[รีวิว-เรื่องย่อ] สู่เส้นทางเซียน | The Immortal Ascension (2025)

• The Immortal Ascension เป็นซีรีส์แฟนตาซีที่เล่าเรื่องของเด็กชายจากหมู่บ้านยากจนที่เข้าสู่เส้นทางนักรบเซียน
• หยาง หยาง แสดงได้ยอดเยี่ยมในบทฮั่น ลี่ ด้วยพื้นฐานการเต้นรำที่ทำให้ฉากต่อสู้ดูสมจริง
• ฉากแอ็คชั่นและการต่อสู้เป็นจุดเด่นสุดของซีรีส์เรื่องนี้ ทำออกมาได้อย่างสวยงาม
• แม้เนื้อเรื่องจะมีจุดอ่อนบ้าง แต่ก็ยังคงความสนุกและความตื่นเต้นไว้ได้ดี

เราเคยฝันไหมว่าจะได้เป็นนักรบที่แข็งแกร่ง กระโดดบินได้เหมือนในนิยายกำลังภายใน? ซีรีส์ The Immortal Ascension (2025) พาเราไปสัมผัสกับโลกแฟนตาซีที่เต็มไปด้วยเวทมนตร์และการต่อสู้สุดมันส์ เรื่องราวของ ฮั่น ลี่ (หยาง หยาง) เด็กชายจากหมู่บ้านยากจนที่เข้าสู่เส้นทางการเป็นนักรบเซียนจะทำให้เรารู้สึกเหมือนได้เป็นส่วนหนึ่งของการผจญภัยครั้งนี้

ซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้เป็นแค่เรื่องราวธรรมดาของ การแก้แค้น หรือการผจญภัย แต่เป็นการเดินทางของชายหนุ่มที่ถูกมองข้ามแต่ไม่เคยยอมแพ้ ด้วยความอดทนและสติปัญญา เขาก้าวผ่านอุปสรรคนับร้อยอย่างและเติบโตขึ้นเป็นนักรบที่เก่งกาจ เมื่อ ปีศาจตระกูล เริ่มคุกคามโลก ฮั่น ลี่จึงต้องยืนหยัดสู้เพื่อปกป้องสิ่งที่เขาห่วงใย

ในบทความนี้เราจะพาไปดูทุกแง่มุมของซีรีส์เรื่องนี้ ตั้งแต่การแสดงของนักแสดง ฉากแอ็คชั่นสุดมันส์ ไปจนถึงจุดเด่นจุดด้อยที่ควรรู้ มาดูกันว่า The Immortal Ascension จะสร้างความประทับใจให้เราได้มากแค่ไหน

รีวิวและเรื่องย่อ The Immortal Ascension (สู่เส้นทางเซียน)

The Immortal Ascension เล่าเรื่องของ ฮั่น ลี่ (หยาง หยาง) เด็กชายจากหมู่บ้านยากจนที่บังเอิญได้พบกับ หมอแก่ ลึกลับคนหนึ่งที่ค้นพบว่าเขามีรากฐานทางจิตวิญญาณ แม้หมอแก่จะมีเจตนาร้ายในตอนแรก แต่กลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางสู่เส้นทางนักรบเซียนของฮั่น ลี่ หลังจากรอดพ้นจากความตายมาได้ เขาจึงตัดสินใจเดินทางต่อเพื่อค้นหาพลังที่แท้จริงของตัวเอง

ด้วยความบังเอิญและปัจจัยต่างๆ ฮั่น ลี่ได้เข้าร่วมกับ นิกายหว่างเฟิงเซี่ย หนึ่งใน 7 นิกายหลักที่เป็นที่รู้จักในการฝึกฝนพลังเซียน แต่ด้วยต้นกำเนิดที่เรียบง่ายและพรสวรรค์ที่จำกัด ทำให้เขามักถูกมองข้ามและดูถูก อย่างไรก็ตาม ความอดทนและสติปัญญา ที่เขามีกลับทำให้เขาเติบโตและพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกัน ปีศาจตระกูล ก็เริ่มแผนการยึดครองโลกและเริ่มสงครามใหญ่ ถึงแม้ฮั่น ลี่จะต้องการอยู่อย่างเงียบๆ แต่ในที่สุดเขาก็ต้องลุกขึ้นสู้เพื่อปกป้องนิกายและผู้คนที่เขารัก การต่อสู้ครั้งนี้จะทำให้เขาได้พบกับความจริงเกี่ยวกับตัวเองและพลังที่แท้จริงที่เขามี

หยาง หยาง ในบทฮั่น ลี่ แสดงได้อย่างน่าประทับใจมากในซีรีส์เรื่องนี้ หลังจากที่เขาต้องพักจากการแสดงไปสองปีเพราะการแสดงที่ไม่ค่อยเป็นที่ถูกใจแฟนๆ ใน Fireworks of My Heart เขาได้กลับมาพร้อมกับการพัฒนาตัวเองอย่างเห็นได้ชัด การที่เขายอมรับความผิดพลาดในอดีตและใช้เวลาปรับปรุงตัวเองทำให้แฟนๆ เต็มใจให้โอกาสเขาใหม่

สิ่งที่ทำให้การแสดงของหยาง หยางในเรื่องนี้โดดเด่นคือเขาไม่ได้เน้นไปที่ ความหล่อ ของตัวละคร แต่กลับโฟกัสไปที่ ความเป็นสุภาพบุรุษ ที่มีความมุ่งมั่นและไม่ยอมแพ้ ฮั่น ลี่เป็นตัวละครที่ไม่มีชื่อเสียง ไม่เด่นดัง แต่มีหัวใจที่แกร่งกล้า และหยาง หยางก็ถ่ายทอดสิ่งนี้ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้เราเห็นถึงเสน่ห์ที่แท้จริงของเขาที่ไม่ใช่แค่รูปลักษณ์ภายนอก

จิน เฉิน ในบทนางเอกก็แสดงได้ดีเช่นกัน โดยเฉพาะในฉากแอ็คชั่นที่เธอต้องใช้ทักษะการเต้นรำแบบคลาสสิกที่เธอมี ทำให้ฉากการต่อสู้ของเธอดูสวยงามและเรียบง่าย เหมือนกับหยาง หยาง ที่มีพื้นฐานการเต้นรำแบบคลาสสิกเช่นกัน ทั้งคู่จึงสามารถสร้าง ฉากแอ็คชั่น ที่น่าตื่นตาตื่นใจได้

หากจะพูดถึงจุดเด่นที่สุดของ The Immortal Ascension ก็คงหนีไม่พ้น ฉากการต่อสู้ ที่ออกแบบมาอย่างยอดเยี่ยม ด้วยพื้นฐานการเต้นรำแบบคลาสสิกของหยาง หยาง ทำให้เขามีความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อหลักและการฝึฝนการใช้อาวุธต่างๆ อย่างเป็นระบบ แม้การเต้นรำจะไม่เหมือนกับศิลปะการต่อสู้โดยตรง แต่หลักการพื้นฐานหลายอย่างกลับคล้ายกัน

ความยืดหยุ่น ท่วงท่า และความสง่างาม ที่ต้องใช้ในการเต้นรำและศิลปะการต่อสู้ทำให้การนำเสนอบนหน้าจอดูสวยงามมาก แม้ท่าทางของหยาง หยางจะยังคงมีลักษณะของนักเต้นมากกว่านักสู้แท้ๆ แต่นั่นกลับไม่ใช่ปัญหา เพราะมันทำให้ฉากการต่อสู้ดู ศิลปะ มากกว่าความรุนแรงเดิมๆ

ซีรีส์เรื่องนี้มีฉากต่อสู้จำนวนมากและแต่ละฉากก็ได้รับการออกแบบท่าทางมาอย่างดี สามารถมองเห็นได้ว่าทีมงานใช้งบประมาณส่วนใหญ่ไปกับฉากเหล่านี้ และผลลัพธ์ที่ได้ก็คุ้มค่ามาก ความสามารถของจิน เฉินในฐานะนักเต้นแบบคลาสสิกเช่นกันทำให้ฉากต่อสู้ของนางเอกก็ ดูงดงามและมีระดับ ไม่แพ้นักแสดงนำ

แม้ The Immortal Ascension จะมีจุดเด่นหลายประการ แต่ก็มีจุดอ่อนที่ชัดเจนเช่นกัน ปัญหาหลักคือ งบประมาณ ที่ดูเหมือนจะถูกใช้ไปกับฉากการต่อสู้ครั้งใหญ่ ทำให้ส่วนอื่นๆ ของซีรีส์ได้รับการดูแลน้อยกว่า ไม่ว่าจะเป็น CGI ในฉากปกติหรือการพัฒนาตัวละครรอง

เนื้อเรื่อง ก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ของซีรีส์เรื่องนี้ เรื่องราวมักรู้สึกขาดความต่อเนื่องและแข็งกร่าง เพราะมีการ อธิบาย มากกว่าการแสดงให้ดู ทำให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนถูกบรรยายมากกว่าที่จะได้สัมผัสกับเรื่องราวจริงๆ ตัวละครรองหลายตัวรู้สึกเหมือนถูกใส่เข้ามาอย่างบังเอิญ และบางตัวก็ถูกจบเรื่องไปอย่างเร่งรีบจนไม่มีเวลาสร้างความผูกพันทางอารมณ์

เรื่องราวของ The Immortal Ascension จบเพียงแค่ซีซั่นแรก และยังมีเนื้อหาอีกมากมายที่รอการเล่า อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความแน่นอนว่าจะมี ซีซั่นที่สอง หรือไม่ เพราะการทำซีรีส์ต่อจะต้องใช้งบประมาณที่สูงกว่าเดิม และใช้เวลาในการถ่ายทำที่มากขึ้น

สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือผลตอบรับของซีรีส์เรื่องนี้จะดีพอที่จะทำให้ทีมผู้สร้างตัดสินใจลงทุนทำต่อหรือไม่ ถึงแม้จะมีจุดเด่นในเรื่อง ฉากแอ็คชั่น และการแสดงที่ดีขึ้นของหยาง หยาง แต่ปัญหาด้านเนื้อเรื่องและงบประมาณอาจเป็นอุปสรรคสำคัญ

หากจะมีซีซั่นต่อไป เราหวังว่าทีมงานจะใช้ประสบการณ์จากซีซั่นแรกมาปรับปรุง การเขียนบท ให้น่าติดตามมากขึ้น และจัดสรรงบประมาณให้สมดุลระหว่างฉากแอ็คชั่นกับการพัฒนาตัวละครและเนื้อเรื่อง

The Immortal Ascension (2025) เป็นซีรีส์ที่มีจุดเด่นชัดเจนใน ฉากการต่อสู้ และการแสดงที่ดีขึ้นของหยาง หยาง แต่ก็มีจุดอ่อนในเรื่องการเขียนบทและการจัดการเรื่องราว สำหรับแฟน ซีรีส์แฟนตาซี และศิลปะการต่อสู้แล้ว ซีรีส์เรื่องนี้น่าดูเพื่อความสนุกสนานและความตื่นตาตื่นใจ

ซีรีส์เรื่องนี้เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าการพักผ่อนและพัฒนาตัวเองสามารถทำให้ นักแสดงกลับมาแกร่ง ได้จริง หยาง หยางแสดงให้เห็นว่าความล้มเหลวไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นจุดเริ่มต้นใหม่ที่ดีกว่าเดิม เช่นเดียวกับตัวละครฮั่น ลี่ที่ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค

มาแชร์ความคิดเห็นกันในคอมเมนต์ว่าเราชอบฉากไหนใน The Immortal Ascension มากที่สุด และอย่าลืมแชร์รีวิวนี้ให้เพื่อนๆ ที่ชื่นชอบ ซีรีส์แนวแฟนตาซีและแอ็คชั่น กัน เพราะซีรีส์เรื่องนี้เหมาะสำหรับคนที่อยากดูความมันส์และแอ็คชั่นสุดเจ๋ง!

• ชื่อเรื่องในภาษาไทย: สู่เส้นทางเซียน
• ประเภท: แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย, ดราม่า
• วันที่ออกอากาศ: 15 สิงหาคม 2025
• นักแสดงนำ: Yang Yang, Gina Jin, Wang Duo, Zhao Xiao Tang, Zhao Qing
• ผู้กำกับ: Yang Yang
• จำนวนตอน: 30 ตอน
• เรตติ้ง MyDramaList: 8.4/10
• ช่องทางการดูในประเทศไทย: YOUKU, MONOMAX