![[รีวิว-เรื่องย่อ] อลิสในแดนมรณะ | Alice in Borderland ซีซั่น 3](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/09/Review-Alice-in-Borderland-Season-3.webp)
- Alice in Borderland ซีซั่น 3 สร้างจากเรื่องจริงของการเอาชีวิตรอดในโลกเกมสุดโหด ที่เต็มไปด้วยดราม่าและคำถามชีวิต
- การแสดงของนักแสดงนำอย่างเคนโตะ ยามาซากิและทาโอะ ซึชิยะยังคงโดดเด่น สื่ออารมณ์ความสิ้นหวังและความหวังได้อย่างเข้าถึง
- ซีรีส์สำรวจธีมการต่อสู้ดิ้นรนและความขัดแย้งระหว่างเหตุผลกับอารมณ์ในสถานการณ์วิกฤต
- ผู้กำกับชินตะ โชจิ นำเสนอเรื่องราวที่ตึงเครียด เต็มเปี่ยมด้วยการหักมุมและความรุนแรงทางจิตใจ
เคยฝันไหมว่าจะหลุดเข้าไปในโลกเกมที่ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย ทุกการตัดสินใจหมายถึงความเป็นความตาย? ซีรีส์ Alice in Borderland ซีซั่น 3 บน Netflix พาเราไปสัมผัสกับการกลับมาของอาริสึที่ต้องเผชิญหน้ากับแดนมรณะอีกครั้ง หลังจากคิดว่าทุกอย่างจบลงแล้วในซีซั่นที่แล้ว ซีซั่นนี้เล่าเรื่องการตามหาอุซากิที่หายตัวไป พร้อมกับคำถามใหญ่ที่ว่า เราจะเอาชนะอุปสรรคสุดท้ายเพื่อความสงบสุขได้จริงๆ เหรอ? ด้วยเกมที่โหดร้ายและการหักมุมที่ทำให้ใจเต้นรัว มันคือการผจญภัยที่เต็มไปด้วยดราม่าจิตวิทยา
เรื่องราวเริ่มต้นจากอาริสึที่ตื่นขึ้นในแดนมรณะอีกครั้ง โดยไม่รู้ว่าอุซากิถูกพาตัวไปไหน แต่สิ่งที่น่าหงุดหงิดที่สุดคืออุซากิที่ดูเหมือนไม่สนใจจะบอกความรู้สึกของตัวเองก่อนตัดสินใจใหญ่โต มันทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดูซ้ำซาก เหมือนพล็อตดราม่าที่เราเห็นบ่อยๆ ในซีรีส์ทั่วไป ซึ่งต่างจากสองซีซั่นก่อนที่ตัวละครทั้งคู่ฉลาดและมีเหตุผลมากกว่านี้ ซีซั่นนี้เลยรู้สึกว่าบางส่วนถูกบังคับเพื่อเดินเรื่อง ซึ่งทำให้เราอดถอนหายใจไม่ได้
ในบทความนี้ เราจะพาไปเจาะลึกทุกมุมของซีซั่น 3 ตั้งแต่จุดเด่นของเกม การแสดงของนักแสดง ไปจนถึงข้อเสียที่ทำให้ซีซั่นนี้ไม่เป๊ะเท่าที่ควร มาดูกันว่า Alice in Borderland ยังคงรักษาเสน่ห์เดิมไว้ได้แค่ไหน หรือมันจะกลายเป็นแค่ซีรีส์ทั่วไปที่เราดูผ่านๆ

รีวิวและเรื่องย่อ Alice in Borderland (อลิสในแดนมรณะ) ซีซั่น 3
Alice in Borderland ซีซั่น 3 เล่าเรื่องต่อจากซีซั่นที่แล้ว โดยอาริสึ (เคนโตะ ยามาซากิ) กลับมาที่แดนมรณะเพื่อตามหาอุซากิ (ทาโอะ ซึชิยะ) ที่ถูกมัตสึยามะพาตัวไป โลกเกมนี้ยังคงเต็มไปด้วยเกมสุดโหดที่ทดสอบทั้งสมองและจิตใจ แต่ซีซั่นนี้เพิ่มมิติใหม่ด้วยการเปิดเผยที่มาของแดนมรณะ ซึ่งน่าสนใจและทำให้เราอยากรู้ว่ามันคืออะไรกันแน่ เหมือนกับการไขปริศนาที่ค้างคาใจมาตั้งแต่ซีซั่นแรก
อย่างไรก็ตาม บางเกมรู้สึกซ้ำซากกับซีซั่นก่อนๆ ทำให้ความตื่นเต้นลดลง เช่น เกมที่ต้องใช้กลยุทธ์คล้ายๆ กัน แต่ก็มีเกมดีๆ ที่สนุกและทำให้เราลุ้นตัวโก่ง โดยเฉพาะฉากที่ตัวละครต้องเผชิญหน้ากับความกลัวส่วนตัว มันสะท้อนถึงชีวิตจริงที่เราต้องเลือกทางเดินในสถานการณ์คับขัน
การแสดงของนักแสดงนำยังคงเป็นจุดแข็ง เคนโตะ ยามาซากิถ่ายทอดความสิ้นหวังของอาริสึได้อย่างเข้าถึง ทำให้เรารู้สึกเอาใจช่วยตลอดเวลา แต่ส่วนที่น่าผิดหวังคือพัฒนาการของอุซากิที่ดูไม่สมเหตุสมผล เธอตามผู้ชายแปลกหน้าไปโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง ซึ่งขัดกับตัวละครที่เราเคยรู้จัก
จุดเด่นของซีซั่นนี้คือการเจาะลึกประเด็นจริยธรรมที่เราพบเจอในชีวิตประจำวัน เช่น การเลือกข้างระหว่างเหตุผลกับอารมณ์ หรือการเสียสละเพื่อคนที่รัก มันเหมือนกับการโยนคำถามให้เราว่า ถ้าเราอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น เราจะทำยังไง? การอธิบายที่มาของแดนมรณะก็น่าติดตาม ทำให้ซีรีส์ไม่ใช่แค่เกมฆ่าเวลา แต่เป็นบทเรียนชีวิตที่แฝงไว้อย่างแนบเนียน
นักแสดงสมทบก็ทำหน้าที่ได้ดี โดยเฉพาะตัวละครใหม่ที่เพิ่มความซับซ้อนให้เรื่องราว แต่การแสดงของทาโอะ ซึชิยะในบทอุซากิกลับรู้สึกแบนๆ เพราะพล็อตบังคับให้เธอทำอะไรที่ไม่เมคเซนส์ เช่น การลืมเป้าหมายเดิมทันทีที่เจออาริสึ มันทำให้เราสงสัยว่าตัวละครนี้เปลี่ยนไปยังไง
รวมๆ แล้ว การแสดงโดยรวมยังคงยอดเยี่ยม แต่บางส่วนรู้สึกถูกยัดเยียดเพื่อเดินเรื่อง ซึ่งลดเสน่ห์ที่ซีรีส์เคยมีในซีซั่นก่อนๆ ลงไป

จุดด้อยใหญ่คือพัฒนาการตัวละคร โดยเฉพาะความสัมพันธ์ของอาริสึกับอุซากิที่ทำให้เราอยากกลอกตา มันเหมือนกับซีรีส์รักน้ำเน่าที่ผสมเข้ากับเกมเอาชีวิตรอด ซึ่งไม่เข้ากันเลย และบางคำถามที่ยกขึ้นมาก็ไม่ได้รับคำตอบ ทำให้เรื่องราวรู้สึกค้างคาแบบไม่น่าพอใจ
ตอนจบยิ่งแย่ เพราะจบด้วยคลิฟแฮงเกอร์ที่ดูไร้เหตุผล เหมือนโยนอะไรใหม่ๆ เข้ามาเพื่อเรียกความสนใจ แต่กลับทำให้ทุกอย่างดูยุ่งเหยิง เหมือนกับการเล่นเกมที่ใกล้ชนะแต่จู่ๆ ก็รีเซ็ตใหม่โดยไม่มีเหตุผล มันทำให้เรารู้สึกว่าซีซั่นนี้ไม่สมบูรณ์
โดยรวม เกมบางเกมยังสนุก แต่หลายอย่างรู้สึกซ้ำและไม่สดใหม่ ทำให้ซีซั่น 3 ไม่เปรี้ยงเท่าที่ควร

ธีมหลักของซีซั่นนี้คือการต่อสู้กับตัวเองและสังคมในโลกที่ไร้กฎเกณฑ์ มันถามเราว่า ความสงบสุขจริงๆ คืออะไร? การกำกับของชินตะ โชจิยังคงตึงเครียด สร้างบรรยากาศที่ทำให้เราลุ้นตลอดเวลา เหมือนกับการนั่งรถไฟตีลังกาที่ไม่รู้จะจบยังไง
เสียงประกอบและภาพก็ช่วยเสริมให้เรื่องราวน่าติดตาม โดยเฉพาะฉากเกมที่ถ่ายทำได้สมจริง แต่บางส่วนรู้สึกยืดเยื้อ ทำให้ความเข้มข้นลดลง บทภาพยนตร์มีหักมุมดีๆ แต่ตอนจบทำให้ทุกอย่างดูไม่ลงตัว เหมือนปริศนาที่แก้ไม่เสร็จ
Alice in Borderland ซีซั่น 3 ทำให้เราตั้งคำถามกับการตัดสินใจในชีวิต แม้จะมีจุดด้อยเรื่องพัฒนาการตัวละครและตอนจบที่งงๆ แต่เกมและธีมลึกซึ้งยังคงทำให้มันน่าดูสำหรับแฟนๆ ซีรีส์นี้แสดงให้เห็นว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่โลกภายนอก แต่อยู่ที่ ธรรมชาติของมนุษย์ ที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง แม้จะพยายามสร้างสวรรค์แค่ไหนก็ตาม
สำหรับใครที่ชอบ ซีรีส์ดราม่าจิตวิทยา และเกมเอาชีวิตรอด Alice in Borderland ซีซั่น 3 ยังคงมีเสน่ห์พอให้ติดตาม แต่ถ้าคาดหวังความสมบูรณ์แบบเหมือนสองซีซั่นก่อน อาจผิดหวังนิดๆ มาแชร์ความเห็นกันในคอมเมนต์ว่าซีซั่นนี้ทำให้เราคิดยังไงเกี่ยวกับการเอาชีวิตรอด และอย่าลืมแชร์รีวิวนี้ให้เพื่อนๆ ที่เป็นแฟนซีรีส์แนวนี้!
- ชื่อเรื่องในภาษาไทย: อลิสในแดนมรณะ ซีซั่น 3
- ประเภท: ดราม่า, ระทึกขวัญ, เอาชีวิตรอด
- วันที่ออกฉาย: 25 กันยายน 2568
- นักแสดงนำ: เคนโตะ ยามาซากิ (Kento Yamazaki), ทาโอะ ซึชิยะ (Tao Tsuchiya), และนักแสดงสมทบ
- ผู้กำกับ: ชินตะ โชจิ (Shinsuke Sato)
- ความยาว: 6 ตอน
- เรตติ้ง IMDb: 7.8/10
- ช่องทางการดูในประเทศไทย: Netflix