วันนี้ในอดีต

10 กรกฎาคม บอริส เยลต์ซิน เป็นปธน.คนแรก สหพันธ์รัสเซีย

10 กรกฎาคม 2534 บอริส เยลต์ซิน (Boris Yeltsin) เข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนแรกแห่ง สหพันธ์รัสเซีย (Russian Federation) ที่มาจากการเลือกตั้ง

บอริส เยลต์ซิน

บอริส นีโคลาเยวิช เยลต์ซิน (Boris Yeltsin) 1 กุมภาพันธ์ 2474 – 23 เมษายน 2550 เป็นประธานาธิบดีคนแรกของสหพันธรัฐรัสเซีย ดำรงตำแหน่งระหว่าง 2534 ถึง 2542

เดิมเป็นผู้สนับสนุนมิคาอิล กอร์บาชอฟ เยลต์ซินเกิดขึ้นภายใต้การปฏิรูปเปเรสตรอยกาเป็นหนึ่งในคู่แข่งทางการเมืองที่ทรงพลังที่สุดของกอร์บาชอฟ วันที่ 29 พฤษภาคม 2533 เขาได้รับเลือกเป็นประธานสภาโซเวียตสูงสุดรัสเซีย วันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2534 เขาได้รับเลือกด้วยเสียงประชาชนเป็นประธานาธิบดีแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตรัสเซียซึ่งเป็นตำแหน่งที่เพิ่งตั้งขึ้นใหม่ ขณะนั้นเป็นหนึ่งใน 15 สาธารณรัฐรัฐธรรมนูญของสหภาพโซเวียต เขาได้รับคะแนนเสียง 57% ชนะผู้เข้าชิงตำแหน่งอีกห้าคน และเป็นผู้นำที่ได้รับเลือกตั้งตามแนวทางประชาธิปไตยคนที่สองของรัสเซียในประวัติศาสตร์ หลังมิคาอิล กอร์บาชอฟลาออกจากตำแหน่งและสหภาพโซเวียตยุบลงครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2534 เยลต์ซินยังดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย ซึ่งเป็นรัฐสืบทอดของสหภาพโซเวียต เยลต์ซินได้รับเลือกใหม่ในการเลือกตั้ง 2539 ในการเลือกตั้งรอบสอง เยลต์ซินชนะเกนนาดิ ซูกานอฟจากพรรคคอมมิวนิสต์ที่ฟื้นฟูใหม่โดยมีคะแนนห่างกันอยู่ 13% อย่างไรก็ดี เยลต์ซินสูญเสียความนิยมในระยะแรกไปหลังเกิดวิกฤตการณ์เศรษฐกิจและการเมืองต่อเนื่องในรัสเซียช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990

เขาสัญญาจะเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจสังคมนิยมแบบสั่งการของรัสเซียเป็นเศรษฐกิจตลาดเสรี และนำการเยียวยาการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจอย่างฉับพลัน การเปิดเสรีราคาและโครงการแปรรูปรัฐวิสาหกิจไปปฏิบัติ เนื่องจากวิธีการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ความมั่งคั่งของชาติปริมาณมากจึงตกอยู่ในมือของผู้มีอำนาจกลุ่มเล็ก สมัยเยลต์ซินส่วนใหญ่มีการฉ้อราษฎร์บังหลวง เงินเฟ้อ การล่มสลายทางเศรษฐกิจและปัญหาเศรษฐกิจและสังคมขนานใหญ่อย่างกว้างขวางซึ่งกระทบต่อรัสเซียและอดีตรัฐสหภาพโซเวียต ภายในไม่กี่ปีแรกหลังเขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ผู้สนับสนุนเยลต์ซินจำนวนมากได้เปลี่ยนมาต่อต้านเขา และรองประธานาธิบดี อเล็กซานเดอร์ รุสต์คอย ประณามการปฏิรูปว่าเป็น “พันธุฆาตทางเศรษฐกิจ”

การเผชิญหน้าที่ดำเนินไปกับสภาโซเวียตสูงสุดลงเอยด้วยวิกฤตการณ์รัฐธรรมนูญรัสเซีย ตุลาคม 2536 ซึ่งเยลต์ซินสั่งยุบรัฐสภาอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งขณะนั้นพยายามถอดเยลต์ซินออกจากตำแหน่ง ฝ่ายทหารท้ายที่สุดเข้าฝ่ายกับเยลต์ซินและปิดล้อมและยิงปืนใหญ่ถล่มทำเนียบขาวรัสเซีย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 187 คน จากนั้น เยลต์ซินฉีกรัฐธรรมนูญที่มีอยู่เดิม ห้ามการต่อต้านทางการเมืองชั่วคราว และยิ่งดำเนินการทดลองทางเศรษฐกิจลึกลงไปอีก แล้วเขาก็ริเริ่มรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยประธานาธิบดีมีอำนาจเพิ่มขึ้น และได้รับความเห็นชอบในการลงประชามติเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2536 ด้วยเสียงเห็นชอบ 58.5%

วันที่ 31 ธันวาคม 2542 เยลต์ซินประกาศลาออกจากตำแหน่งอย่างน่าประหลาดใจ ทิ้งตำแหน่งประธานาธิบดีไว้ในมือของผู้สืบทอดที่เขาวางตัว คือ นายกรัฐมนตรีขณะนั้น วลาดีมีร์ ปูติน เยลต์ซินออกจากตำแหน่งโดยได้รับความนิยมน้อยมากในหมู่ประชากรรัสเซีย บ้างประเมินว่า อัตราการเห็นชอบกับเขาเมื่อออกจากตำแหน่งนั้นต่ำเพียง 2%

บอริสต์ เยลต์ซิน ถึงแก่อสัญกรรม เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2550 เนื่องจากการทำงานของหัวใจล้มเหลว ในวัย 76 ปี

อ่านต่อ

Alinda C.

ฉันเชื่อว่าประวัติศาสตร์เป็นสิ่งที่สำคัญ เป็นสิ่งที่ช่วยให้เราเข้าใจความเป็นมาของสังคมและโลก ประวัติศาสตร์ทำให้เราตระหนักถึงคุณค่าของเสรีภาพและความเท่าเทียมกัน ทำให้เราเรียนรู้จากข้อผิดพลาดในอดีต เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยเดิม

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button