รีวิวหนังเกาหลี

[รีวิว-เรื่องย่อ] สวาหะ: ศรัทธามืด | Svaha: The Sixth Finger (2019)

  • Svaha: The Sixth Finger เป็นหนังที่สร้างจากเรื่องราวการสืบสวนลัทธิศาสนา โดยมีพื้นฐานจากความเชื่อทางพุทธศาสนาและคำทำนายมืดมน
  • การแสดงของอีจุงแจในบทบาทนักบวชพาร์คโดดเด่น แสดงความสับสนและการค้นหาความจริงได้อย่างน่าติดตาม
  • หนังสำรวจธีมความศรัทธา การหลอกลวง และความมืดในจิตใจมนุษย์ผ่านการตีความสัญลักษณ์ทางศาสนา
  • ผู้กำกับจางแจฮยอนนำเสนอเรื่องราวที่เต็มไปด้วยความลึกลับและบรรยากาศชวนขนลุก แต่บางส่วนอาจซับซ้อนเกินไปสำหรับผู้ชมทั่วไป

เราเคยสงสัยกันไหมว่า ความเชื่อทางศาสนาที่ดูศักดิ์สิทธิ์ มันอาจซ่อนความมืดอะไรไว้บ้าง? เหมือนกับการเปิดกล่องแพนโดร่าที่เต็มไปด้วยปีศาจ ลองนึกภาพนักบวชคนหนึ่งที่เชี่ยวชาญเรื่องเปิดโปงลัทธิหลอกลวง แต่ดันไปเจอของจริงที่โหดร้ายยิ่งกว่า หนัง Svaha: The Sixth Finger (2019) ของผู้กำกับ จางแจฮยอน (Jang Jae-hyun) พาเราไปดำดิ่งสู่โลกของคำทำนายมืดมนและการฆาตกรรมที่เชื่อมโยงกับลัทธิ Deer Mount หนังเรื่องนี้สร้างจากเรื่องจริงที่ผสมผสานความเชื่อทาง พุทธศาสนา เข้ากับความสยองขวัญแบบเกาหลีแท้ๆ

เรื่องราวเริ่มจาก บาทหลวงพาร์ค แสดงโดย อีจุงแจ (Lee Jung-jae) ที่รับงานสืบลัทธิที่น่าสงสัย แต่ยิ่งขุดลึกก็ยิ่งเจอคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง และคำทำนายเกี่ยวกับปีศาจ 81 ตัวที่จะนำความทุกข์มาสู่มนุษย์ มันเหมือนเกมไขปริศนาที่ทุกชิ้นส่วนเป็นสัญลักษณ์ศาสนา ถ้าเราไม่รู้เรื่องพุทธมากนัก หนังเรื่องนี้จะช่วยอธิบายผ่านสายตาของตัวเอกที่ก็งงๆ เหมือนกัน แต่ระวังนะ มันอาจทำให้เราตั้งคำถามกับความเชื่อของตัวเองเลยล่ะ

ในรีวิวนี้ เราจะพาไปเจาะลึกทุกมุมของหนังเรื่องนี้ ตั้งแต่พล็อตที่ซับซ้อน การแสดงที่เด็ดดวง ไปจนถึงข้อความที่หนังอยากสื่อเกี่ยวกับศรัทธาและความมืดในใจคน มาดูกันว่า Svaha: The Sixth Finger จะทำให้เราขนลุกและคิดหนักขนาดไหน กับการเดินทางสู่ด้านมืดของความเชื่อที่อาจไม่ใช่แค่เรื่องเล่า

รีวิวและเรื่องย่อ Svaha: The Sixth Finger (สวาหะ: ศรัทธามืด)

Svaha: The Sixth Finger เล่าเรื่องของ บาทหลวงพาร์ค ที่เชี่ยวชาญเรื่องเปิดโปงลัทธิหลอกลวง เขาถูกจ้างให้สืบกลุ่มลึกลับชื่อ Deer Mount ซึ่งดูเหมือนลัทธิพุทธแต่ซ่อนความมืดไว้ข้างใน ยิ่งสืบก็ยิ่งเจอคดีฆาตกรรมที่เชื่อมโยงกับคำทำนายปีศาจ 81 ตัวที่จะนำภัยพิบัติมาสู่โลก มันเหมือนการเดินเข้าป่าลึกที่ทุกต้นไม้เป็นสัญลักษณ์ศาสนา ถ้าเราไม่ระวังก็หลงทางได้ง่ายๆ หนังเรื่องนี้สร้างบรรยากาศชวนขนลุกด้วยการผสมผสานความเชื่อจริงๆ เข้ากับพล็อตสยองขวัญ

เรื่องราวเริ่มจากเด็กสาวที่เกิดมาพร้อม “ผี” ติดตัว แล้วขยายไปสู่การสืบสวนลัทธิที่สร้างรอบๆ ความเชื่อทางพุทธ จากนั้นตำรวจก็เข้ามาเกี่ยวข้องกับคดีฆ่าเด็ก และเผยว่าฆาตกรไม่ได้ทำคนเดียว มันเหมือนโดมิโน่ที่ล้มต่อกัน เมื่อทุกชิ้นส่วนเข้าที่ ปีศาจตัวจริงก็ปรากฏ แต่หนังไม่โฟกัสแค่ตัวละคร มันดันไปเน้นการตีความคำทำนายซะมากกว่า ทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องสัญลักษณ์ทางศาสนาแบบไม่รู้ตัว

ทั้งหมดนี้มาจากฝีมือ จางแจฮยอน ที่เคยทำ The Priests และหลังๆ มาทำ Exhuma ซึ่งหนังทั้งสามเรื่องเล่นกับธีมศาสนาแต่คนละสไตล์ Svaha ไปทางมืดมนและซับซ้อน เหมือนถามเราว่า ถ้าความเชื่อกลายเป็นอาวุธ มันจะอันตรายแค่ไหน? แต่บางทีการอธิบายเยอะเกินไปก็ทำให้เรื่องดูยุ่งเหยิง เหมือนกินข้าวต้มที่ใส่เครื่องเยอะจนไม่รู้รสชาติดั้งเดิม

อีจุงแจ (Lee Jung-jae) ในบท บาทหลวงพาร์ค คือจุดเด่นสุดๆ ของหนัง เขาแสดงความสับสนของคนที่ไม่รู้เรื่องพุทธแต่ต้องไขปริศนา ได้อย่างเป็นธรรมชาติ เหมือนเราเองที่ดูแล้วงงตาม มันทำให้ตัวละครนี้กลายเป็นสะพานเชื่อมระหว่างผู้ชมกับเรื่องราวซับซ้อน การแสดงของเขาช่วยให้หนังไม่หลุดโฟกัส แม้พล็อตจะวนไปเรื่องสัญลักษณ์เยอะแยะ

ตัวละครอื่นๆ อย่างผู้ช่วยของพาร์คและตำรวจที่เข้ามาสืบ ก็ช่วยเพิ่มมิติให้เรื่อง แต่หนังดันปล่อยให้พวกเขาหายไปกลางทาง เพราะมัวแต่ไปอธิบายคำทำนาย มันเหมือนปาร์ตี้ที่เจ้าภาพหายตัวไปซะดื้อๆ แต่การแสดงโดยรวมยังดี โดยเฉพาะฉากที่ต้องเผชิญหน้ากับความมืดในลัทธิ มันชวนให้เราลุ้นว่าพวกเขาจะรอดไหม

รวมๆ แล้ว การแสดงช่วยยกหนังขึ้นมาเยอะ โดยเฉพาะอีจุงแจที่ทำให้เราเชื่อในตัวละคร เหมือนเพื่อนที่เล่าเรื่องผีให้ฟังตอนกลางคืน แต่ถ้าหนังโฟกัสตัวละครมากกว่านี้ คงสนุกกว่านี้แน่ๆ มันทำให้เราคิดว่า ในโลกที่เต็มไปด้วยความเชื่อ ใครกันแน่ที่เป็น “ปีศาจ” จริงๆ?

ผู้กำกับ จางแจฮยอน สร้างบรรยากาศมืดมนได้แจ่มแมว ด้วยการใช้สัญลักษณ์ทางศาสนาแบบพุทธมาสร้างความสยอง เหมือนเอาความศักดิ์สิทธิ์มาผสมกับความน่ากลัว มันชวนขนลุกแต่ก็ทำให้เราคิดหนัก ธีมหลักคือการสำรวจศรัทธาและการหลอกลวง เหมือนถามเราว่า ความเชื่อที่ดูดีอาจซ่อนอะไรไว้?

แต่ปัญหาคือหนังอธิบายเยอะเกิน เหมือนครูที่สอนวิชายากๆ แต่ไม่ให้เวลาย่อย มันทำให้เรื่องดูสับสน บางฉากเหมือนเลกเชอร์เรื่องพุทธศาสนาแทนที่จะเป็นหนังสยอง แต่ภาพและเสียงประกอบช่วยได้เยอะ สร้างความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เหมือนเดินเข้าถ้ำมืดที่ไม่รู้ทางออก

โดยรวม หนังเรื่องนี้สำรวจความมืดในจิตใจมนุษย์ผ่านศาสนาได้น่าคิด แต่ความซับซ้อนทำให้ไม่สุดทาง เหมือนเค้กที่อร่อยแต่หวานเกิน ถ้าเราเป็นแฟนหนังลึกลับแบบเกาหลี มันยังคุ้มดูอยู่ดี

Svaha: The Sixth Finger (2019) เป็นหนังที่ทำให้เราตั้งคำถามกับความศรัทธาและด้านมืดของมนุษย์ ผ่านพล็อตสืบสวนลัทธิและคำทำนายปีศาจ มันแสดงให้เห็นว่าความเชื่ออาจกลายเป็นอาวุธร้ายแรง ถ้าไม่มีกฎเกณฑ์ชัดเจน ความขัดแย้งก็เกิดขึ้นง่ายๆ เหมือนในชีวิตจริงที่เราอาจเจอคนหลอกใช้ศาสนา

หนังเรื่องนี้ไม่สมบูรณ์แบบ เพราะซับซ้อนเกินไป แต่การแสดงเด่นและบรรยากาศชวนลุ้นทำให้มันน่าจดจำ มันเหมือนกระจกสะท้อนว่ามนุษย์เรามีทั้งด้านดีและร้าย โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญความจริงที่โหดร้าย

สำหรับใครที่ชอบ หนังสยองขวัญลึกลับ และอยากได้เรื่องราวที่ทำให้คิดหนัก Svaha เป็นตัวเลือกที่ไม่ควรพลาด มาดูแล้วแชร์กันในคอมเมนต์ว่าหนังเรื่องนี้ทำให้เรามองความเชื่อยังไงบ้าง? หรือถ้าเจอหนังแนวนี้ดีๆ อีก แนะนำเราหน่อยสิ! อย่าลืมแชร์รีวิวนี้ให้เพื่อนๆ ที่ชอบหนังเกาหลีดาร์กๆ นะ

  • ชื่อเรื่องในภาษาไทย: สวาหะ: ศรัทธามืด
  • ประเภท: สยองขวัญ, ลึกลับ, ระทึกขวัญ
  • วันที่ออกฉาย: 20 กุมภาพันธ์ 2562
  • นักแสดงนำ: อีจุงแจ (Lee Jung-jae), พัคจองมิน (Park Jung-min), จินซอนกยู (Jin Seon-kyu)
  • ผู้กำกับ: จางแจฮยอน (Jang Jae-hyun)
  • ความยาว: 2 ชั่วโมง 9 นาที
  • เรตติ้ง IMDb: 6.2/10
  • ช่องทางการดูในประเทศไทย: Netflix

กดเพื่ออ่านต่อ

PhiRa W.

เป็นนักเขียนอิสระที่หลงใหลในสื่อบันเทิงทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ซีรีส์ วาไรตี้ และสารคดี ผมชอบที่จะวิเคราะห์และถอดรหัสเนื้อหาเหล่านั้นออกมาในรูปแบบของรีวิวที่เข้าใจง่ายและสนุกสนาน เพื่อแบ่งปันมุมมองและประสบการณ์ให้กับผู้อ่าน

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button