รีวิวซีรีส์ฝรั่ง

[รีวิว-เรื่องย่อ] ปีกสังหาร | Butterfly (2025) ผีเสื้อที่ไร้ปีกในสายลมแห่งดราม่า

  • Butterfly เล่าเรื่องความสัมพันธ์พ่อลูกที่แตกหักและการพยายามเยียวยา ผ่านตัวละครรีเบคก้าและเดวิด
  • นักแสดงฝีมือดีช่วยยกระดับเรื่องราวที่บทอ่อนแอให้ดูน่าสนใจ
  • ฉากแอ็กชันและดราม่าขาดความลึก ทำให้ซีรีส์ไม่ถึงจุดที่ควร
  • ตอนจบแบบลุ้นระทึก รู้สึกไม่สมบูรณ์ เหมือนตั้งใจปูทางไปสู่ซีซันต่อไป

เคยสงสัยไหมว่า ถ้าคนที่เราคิดว่าตายไปแล้วกลับมามีชีวิต จะรู้สึกยังไง? ซีรีส์ Butterfly (2025) พาเราไปสำรวจคำถามนี้ผ่านเรื่องราวของ รีเบคก้า นักฆ่าสาวที่ต้องเผชิญหน้ากับพ่อที่หายไปนานถึงเก้าปี ซีรีส์นี้ผสมผสานความดราม่าของความสัมพันธ์ในครอบครัวเข้ากับฉากแอ็กชันสุดระทึก แต่ถึงจะมีนักแสดงที่ฝีมือเยี่ยมและพล็อตที่น่าสนใจ ทำไมมันถึงไม่สามารถบินได้สูงอย่างที่ควร? เรื่องราวที่ควรจะซึ้งและเข้มข้นกลับรู้สึกเหมือนขาดอะไรบางอย่างไป

Butterfly ไม่ใช่แค่เรื่องของการฆ่าหรือการหนีตาย แต่เป็นการเดินทางเพื่อเยียวยาความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูกสาว และความขัดแย้งระหว่างตัวละครอื่นๆ ที่มีปมในใจของตัวเอง ซีรีส์นี้มีศักยภาพที่จะกลายเป็นผลงานที่ทรงพลัง แต่ด้วยบทที่ไม่ลึกซึ้งและการเล่าเรื่องที่ขาดพลัง มันเลยกลายเป็นแค่ “ดูได้” แทนที่จะ “ต้องดู” ในบทความนี้ เราจะพาไปเจาะลึกว่า Butterfly (2025) มีอะไรน่าสนใจ และอะไรที่ทำให้มันยังไปไม่ถึงจุดหมาย พร้อมแล้ว มาดูกันว่าเรื่องนี้จะทำให้ใจเราสั่นไหวได้แค่ไหน!

Butterfly (ปีกสังหาร)

รีวิวและเรื่องย่อ Butterfly (ปีกสังหาร)

Butterfly (2025) เริ่มต้นด้วย รีเบคก้า (รับบทโดย เรน่า ฮาร์เดสตี้) นักฆ่าสาวที่ปลอมตัวเป็นหญิงท้องเพื่อเข้าใกล้เป้าหมายของเธอ หลังจากจัดการเป้าหมายเรียบร้อย เธอพยายามหนีออกจากตึกด้วยลิฟต์ แต่บอดี้การ์ดในลิฟต์ได้รับคำสั่งให้จับหญิงท้อง ทำให้เกิดการต่อสู้สุดระทึกในพื้นที่แคบๆ ระหว่างการต่อสู้ บอดี้การ์ดแทงเข้าที่ท้องของรีเบคก้า แต่พบว่า “ท้อง” ของเธอเป็นของปลอม! ฉากนี้เหมือนเป็นการปูทางให้เราเห็นความฉลาดและความโหดของรีเบคก้า แต่ก็แอบบอกใบ้ว่าซีรีส์นี้จะเล่นกับ “ภาพลวงตา” และความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน

ต่อมา เราได้พบกับ เดวิด (รับบทโดย แดเนียล เด คิม) ชายที่ปรากฏตัวพร้อมรถเข็นเด็กเพื่อขัดขวางคนที่กำลังไล่ล่ารีเบคก้า เมื่อรถของศัตรูชนรถเข็นเด็ก ทุกคนตกใจคิดว่าเด็กในรถเข็นจะเป็นอะไรไป แต่ปรากฏว่าเป็นแค่ตุ๊กตา! ฉากนี้ทั้งตื่นเต้นและตลก แต่ก็เริ่มสะท้อนถึงแก่นเรื่องของซีรีส์ นั่นคือความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่และลูก เรื่องราวเข้มข้นขึ้นเมื่อเราค้นพบว่าเดวิดคือพ่อของรีเบคก้าที่เธอคิดว่าตายไปแล้วเก้าปี ทำไมเขาถึงกลับมา? เขาหายไปไหนมา? และทำไมถึงทิ้งเธอไว้? คำถามเหล่านี้กลายเป็นหัวใจของเรื่องที่พาเราไปสำรวจความสัมพันธ์ที่แตกหักและการพยายามเยียวยามัน

ถ้าจะมีอะไรที่ทำให้ Butterfly ยังน่าดู ก็ต้องยกให้ทีมนักแสดงที่ทุ่มสุดตัว เรน่า ฮาร์เดสตี้ ในบทรีเบคก้าถ่ายทอดความแข็งแกร่งและความเปราะบางได้อย่างลงตัว เธอทำให้เราเชื่อว่ารีเบคก้าเป็นทั้งนักฆ่ามือฉมังและลูกสาวที่เจ็บปวดจากความสูญเสีย ในขณะที่ แดเนียล เด คิม ในบทเดวิดก็แสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพที่เยือกเย็นแต่ก็มีความรู้สึกผิดในใจ การแสดงของเขาทำให้ฉากที่เดวิดได้รับข่าวร้ายทางโทรศัพท์ในตลาดน่าจดจำ เขาแสดงความเสียใจเพียงไม่กี่วินาที ก่อนจะเปลี่ยนเป็นโหมดวางแผนหลบหนีได้อย่างแนบเนียน

นอกจากนี้ ไพเพอร์ เพอราโบ ในบทจูโน หัวหน้าของรีเบคก้า ก็เพิ่มมิติให้กับเรื่องด้วยความเป็นตัวละครที่มีทั้งความเข้มแข็งและปมในใจเกี่ยวกับลูกชายของเธอ โอลิเวอร์ (รับบทโดย หลุยส์ แลนเดา) ความสัมพันธ์ระหว่างจูโนและโอลิเวอร์ก็สะท้อนถึงความซับซ้อนของครอบครัวไม่ต่างจากรีเบคก้ากับเดวิด นักแสดงทุกคนพยายามเติมชีวิตให้ตัวละคร แต่บทที่ไม่ลึกพอทำให้ความสัมพันธ์เหล่านี้ไม่สามารถพุ่งถึงจุดที่ควรจะเป็น มันเหมือนเชฟที่เตรียมวัตถุดิบชั้นดีไว้ แต่ปรุงออกมาได้แค่รสชาติกลางๆ

ถึงแม้ว่า Butterfly จะมีพล็อตที่น่าสนใจและนักแสดงที่ยอดเยี่ยม แต่ซีรีส์นี้กลับไม่สามารถดึงศักยภาพของตัวเองออกมาได้เต็มที่ การกลับมาพบกันของรีเบคก้ากับเดวิดหลังจากเก้าปีควรจะเป็นโมเมนต์ที่สะเทือนใจ แต่บทสนทนาระหว่างทั้งคู่กลับวนเวียนอยู่กับเรื่องของภารกิจและพล็อต ไม่มีการพูดถึงความรู้สึกที่แท้จริงหรือการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของทั้งสองคน เช่น รีเบคก้ามีงานอดิเรกใหม่ๆ หรือเปล่า? เดวิดรู้สึกยังไงกับโลกที่เปลี่ยนไป? การขาดรายละเอียดเหล่านี้ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่รู้สึกตื้นเขิน

ฉากแอ็กชันในเรื่องก็ไม่ได้ช่วยให้เรื่องน่าตื่นเต้นมากขึ้น ทุกอย่างดูเหมือน “ทำหน้าที่ของมัน” แต่ขาดความสร้างสรรค์หรือพลังที่ทำให้คนดูต้องลุ้นตาม มันเหมือนกับการดูพนักงานออฟฟิศที่ทำงานไปตามหน้าที่โดยไม่มี passion ถึงแม้ว่าฉากที่เดวิดเจอกับญาติของเขาจะมีความตลกและบรรยากาศที่น่าสนใจ แต่โดยรวมแล้ว ซีรีส์นี้ไม่สามารถสร้างความรู้สึกตื่นเต้นหรือระทึกใจได้อย่างที่ควร

หนึ่งในสิ่งที่น่าผิดหวังที่สุดของ Butterfly คือการจัดการกับความขัดแย้งที่ควรจะเข้มข้น เช่น ความสัมพันธ์ระหว่างรีเบคก้ากับจูโนที่เหมือนแม่ลูก แต่เมื่อถึงจุดที่ควรจะระเบิดอารมณ์ กลับกลายเป็นว่าความขัดแย้งนั้นถูกทำให้เงียบลงและกลายเป็นแค่ข้ออ้างสำหรับการปูทางไปสู่ซีซันสอง ตอนจบของซีรีส์มาพร้อมกับ cliffhanger ที่รู้สึกขาดความสมเหตุสมผลและเหมือนถูกยัดเยียดเข้ามา มันเหมือนกับการที่คุณสั่งอาหารจานโปรด แต่ร้านกลับเสิร์ฟมาแค่ครึ่งจาน

การเล่าเรื่องที่ไม่สมบูรณ์นี้ทำให้ Butterfly รู้สึกเหมือนเป็นแค่ “คอนเทนต์” ที่ถูกผลิตมาเพื่อเติมช่องว่างในแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง แทนที่จะเป็นเรื่องราวที่สมบูรณ์และน่าจดจำ ถึงแม้ว่านักแสดงจะพยายามอย่างเต็มที่ แต่บทที่ไม่แข็งแรงทำให้เรื่องราวไม่สามารถบินได้สูงอย่างที่ควร

Butterfly (2025) เป็นซีรีส์ที่เหมือนผีเสื้อที่ปีกยังไม่แข็งแรง มันมีศักยภาพที่จะสวยงามและทรงพลังด้วยเรื่องราวของ ความสัมพันธ์ในครอบครัว การไถ่บาป และฉากแอ็กชันที่ควรจะน่าตื่นเต้น นักแสดงอย่าง เรน่า ฮาร์เดสตี้ และ แดเนียล เด คิม เป็นจุดสว่างที่ทำให้ซีรีส์นี้ยังน่าดู แต่อย่างไรก็ตาม บทที่ขาดความลึกและการเล่าเรื่องที่ไม่ถึงจุดหมายทำให้มันกลายเป็นแค่ “ซีรีส์ที่โอเค” แทนที่จะเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยม

ถ้าเราชอบดราม่าครอบครัวผสมแอ็กชันและพร้อมจะมองข้ามจุดอ่อนของบท Butterfly ก็ยังเป็นตัวเลือกที่ดูได้เพลินๆ ลองให้โอกาสมันดูสักตอน แล้วมาคุยกันในคอมเมนต์ว่าเรารู้สึกยังไง! แชร์รีวิวนี้ให้เพื่อนๆ ที่รัก ซีรีส์ดราม่า และอยากรู้ว่า Butterfly จะทำให้ใจเราสั่นไหวได้แค่ไหน ไปดูกันเลย!

  • ชื่อเรื่องในภาษาไทย: ปีกสังหาร
  • ประเภท: ดราม่า, แอ็คชั่น, ลึกลับ
  • วันที่ออกอากาศ: 13 สิงหาคม 2025
  • นักแสดงนำ: เคน วู้ดรัฟฟ์, แดเนียล แด คิม, สเตฟ ชา, คิตาโอะ ซากุไร, จอห์น เชง, สตีเฟ่น คริสตี้, รอส ริชชี่, อราช อาเมล, ไดอาน่า ซัน, อดัม โยลิน, นิค ลอว์ส, โอเช รี้ด, เดฟ คาลสไตน์, เดนิส เธ, ไมเคิล รุสซิโอ, ซอนควอนฮวาง
  • ผู้กำกับ: คิตาโอะ ซากุไร, คิมจินมิน, ยานน์ เทอร์เนอร์
  • จำนวนตอน/ความยาว: 6 ตอน
  • ช่องทางการดูในประเทศไทย: Prime Video

กดเพื่ออ่านต่อ

PhiRa W.

เป็นนักเขียนอิสระที่หลงใหลในสื่อบันเทิงทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ซีรีส์ วาไรตี้ และสารคดี ผมชอบที่จะวิเคราะห์และถอดรหัสเนื้อหาเหล่านั้นออกมาในรูปแบบของรีวิวที่เข้าใจง่ายและสนุกสนาน เพื่อแบ่งปันมุมมองและประสบการณ์ให้กับผู้อ่าน

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button