รีวิวหนังฝรั่ง

[รีวิว-เรื่องย่อ] มือปราบปืนเปลือย | The Naked Gun (2025) ความฮาคลาสสิกที่กลับมาสร้างรอยยิ้ม

  • The Naked Gun (2025) เป็นการรีบูตซีรีส์คลาสสิกจากยุค 80 ที่เต็มไปด้วยมุกตลกไร้สาระและการเสียดสีภาพยนตร์ตำรวจ
  • Liam Neeson รับบท Frank Drebin Jr. ลูกชายของตำรวจสุดบ๊องที่ต้องสืบคดีใหญ่โตเพื่อปกป้องหน่วยงาน
  • หนังเน้นความเรียบง่ายแต่ฮาแตก ด้วยมุกเด็ดที่ทั้งสดใหม่และย้อนยุค ทำให้ดูเพลินตลอด 85 นาที
  • แม้จะไม่เหนือกว่าต้นฉบับ แต่ก็เป็นหนังตลกที่สดชื่นในยุคที่ขาดแคลนเรื่องฮาๆ แบบนี้

ลองนึกภาพสิว่า เรากำลังอยู่ในยุคที่หนังตลกดีๆ หายากยิ่งกว่าทองคำ แล้วจู่ๆ ก็มีหนังที่พาเราย้อนกลับไปสู่ความบ้าคลั่งแบบยุค 80 มาปรากฏตัวซะอย่างนั้น หนัง The Naked Gun (2025) นี่แหละที่ทำแบบนั้นได้ มันไม่ใช่แค่การรีบูตซีรีส์ตำรวจสุดเพี้ยน แต่เป็นการผสมผสานมุกฮาแบบไร้สาระเข้ากับนักแสดงอย่าง Liam Neeson ที่เราคุ้นเคยในบทแอ็กชันจริงจัง แต่คราวนี้เขามาในมาดตำรวจสุดบ๊องที่ทำให้เราหัวเราะลั่น หนังเรื่องนี้กำกับโดย Akiva Schaffer จากทีม Lonely Island ที่เคยสร้างสรรค์มุกเด็ดๆ ใน Popstar และ Chip ‘n Dale มันได้ฉายรอบปฐมทัศน์ที่นิวยอร์กเมื่อปลายเดือนกรกฎาคม 2025 และเข้าฉายจริงวันที่ 1 สิงหาคม 2025 ทำเงินไปกว่า 28.5 ล้านดอลลาร์ทั่วโลกในช่วงแรกๆ

หนังเรื่องนี้พาเราไปสำรวจโลกของ Frank Drebin Jr. ลูกชายของตำรวจในตำนานที่ต้องต่อสู้กับแผนร้ายของนักประดิษฐ์บ้าคลั่งที่อยากเปลี่ยนโลกให้ปั่นป่วน ฟังดูจริงจังใช่ไหม? แต่จริงๆ แล้วมันเต็มไปด้วยมุกตลกที่ยิงไม่ยั้ง ตั้งแต่การเสียดสีหนังแอ็กชันคลาสสิกอย่าง The Matrix ไปจนถึงมุกเล่นคำที่ทำให้เราหัวเราะออกเสียง เหมือนกับการได้กินขนมหวานที่ทั้งกรุบกรอบและสดชื่นในคราวเดียวกัน คุณเคยสงสัยไหมว่าถ้าดาราแอ็กชันอย่าง Neeson มาทำหน้าตายแต่เจอมุกโง่ๆ จะเป็นยังไง? หนังเรื่องนี้ตอบคำถามนั้นได้อย่างฮาแตก

ในบทความนี้ เราจะพาไปเจาะลึก The Naked Gun (2025) ตั้งแต่เรื่องย่อที่ชวนหัวเราะ ไปจนถึงสไตล์การกำกับที่ผสมผสานความเก่าและใหม่ได้อย่างกลมกล่อม และเหตุผลที่ทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในหนังตลกที่ควรดูในปี 2025 พร้อมแล้ว มาดำดิ่งสู่โลกของตำรวจสุดเพี้ยนกันเลย!

The Naked Gun (มือปราบปืนเปลือย)

รีวิวและเรื่องย่อ The Naked Gun (มือปราบปืนเปลือย)

The Naked Gun (2025) เล่าเรื่องของ Frank Drebin Jr. ตำรวจสุดบ๊องที่สืบทอดมาจากพ่อของเขาในซีรีส์ดั้งเดิม เขาต้องเข้าไปพัวพันกับแผนร้ายของนักประดิษฐ์บ้าอำนาจที่อยากพลิกโฉมโลกด้วยเทคโนโลยีสุดเพี้ยน เรื่องราวเริ่มต้นจากหน่วยตำรวจ Police Squad ที่ใกล้จะถูกปิดตัว Frank จึงต้องพิสูจน์ตัวเองด้วยการสืบคดีใหญ่โต แต่แทนที่จะจริงจัง มันกลับเต็มไปด้วยความวุ่นวายแบบ slapstick เช่น การทะเลาะวิวาทที่แขนหลุดออกมาใช้เป็นอาวุธ หรือมุกเล่นคำเกี่ยวกับอุปกรณ์ PLOT device ที่ชวนหัวเราะ หนังใช้เวลาแค่ 85 นาที แต่ยิงมุกไม่ยั้ง ตั้งแต่พื้นหลังที่มีกิมมิคตลกๆ อย่างรูปปั้นบีเวอร์ ไปจนถึงฉากตำรวจจับเด็กขายน้ำมะนาวผิดกฎหมาย

สิ่งที่ทำให้เรื่องราวน่าประทับใจคือการไม่ดูถูกต้นฉบับ แต่กลับยกย่องมันด้วยการนำมุกเก่ามาปรับใหม่ให้เข้ากับยุคสมัย Liam Neeson เล่นบทนี้ได้อย่างจริงจัง แต่พอเจอมุกโง่ๆ มันยิ่งฮาเข้าไปใหญ่ เหมือนกับการเอาสิงโตดุร้ายมาเลี้ยงในบ้านตุ๊กตา หนังยังเสียดสีสังคมปัจจุบัน เช่น การวิจารณ์รถยนต์ไฟฟ้าหรือความอ่อนไหวของคนรุ่นใหม่ ทำให้มันไม่ใช่แค่หนังตลก แต่ยังชวนคิดนิดๆ ว่าถ้าเราได้เจอสถานการณ์บ้าๆ แบบนี้ เราจะหัวเราะหรือร้องไห้กันแน่

แม้เรื่องย่อจะเรียบง่าย แต่หนังใช้มันเป็นเวทีให้มุกฮาเปล่งประกาย มีทั้งมุกเล่นคำชาญฉลาด เช่น การเล่นกับคำว่า manslaughter ที่ทำให้เราหัวเราะลั่น และมุกหยาบคายนิดๆ อย่างฉากห้องน้ำที่ชวนขำกลิ้ง อย่างไรก็ตาม บางมุกก็ยืมมาจากหนังเรื่องอื่น เช่น การใช้แว่นตาความร้อนจาก Austin Powers หรือท่ากังฟูจาก The Matrix ซึ่งอาจทำให้รู้สึกคุ้นเคยเกินไป แต่ด้วยจำนวนมุกที่เยอะแยะ เราก็ยังหัวเราะได้ไม่ขาดสาย

สไตล์ของ The Naked Gun (2025) ไม่ได้เน้นความหรูหราแบบหนังบล็อกบัสเตอร์ แต่เลือกใช้การถ่ายทำที่เรียบง่ายแต่เต็มเปี่ยมด้วยพลัง กล้องหมุนวนรอบตัวละครเพื่อขับเน้นความบ้าคลั่ง เช่น ฉากต่อสู้ที่ดูจริงจังแต่จบด้วยแขนหลุด ซึ่งทำให้เรารู้สึกเหมือนกำลังดูหนังแอ็กชันจริงๆ ก่อนจะหัวเราะออกมา Akiva Schaffer ผู้กำกับหน้าใหม่ในแฟรนไชส์นี้ นำเสนอภาพที่สดใสและเส้นสายที่ละเอียดอ่อน สะท้อนถึงยุค 80 ได้อย่างสมจริง โดยเฉพาะฉากในสถานีตำรวจเก่าๆ ที่เต็มไปด้วยกิมมิคตลก

Schaffer ใช้ความสามารถในการเล่าเรื่องผ่านช่วงเวลาเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยความหมาย ฉากที่ Frank ร้องเพลง Stand by Me กับทีมงานเป็นโมเมนต์ที่ทั้งสวยงามและฮาแตก มันเหมือนภาพวาดเรียบง่ายแต่เต็มเปี่ยมด้วยอารมณ์ การกำกับของเขาทำให้ทุกฉากรู้สึกใกล้ชิดและเป็นส่วนตัว ราวกับเรากำลังนั่งดูชีวิตของเพื่อนสนิทที่กำลังเจอเรื่องบ้าๆ

หนังยังมีองค์ประกอบภาพที่ทันสมัย เช่น การใช้ CGI สำหรับมุกแปลกๆ อย่างหุ่นเชิดที่ดูจงใจให้ตลก ซึ่งช่วยเสริมให้มุกเก่าดูสดใหม่ แม้บางคนอาจบอกว่ามันไม่เหนือกว่าต้นฉบับ แต่ด้วยคะแนน Rotten Tomatoes 90% และ Metacritic 75 คะแนน มันพิสูจน์แล้วว่ายังคงฮาได้ในปี 2025

The Naked Gun (มือปราบปืนเปลือย)

หนึ่งในประเด็นหลักของ The Naked Gun (2025) คือการเสียดสีภาพยนตร์ตำรวจและสังคมปัจจุบัน Frank ถูกชักจูงโดยความดื้อรั้นและทัศนคติเก่าๆ จนทำให้เขาต้องสูญเสียโอกาสมากมาย หนังค่อยๆ เผยให้เห็นว่าชีวิตของเขาในโลกที่เปลี่ยนไปเป็นยังไง และคำถามที่ว่า “เรายังมีโอกาสเริ่มใหม่ไหม?” กลายเป็นหัวใจของเรื่องราว

สิ่งที่ทำให้หนังไม่จมลงในความซ้ำซากคือการเล่าเรื่องที่สมเหตุสมผลและเป็นธรรมชาติ อารมณ์ที่เรารู้สึกไม่ใช่การถูกบังคับ แต่มาจากความผูกพันกับตัวละคร เราจะรู้สึกเหมือนกำลังเดินทางไปกับ Frank และหวังว่าเขาจะพบทางออกในตอนท้าย

หนังจบด้วยการหักมุมที่ชวนลุ้น ว่าตำรวจสุดเพี้ยนจะปกป้องโลกได้ไหม แม้บางส่วนอาจดูเกินจริง แต่ด้วยการเล่าเรื่องที่สมดุล มันจบลงอย่างน่าพอใจ การพัฒนาตัวละครของ Frank แสดงให้เห็นว่าเขาสามารถเปลี่ยนแปลงได้ แม้จะสายไปก็ตาม มันทิ้งคำถามให้เราคิดต่อ: ถ้าเราได้โอกาสครั้งที่สอง เราจะทำยังไง?

The Naked Gun (2025) ไม่ใช่แค่หนังตลกธรรมดา แต่เป็นเรื่องราวที่พูดถึง ความบ้าคลั่งของชีวิต ความหวัง และการหัวเราะให้กับความผิดพลาด ผ่านตัวละครอย่าง Frank ที่ต้องเผชิญหน้ากับความโง่เขลาในตัวเอง หนังถ่ายทอดความรู้สึกที่ลึกซึ้งโดยไม่ต้องพึ่งดราม่าหนักๆ สไตล์การกำกับที่ละเอียดอ่อนของ Akiva Schaffer ทำให้ทุกโมเมนต์น่าจดจำ

ถ้าเรากำลังมองหาหนังที่ทั้งฮาและสดชื่น The Naked Gun คือคำตอบ เราอาจหัวเราะจนน้ำตาไหล แต่ก็ยิ้มได้เมื่อจบ ลองหาเวลาดู แล้วมาคุยกันในคอมเมนต์ว่าเรารู้สึกยังไง! แชร์รีวิวนี้ให้เพื่อนๆ ที่รัก หนังตลก และอยากสัมผัสความบ้าคลั่งแบบคลาสสิก รับรองไม่มีผิดหวัง!

  • ชื่อเรื่องในภาษาไทย: มือปราบปืนเปลือย
  • ประเภท: คอมเมดี้, แอ็กชัน, เสียดสี
  • วันที่ออกฉาย: 1 สิงหาคม 2025
  • นักแสดงนำ: Liam Neeson, Pamela Anderson, Paul Walter Hauser, Kevin Durand
  • ผู้กำกับ: Akiva Schaffer
  • ความยาว: 85 นาที
  • เรตติ้ง Rotten Tomatoes: 90%
  • ช่องทางการดูในประเทศไทย: โรงภาพยนต์

กดเพื่ออ่านต่อ

PhiRa W.

เป็นนักเขียนอิสระที่หลงใหลในสื่อบันเทิงทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ซีรีส์ วาไรตี้ และสารคดี ผมชอบที่จะวิเคราะห์และถอดรหัสเนื้อหาเหล่านั้นออกมาในรูปแบบของรีวิวที่เข้าใจง่ายและสนุกสนาน เพื่อแบ่งปันมุมมองและประสบการณ์ให้กับผู้อ่าน

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button