้อน ต่อมไขมันของเราจะทำงานมากขึ้น ทำให้มีน้ำมันส่วนเกินอยู่บนใบหน้าจนกลายเป็นอาหารของยีสต์ เมื่อหนักเข้าก็จะเกิดการแบ่งตัวอย่างรวดเร็วจนทำให้เกิดสิวผดขึ้น เวลามองเผิน ๆ เรามักจะไม่เห็นสิวชนิดนี้ แต่ถ้าแสงและมุมได้ปุ๊บ ก็จะเห็นทันทีเลยว่าหน้าเรานั้นไม่ได้เรียบเนียนอย่างที่เข้าใจ จะบีบออกก็ไม่ได้ เผลอ ๆ บีบแล้วก็ไม่ค่อยมีอะไรออกมา ซ้ำยังทำให้อักเสบอีกด้วย
  • มลพิษจากสิ่งแวดล้อม น้ำ และอากาศ
  • การแพ้น้ำหรือเหงื่อ
  • ผลิตภัณฑ์ล้างหน้า หรือใช้ไม่เหมาะกับสภาพผิวของตัวเอง
  • น้ำอุ่นล้างหน้าเป็นประจำ
  • เช็ดหน้าบ่อย ๆ หรือเช็ดถูหน้าแรง ๆ
  • เครื่องสำอาง หรืออุปกรณ์แต่งหน้าที่ไม่สะอาด
  • พักผ่อนน้อยจนเกินไป
  • ภูมิคุ้มกันในร่างกายอ่อนแอ หรือร่างกายไม่แข็งแรง

สิวฮอร์โมน

การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกาย โดยเฉพาะในวัยรุ่นที่จะมีการสร้างฮอร์โมนเพศขึ้นในระดับที่สูงกว่าวัยอื่น ๆ อย่างฮอร์โมน Testosterone ซึ่งจะกระตุ้นการผลิตไขมันที่ผิวหนังออกมาเยอะขึ้น ในปกติไขมันส่วนเกินจะสามารถระบายออกทางรูขุมขนได้ แต่ถ้าเกิดมีการอุดตันรูขุมขนก็จะก่อให้เกิดสิวอุดตันได้ และอาจพัฒนากลายเป็นสิวอักเสบในที่สุด มักเกิดขึ้นบริเวณช่วงล่างของใบหน้าทั้งช่วงกราม คาง รอบ ๆ ปาก

สิวเสี้ยน

สิวเสี้ยน อีกปัญหาหนึ่งของสิวที่น่ากวนใจ สิวชนิดนี้จะมาทีเป็นกองทัพ มีสาเหตุการเกิดสิวคล้าย ๆ กับสิวอุดตัน แต่มีความแตกต่างตรงที่สิวเสี้ยนจะมีขนเข้ามารวมตัวอยู่กับไขมันด้วย ซึ่งขนเหล่านั้นจะมีจำนวนมากกว่าเส้นเดียว บางคนแค่สิวหัวเดียวยังมีขนขดอยู่ถึง 50 เส้น แล้วขนที่รวมตัวขดกันอยู่ก็ไม่หสิวเสี้ยน (Trichostasis spinulosa) เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงวัยสูงอายุ ตามหลักแล้วสิวเสี้ยนจะเป็นสิวที่เกิดจากความผิดปกติของต่อมรูขุมขน โดยมีลักษณะคล้ายกับสิวอุดตันหัวดำและมีกระจุกขนเล็ก ๆ หลายเส้นแทรกอยู่ในหัวสิวอุดตันด้วย มีลักษณะเป็นจุดดำเล็ก ๆ ตามใบหน้า หรือมีหนามแหลม ๆ ยื่นออกมาทางรูขุมขน โดยมักพบขึ้นบริเวณปลายจมูก หน้าผาก ข้างแก้ม บริเวณคาง คอด้านหลัง ซึ่งในความหมายก็คือกระจุกของเส้นขนอ่อน ๆ หลายสิบเส้นและเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วอุดตันอยู่ในรูขุมขน

สาเหตุการเกิดสิวเสี้ยน

สิวเสี้ยนในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่เชื่อว่าเกิดจากการสร้างเซลล์ที่มากผิดปกติ มักจะเกิดบริเวณที่มีต่อมไขมันมาก การเกิดสิวเสี้ยนมักจะเริ่มจากมีการอุดตันที่ท่อต่อมไขมัน หรือมีการผลิตไขมันออกมามาก จึงเกิดการอุดตันในรูขุมขน และไขมันจะไปรวมตัวกับเซลล์ชั้นขี้ไคลจากผนังท่อ จนกลายเป็นก้อนที่เรียกว่า “คอมีโดน” และนอกจากการอุดตันของไขมันจนเป็นก้อนขาว ๆ แล้ว ยังมีขนที่คุดคู้อยู่ข้างในด้วย ซึ่งแทนที่ 1 รูขุมขนจะมีขนเพียง 1 เส้น แต่กลับมีขนอ่อนเส้นเล็ก ๆ หลายเส้นอัดกันอยู่ รวมตัวกับเซลล์ชั้นขี้ไคล และถูกห่อหุ้มด้วยผนังท่อต่อมไขมัน จนเกิดการอุดตัน ถ้าลองบีบดูจะเห็นเส้นสีขาวเหมือนตัวหนอน หากนำมาส่องด้วยแว่นขยายก็จะเห็นขนอ่อนจำนวนมากประมาณ 6-50 เส้น นอกจากจะเห็นว่ามีลักษณะเป็นจุดดำ ๆ แล้ว ยังมีหนามแหลม ๆ ยื่นออกมา เวลาใช้มือคลำจะรู้สึกสะดุดเหมือนหนามลุดร่วงอย่างที่ควรจะเป็น จึงทำให้มันสะสมสิ่งสกปรกแล้วอุดตันจนกลายเป็นสิว

วิธีรักษาสิวด้วยวิธีธรรมชาติ

รักษาสิวด้วยวิธีธรรมชาติ

วิธีรักษาสิวแบบธรรมชาติ โบกมือลาหน้าสิวด้วยเคล็ดลับรักษาสิวจากธรรมชาติ รับรองสิวหายเกลี้ยงไม่มีเหลือกวนใจแน่นอน

มะเขือเทศ

มะเขือเทศมีวิตามินเอที่ช่วยเสริมสร้างผิวให้มีสุขภาพดี มีวิตามินซีที่ช่วยในเรื่องของความขาวใสและสมานรอยแผล อีกทั้งยังมีคุณสมบัติทำให้ผิวเย็นลง ช่วยกำจัดน้ำมันส่วนเกิน ต้านอนุมูลอิสระ และทำให้รูขุมขุมกระชับได้อีกด้วย ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ เราจึงใช้ประโยชน์จากมะเขือเทศในการป้องกันการเกิดสิวได้อย่างยอดเยี่ยม เพียงแค่คั้นเอาน้ำมะเขือเทศมาทาลงบนใบหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่า ก็จะช่วยป้องกันการเกิดการสิวได้แล้ว วิธีนี้เราจะใช้ก็ต่อเมื่อเรารู้สึกว่าสิวอุดตันมันเริ่มจะเป็นไตแข็ง ๆ และเจ็บ ที่เป็นสัญญาณของสิวอักเสบ ซึ่งการทาน้ำมะเขือเทศจะช่วยป้องกันการอักเสบได้ ส่วนสิวอุดตันที่เป็นไตแข็งก็จะค่อย ๆ ยุบตัวลงไปเอง

น้ำผึ้งกับโยเกิร์ต

เป็นวิธีที่ยมยมทำหันบ่อยครั้ง จะนำโยเกิร์ตและน้้ำผึ้งมาผสมกัน อัตราส่วนที่เท่ากัน คนให้ส่วนผสมเข้ากัน และนำมาพอกทั่วใบหน้า หรือจะใช้แต้มสิวตรงจุด ช่วยลดรอยแดง รอยดำที่เกิดจากสิว ยังทำให้หน้าชุ่มชื่น และขาวกระจ่างใสอีกด้วย

มะนาว

ในน้ำมะนาวนั้นจะมี วิตามินซี มีสรรพคุณที่ช่วยในการสมานแผล ทำให้สิวเป็นอยู่แห้งลงและจางไปได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งในปัจจุบันการใช้น้ำมะนาวรักษาด้วยวิธีธรรมชาติให้บีบน้ำมะนาวสดใส่ถ้วยเล็ก ๆ ที่เตรียมไว้ ใช้คอตตอนบัดชุบนำมาทายังจุดที่เป็นสิว ทิ้งไว้ราว ๆ 1 ชั่วโมง แต่บอกไว้ก่อนว่าถ้าเป็นสิวแผลเปิดก็อาจจะแสบอยู่หน่อย ๆ แล้วล้างหน้าให้สะอาด กรด AHA (Alpha Hydroxy Acid) ในมะนาว ไปช่วยผลัดเซลล์ผิว และช่วยขับสิวอุดตันออกมาค่ะ ทั้งนี้น้ำมะนาวแรงมากห้ามใช้ทั่วหน้า หรือบริเวณที่เป็นแผลเปิดเด็ดขาด ทำเช่นนี้เป็นประจำต่อเนื่อง 1 – 2 สัปดาห์ จะเห็นว่าสิวที่เป็นจะค่อย ๆ จางลงจนเห็นได้ชัด

ไข่ขาว

ไข่ขาวดิบ ใช้ได้ผลดีมากกับปัญหาสิวเสี้ยน รวมไปถึงสิวเม็ดแดง ๆ ช่วยดีท็อกซ์ผิวหน้าให้สะอาดลึกถึงรูขุมขน ทำให้กระชับขึ้นด้วย วิธีคือแยกเอาไข่ขาวออกมาจากไข่ไก่ หยดน้ำเล็กน้อยแล้วเอามาทาทั่วใบหน้าพักมิ้งไว้ 10-15 นาที แล้วล้างออกให้สะอาด

มะขามเปียก

นอกจากจะช่วยทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง มะขามเปียกยังช่วยเรื่องสิวอุดตันได้ด้วย เพราะมีกรด AHA อยู่ประมาณ 4-5% ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าออก ทำให้สิวที่อุดตันขึ้นเป็นหัวสิวได้ง่ายขึ้น แถมทำให้ใบหน้าสดใสด้วย พอกไว้ทั้งหน้ายิ่งช่วยได้ดี

หอมแดง

ช่วยยับยั้งแบคทีเรีย ลดการอักเสบ บำรุงให้ผิวแข็งแรง หั่นหอมแดงเป็นแผ่นบาง ให้มีน้ำของหอมออกมา หรือจะนำมาปั่นก็ได้ แล้วนำมาพอกหน้าไว้ 15 นาที แล้วล้างออก

มะละกอ

นำมะละกอดิบมาปั่นทั้งเมล็ด คั้นเอาน้ำมาแต้มบาง ๆ บริเวณที่เป็นสิว ทิ้งไว้สักพักแล้วล้างออก จะช่วยลดการอักเสบของสิวได้ แต่วิธีนี้จะไม่เหมาะกับคนผิวบอบบางและผิวแพ้ง่าย และในมะละกอมีเอนไซม์ปาเปน (Enzyme Papain) และ ไคโมปาเปน (Chymopapain) ที่ช่วยย่อยโปรตีน และช่วยลดอาการอักเสบของผิวได้ดี และยังช่วยสมานแผลได้ด้วย

ขมิ้น

สมุนไพรที่ใช้มาตั้งแต่ยุคโบราณเลย ขึ้นชื่อเรื่องบำรุงผิวพรรณ ช่วยลดอาการอักเสบของสิว และช่วยลดสิวผดได้ดี ผสมขมิ้นผง หรือจะเป็นขมิ้นสด กับน้ำ แล้วพอกบาง ๆ ทั่วใบหน้า จะทำให้สิวลดลง และทำให้ผิวหน้าดูใสขึ้น

ดินสอพอง+น้ำผึ้ง+ขมิ้น

ลดการอักเสบของแผล ทำให้สิวอักเสบแห้งลง ช่วยควบคุมความมันได้ดี โดยนำดินสอพองละลายน้ำ ให้ได้เนื้อพอข้น ใส่ขมิ้นชันและน้ำผึ้งลงไปผสม คนส่วนผสมทั้ง 3 ให้เข้ากัน นำมามาร์คหน้าไว้ 15 นาที แล้วล้างออก

วิธีรักษาสิวด้วยตนเอง

รักษาสิวด้วยตนเอง

วิธีรักษาสิวให้หายขาด รวมเคล็ดลับบอกลาสิวแบบง่าย ๆ ด้วยการดูแลตนเอง

ทำความสะอาดใบหน้าที่สะอาด

การล้างหน้าอย่างถูกวิธีไม่ใช่ล้างหน้าอย่างบ่อยครั้ง แต่ควรล้างให้สะอาดอย่างหมดจด ด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิวหน้า และเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิวของตนเอง มีค่า pH ใกล้เคียงกับผิว เนื่องจากสภาพผิวของแต่ละคนมีความแตกต่างกัน ควรล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง ตอนเช้าและตอนเย็น คนหน้ามันควรล้างหน้าบ่อย ๆ เป็นความเชื่อที่ผิด เพราะหากใบหน้ามันเงาแล้วไปล้างหน้า จะยิ่งไปกระตุ้นให้มีการผลิตน้ำมันเพิ่มมากขึ้น ใบหน้าจะยิ่งมันเงา ควรล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและเหมาะกับสภาพผิว แต่ถ้าหากหน้ามันมากจริง ๆ ก็ล้างได้ไม่เกินวันละ 3 ครั้ง เวลาล้างต้องล้างให้สะอาดหมดจดจนแน่ใจว่าไม่เหลือสิ่งสกปรกอยู่บนใบหน้า ถ้ามีเหงื่อออกหรือหน้ามันระหว่างวันคุณควรจะล้างหน้าด้วย “น้ำเปล่า” แล้วซับให้แห้ง (แต่อย่าล้างบ่อย เพราะจะยิ่งทำให้หน้ามันมากขึ้น) และก่อนจะลงผลิตภัณฑ์อะไรก็ตามคุณควรซับหน้าให้แห้งก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดสิว

เลือกผลิตภัณฑ์บำรุง

เป็นสิวอยู่แต่ร้อนใจ อยากรีบบำรุงผิวก่อนสิวหาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ ควรรักษาสิวให้หายดี แล้วจึงค่อยหาผลิตภัณฑ์มาทำการบำรุงผิว ระหว่างการรักษาคุณควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ ที่มีน้ำมันเป็นองค์ประกอบ การเลือกผลิตภัณฑ์เพื่อป้องกันและดูแลผิวที่เป็นสิว ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ จากผู้ผลิตที่มีความน่าเชื่อถือ ดังนั้นเราควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับประเภทและปัญหาผิวของตนเอง เพราะสภาพผิวของแต่ละคนไม่เหมือนกันอยู่แล้ว ที่สำคัญ สำหรับผิวที่มีแนวโน้มเป็นสิวง่าย ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่แก้ปัญหาสิวอย่างอ่อนโยนเป็นสูตรปราศจากน้ำมันและไม่ทำให้เกิดการอุดตัน ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่าง ๆ ก็มีสรรพคุณแตกต่างกันออกไป ดังนั้นเวลาเราเลือกใช้ นอกจากจะเลือกให้มาช่วยแก้ไขและบำรุงผิวหน้าแล้ว เราต้องเชื่อมั่นด้วยว่าผลิตภัณฑ์เหล่านั้นจะไม่เอาสิวมาฝากเรา เคล็ดลับก็ง่าย ๆ คือผลิตภัณฑ์ที่เราจะใช้ต้องมีคุณสมบัติไม่ทำให้เกิดการอุดตัน ช่วยกำจัดแบคทีเรีย และมี อย. รับรอง ถ้าอ่านป้ายแล้วเจอข้อความ non comedogenic

พักผ่อนให้เพียงพอ

ดูเหมือนจะง่าย แต่ก็ยากสำหรับใครหลายคน เพราะการนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ คือการเข้านอนก่อนเวลา 22.00 น. อย่างน้อย 7 ชั่วโมง ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายเกิดกระบวนการซ่อมแซมและฟื้นฟู กระบวนการต่าง ๆ ของร่างกายในขณะที่นอนหลับ นอกจากนี้การนอนหลับที่ไม่เพียงพอยังส่งผลให้เกิดการผลิตน้ำมันมากผิดปกติ และการนอนดึกยังเกี่ยวข้องกับความเครียดอีกด้วย เมื่อร่างกายเกิดความเครียดก็จะทำให้ผิวอ่อนแอลง ส่งผลให้แบคทีเรียตัวร้ายเข้ามาจู่โจม ทำให้เราเกิดสิวอักเสบได้ง่ายขึ้นนั่นเอง

เปลี่ยนผ้าปูที่นอน ปอกหมอน บ่อย ๆ

เครื่องนอนต่าง ๆ ที่เราต้องใช้อยู่ทุกวัน ปลอกหมอน ผ้าห่ม ผ้าปูที่นอน เป็นสิ่งที่จะต้องสัมผัสกับผิวหน้าของเราโดยตรง เราไม่อาจรู้ได้ว่าเครื่องนอนเหล่านี้จะเป็นที่สะสมของเชื้อโรคและแบคทีเรียได้ในจำนวนที่มากขนาดไหน ฉะนั้น เราจะต้องถอดออกมาทำความสะอาดบ่อย ๆ อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก็ทำความสะอาด 1 ครั้ง ก็จะช่วยลดสาเหตุของการเกิดสิวบนหน้าได้

เลือกรับประทานอาหาร

สำหรับผู้ที่มีปัญหาสิวต้องสังเกตตนเองว่ารับประทานอาหารประเภทใดแล้วทำให้เกิดปัญหาสิว ก็ต้องหลีกเลี่ยงอาหารเหล่านั้น ซึ่งจะไปกระตุ้นให้เกิดกระบวนการอักเสบในเซลล์ผิว เกิดการกระตุ้นให้เกิดปัญหาสิวได้ ซึ่งอาหารที่มักจะมีโอกาสทำให้เกิดปัญหาสิว ได้แก่ อาหารทอด อาหารมัน อาหารรสจัด เปรี้ยว ๆ เผ็ด ๆ หรือผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปจากนม

ดื่มน้ำเปล่าเยอะ ๆ

การดื่มน้ำที่สะอาดอย่างเพียงพอ น้ำเป็นองค์ประกอบหลักของร่างกายรวมถึงผิวหนัง การดื่มน้ำอย่างเพียงพอจะช่วยทำให้องค์ประกอบต่าง ๆ ในผิวทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราควรดื่มน้ำให้ได้วันละ 8 – 12 แก้ว หรือประมาณ 1.5 ลิตร นอกจากนี้หากเราดื่มน้ำอย่างเพียงพอ น้ำจะเป็นตัวช่วยในการนำสารพิษที่ตกค้างอยู่ในร่างกายให้ถูกขับออกมาด้วย ควรรับประทานผักและผลไม้ที่มีวิตามินซีและวิตามินอีด้วย เพื่อช่วยเสริมสร้างสุขภาพผิวให้แข็งแรง สำหรับคนที่โดนสิวบุกมาก ๆ คุณอาจผสมน้ำมะนาวลงไปในน้ำแก้วแรกของวันก็ได้ ซึ่งวิธีนี้พบว่าใช้ได้ผลในหลายคน ในการช่วยล้างพิษได้อย่างหมดจด

ไม่แกะสิว กดสิว บีบสิว

สำหรับคนเป็นสิวง่าย การไปสัมผัสโดนใบหน้าเท่ากับเป็นการกระตุ้นให้เกิดปัญหาสิวได้ ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า ทั้งจากมือ หรือโทรศัพท์มือถือที่อาจมีทั้งสิ่งสกปรกและเชื้อแบคทีเรียอยุ่มากมาย ส่งผลให้เกิดปัญหาสิวได้เช่นเดียวกัน กระทำดังกล่าวจะไปเพิ่มความรุนแรงของสิว ไม่ว่าจะเป็นการอักเสบที่รุนแรงขึ้น รอยสิวที่เป็นเพิ่มมากขึ้น ทำให้ระยะเวลาที่จะทำให้รอยสิวจางลงนานมากยิ่งขึ้นไปด้วย และนอกจากนี้อาจส่งผลให้เกิดเป็นหลุมสิว อีกปัญหาสิวที่ยากต่อการแก้ไข รวมไปถึงหากต้องสัมผัสใบหน้าเช่นขั้นตอนการทำความสะอาดหรือบำรุงผิวก็ต้องสัมผัสผิวอย่างอ่อนโยนและเบามือ

ปกป้องผิวจากแสงแดด

นอกจากจะเป็นตัวการสำคัญของการทำร้ายผิวให้เกิดริ้วรอย ความหมองคล้ำ ยังไปกระตุ้นให้ผิวมีการผลิตน้ำมันเพิ่มมากขึ้น ทำให้ผิวหน้ามันขึ้นได้ เมื่อผิวหน้ามันก็มีโอกาสในการเกิดสิว และการใช้ครีมกันแดดเป็นประจำยังช่วยให้รอยแดงรอยดำจากสิวดูจางลงด้วย ดังนั้นทุกประเภทและปัญหาผิว จึงควรปกป้องผิวตัวเองจากแสงแดดด้วยการทาครีมกันแดดเป็นประจำ และหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีความร้อนและความชื้นสูง ปกป้องผิวตัวเองจากแสงแดดด้วยการทาครีมกันแดดเป็นประจำ ใส่แว่นกันแดดเพื่อถนอมตา สวมใส่เสื้อผ้าที่ปกปิดผิว และหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีความร้อนและความชื้นสูง

คำถามที่พบบ่อย

สิวคืออะไร?

สิวเป็นสภาพผิวทั่วไปที่เกิดขึ้นเมื่อรูขุมขนอุดตันด้วยน้ำมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสำหรับการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย สิ่งนี้สามารถทำให้เกิดสิวหัวสิวและหัวขาวในผิวหนัง สิวสามารถปรากฏบนใบหน้าคอหน้าอกหลังและไหล่

อะไรทำให้เกิดสิว?

สิวเกิดจากปัจจัยหลายอย่างรวมกัน รวมถึงการผลิตน้ำมันส่วนเกิน แบคทีเรีย การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน และการอักเสบ ปัจจัยบางอย่าง เช่น พันธุกรรม อาหารการกิน และความเครียดก็มีส่วนทำให้เกิดสิวได้เช่นกัน

ฉันจะป้องกันสิวได้อย่างไร?

เพื่อป้องกันสิว คุณสามารถปฏิบัติตามสุขอนามัยผิวที่ดี ซึ่งรวมถึงการล้างหน้าวันละสองครั้งด้วยคลีนเซอร์ที่อ่อนโยน หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน และทาครีมกันแดด การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และการจัดการระดับความเครียดอาจช่วยป้องกันการเกิดสิวได้เช่นกัน

ฉันจะรักษาสิวได้อย่างไร?

การรักษาสิวมีหลายวิธี รวมถึงการรักษาเฉพาะที่ที่ไม่ต้องสั่งโดยแพทย์ การใช้ยาตามใบสั่งแพทย์ และขั้นตอนเครื่องสำอาง การรักษาเฉพาะที่อาจรวมถึงเบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ กรดซาลิไซลิก หรือเรตินอยด์ ยาที่ต้องสั่งโดยแพทย์อาจรวมถึงยาปฏิชีวนะ ยาคุมกำเนิด หรือไอโซเทรติโนอิน ขั้นตอนเครื่องสำอางอาจรวมถึงการลอกผิวด้วยสารเคมี การกรอผิวด้วยไมโครเดอร์มา หรือการบำบัดด้วยแสง สิ่งสำคัญคือต้องปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อกำหนดแผนการรักษาที่ดีที่สุดสำหรับประเภทสิวเฉพาะของคุณ

ใช้เวลานานเท่าไหร่กว่าสิวจะหายไป?

ระยะเวลาที่สิวจะหายไปจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการและประเภทของการรักษาที่ใช้ สิวเล็กน้อยอาจหายได้ภายในไม่กี่สัปดาห์ด้วยการใช้การรักษาเฉพาะที่ ในขณะที่สิวที่รุนแรงอาจใช้เวลาหลายเดือนในการรักษาเพื่อให้อาการดีขึ้น สิ่งสำคัญคือต้องอดทนและปฏิบัติตามแนวทางการรักษาของคุณ เนื่องจากอาจต้องใช้เวลาสักระยะจึงจะเห็นผล

บทสรุป

สิวอาจเป็นปัญหาที่ท้าทายในการจัดการ แต่ด้วยการป้องกันและการรักษาที่เหมาะสม จะสามารถจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อเข้าใจสาเหตุของสิวและทำตามขั้นตอนเพื่อป้องกันและรักษา คุณก็สามารถมีผิวที่กระจ่างใสและมีสุขภาพดีได้ โปรดจำไว้ว่าหากสิวของคุณรุนแรงหรือเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง สิ่งสำคัญคือต้องขอคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

เรื่องที่เกี่ยวข้อง:

อ่านต่อ

NaniTalk S.

เป็นนักเขียนที่ขยันขันแข็งและมุ่งมั่นที่จะผลิตเนื้อหาที่มีคุณภาพ เรียนรู้และเติบโตอยู่เสมอ เชื่อว่าเนื้อหาที่ดีสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลกได้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button