![[รีวิว-เรื่องย่อ] Harbin (2024) หนังดราม่าประวัติศาสตร์เกาหลี](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/09/Review-Harbin-2024.webp)
- Harbin เป็นหนังที่สร้างจากเรื่องจริงในปี 1909 เกี่ยวกับการต่อสู้ของนักรบเกาหลีที่สิ้นหวังในการหาชัยชนะเพื่อเพื่อนร่วมชาติ
- การแสดงของฮยอนบินในบทอันจุงกึนโดดเด่น แสดงถึงความทุกข์ทรมานภายในและความมุ่งมั่นที่ทำให้คนดูอินตาม
- หนังสำรวจธีมความรักชาติและความขัดแย้งภายในจิตใจมนุษย์ ท่ามกลางฉากหลังสงครามและการกดขี่
- ผู้กำกับอูมินโฮนำเสนอเรื่องราวที่เต็มไปด้วยภาพสวยงามแต่ขาดความตื่นเต้นในบางจุด ทำให้รู้สึกเหมือนพลาดโอกาสที่จะเป็นมหากาพย์ยิ่งใหญ่
เราเคยคิดไหมว่าการต่อสู้เพื่อชาติจะโหดร้ายขนาดไหน ถ้าต้องแลกด้วยชีวิตเพื่อนพ้องและความรู้สึกผิดในใจ? หนัง Harbin (2024) ของผู้กำกับ อูมินโฮ (Woo Min-ho) พาเราไปสัมผัสเรื่องจริงจากปี 1909 ที่ชาวเกาหลีต้องเผชิญกับการยึดครองจากญี่ปุ่น ผ่านตัวละครหลักอย่าง อันจุงกึน แสดงโดย ฮยอนบิน (Hyun Bin) นักรบที่สิ้นหวังและวางแผนลอบสังหาร อิโต ฮิโระบูมิ นายกฯ ญี่ปุ่น เพื่อให้การเสียสละของเพื่อนๆ มีความหมาย หนังเรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องฆ่าฟัน แต่เหมือนกระจกสะท้อนจิตใจมนุษย์ที่แตกสลายจากสงคราม
ลองนึกภาพสิ ถ้าเราเป็นนักรบที่เห็นเพื่อนตายต่อหน้า แล้วต้องตัดสินใจทำอะไรสุดโต่งเพื่อแก้แค้น? Harbin เปิดเรื่องด้วยฉากการรบที่ชุลมุน แต่กลับทำให้เราเห็นแรงผลักดันของอันจุงกึนที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและความมุ่งมั่น เขาร่วมมือกับทีมเล็กๆ เดินทางไปยัง ฮาร์บิน ในแมนจูเรีย เพื่อทำภารกิจที่เปลี่ยนประวัติศาสตร์ หนังจากผู้กำกับคนเดียวกับ The Man Standing Next คราวนี้เน้นไปที่นักต่อสู้ที่ใกล้สิ้นหวังมากกว่าสายลับเจ๋งๆ ทำให้รู้สึกเหมือนกำลังดูชีวิตจริงที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งภายใน
ในบทความนี้ เราจะพาไปเจาะลึกทุกมุมของ หนัง Harbin ตั้งแต่เรื่องย่อที่สร้างจากประวัติศาสตร์จริง การแสดงที่โดดเด่น ไปจนถึงจุดเด่นและจุดด้อยที่ทำให้หนังเรื่องนี้กลายเป็นหนังรักชาติที่ดูเพลินแต่ยังไม่สุดทาง มาดูกันว่า Harbin จะทำให้เราคิดยังไงเกี่ยวกับการต่อสู้เพื่ออิสรภาพในยุคที่โลกเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน
รีวิวและเรื่องย่อ Harbin
Harbin เล่าเรื่องในปี 1909 ช่วงที่เกาหลีถูกญี่ปุ่นยึดครองอย่างหนัก อันจุงกึน แสดงโดย ฮยอนบิน (Hyun Bin) เป็นนักรบต่อต้านที่เห็นเพื่อนๆ ล้มตายในสนามรบ ทำให้เขารู้สึกผิดและตัดสินใจวางแผนลอบสังหาร อิโต ฮิโระบูมิ อดีตผู้ว่าการเกาหลีและนายกฯ ญี่ปุ่น เพื่อเป็นการแก้แค้นและให้การเสียสละของเพื่อนมีค่า ด้วยทีมเล็กๆ เขาต้องเดินทางไปยัง ฮาร์บิน ในแมนจูเรีย เพื่อทำภารกิจให้สำเร็จก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกิน
หนังเปิดด้วยฉากรบที่ดูวุ่นวายหน่อย แต่จุดนี้เองที่ทำให้เราเห็นว่าทำไมอันจุงกึนถึงกลายเป็นคนที่หมกมุ่นกับการแก้แค้น และทำไมนายทหารญี่ปุ่นอย่าง ทัตสึโอะ โมริ แสดงโดย พัคฮุน (Park Hoon) ถึงไล่ล่าเขาอย่างไม่ลดละ เรื่องจริงจากประวัติศาสตร์ทำให้ตอนจบไม่เซอร์ไพรส์ แต่หนังเลือกโฟกัสไปที่แรงจูงใจภายในของตัวละคร ทำให้รู้สึกเหมือนกำลังดูชีวิตจริงที่เต็มไปด้วยความทุกข์ทรมานทางใจ
แม้จะเป็นหนังประวัติศาสตร์ แต่ Harbin ดูเหมือนจะสนใจความขัดแย้งภายในตัวละครมากกว่าฉากแอคชั่นใหญ่โต ซึ่งทำให้พล็อตบางจุดขาดความเข้มข้นและทำให้ฉากที่ควรตื่นเต้นดูจืดลง แต่ผู้กำกับก็ชดเชยด้วยภาพสวยๆ อย่างฉากทะเลทรายหรือหิมะที่ดูอลังการ เหมือนกำลังดูโปสเตอร์เคลื่อนไหว หนังเรื่องนี้เหมือนแก้วน้ำที่เต็มครึ่ง มีจุดดีแต่ยังไม่เต็มแก้ว
ฮยอนบิน (Hyun Bin) ในบทอันจุงกึนทำได้ดีมาก เขาถ่ายทอดความทุกข์ภายในและความมุ่งมั่นได้อย่างน่าเชื่อ ทำให้เราอินกับตัวละครที่ต้องแบกความรู้สึกผิดจากสงคราม ฉากที่เขาคิดถึงเพื่อนๆ ที่ตายไป เหมือนกำลังดูคนจริงๆ ที่กำลังแตกสลายแต่ยังกัดฟันสู้ต่อ การแสดงของเขาทำให้หนังเรื่องนี้มีน้ำหนักมากขึ้น แม้พล็อตจะไม่ค่อยตื่นเต้น
พัคฮุน (Park Hoon) ในบททัตสึโอะ โมริ ก็ไม่น้อยหน้า เขาเล่นเป็นนายทหารญี่ปุ่นที่หมกมุ่นกับการไล่ล่าอย่างน่ากลัว ทำให้เราเห็นมุมมองของฝั่งตรงข้ามที่ไม่ใช่แค่ตัวร้ายธรรมดา แต่เป็นคนที่มีเหตุผลของตัวเอง การปะทะกันระหว่างสองตัวละครนี้เหมือนแมวไล่หนูที่ทำให้หนังมีแรงดึงดูด
นอกจากนี้ จอนยอบิน (Jeon Yeo-been) ในบทอื่นๆ ก็เด่นด้วยชุดสวยๆ ที่ทำให้ฉากดูมีสีสัน การแสดงของเธอช่วยเติมเต็มหนังที่เน้นความรักชาติ แต่รวมๆ แล้วนักแสดงทั้งหมดทำให้ Harbin ดูเพลิน แม้จะขาดความซับซ้อนในบท
หนังเรื่องนี้ดูเหมือนจะอยากเป็นมหากาพย์ประวัติศาสตร์ แต่กลับโฟกัสไปที่ความขัดแย้งภายในมากเกิน ทำให้ฉากตื่นเต้นน้อยและพล็อตดูไม่ค่อยมีโมเมนตัม เหมือนรถที่วิ่งเร็วแต่เบรกบ่อยๆ เปิดเรื่องอย่างสับสนวุ่นวายทำให้คนดูรู้สึกงง และบางส่วนควรปรับบทให้ชัดกว่านี้เพื่อให้ไหลลื่น
ถึงจะเป็นหนังรักชาติแต่ Harbin รู้สึกเหมือนพลาดโอกาสที่จะลึกซึ้งกว่านี้ เหมือนมี hint ว่าจะไปไกลแต่หยุดแค่ผิวเผิน ถ้าเทียบกับ The Age of Shadows ที่เป็นหนังต่อต้านญี่ปุ่นเหมือนกัน เรื่องนั้นทำได้ดีกว่าในแง่ความตื่นเต้นและพล็อตที่แน่นกว่า แต่ Harbin ยังมีจุดดีตรงภาพสวยและการแสดงที่ช่วยให้ดูสนุก
โดยรวมแล้ว Harbin เป็นหนังที่ทำให้เราคิดถึงการต่อสู้เพื่อชาติ แต่ยังไม่สุดทางในหลายจุด ทำให้รู้สึกเหมือนกินข้าวที่อร่อยแต่ไม่เต็มอิ่ม
Harbin (2024) ทำให้เราตั้งคำถามว่าการเสียสละเพื่อชาติคุ้มค่าขนาดไหน หนังเรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าปัญหาไม่ได้อยู่แค่สงครามภายนอก แต่คือความขัดแย้งในใจมนุษย์ที่ทำให้ทุกอย่างพังทลาย แม้จะอยู่ในยุคที่เต็มไปด้วยการกดขี่ แต่เมื่อไม่มีชัยชนะ ความสิ้นหวังก็กลายเป็นแรงผลักดันที่อันตราย หนังเน้นไปที่แรงจูงใจของอันจุงกึนและทีม ทำให้เราเห็นว่าความรักชาติสามารถเปลี่ยนคนธรรมดาให้กลายเป็นวีรบุรุษได้ยังไง
ถ้าเราเป็นคอหนังประวัติศาสตร์หรือชอบเรื่องราวการต่อสู้เพื่ออิสรภาพ Harbin เป็นตัวเลือกที่ไม่เลว ด้วยภาพสวยและการแสดงเด่น แต่ถ้าอยากได้อะไรที่ตื่นเต้นกว่านี้ ลองไปดูเรื่องอื่นแทน หนังเรื่องนี้เพิ่งคว้ารางวัล Best Film จาก Baeksang Arts Awards ครั้งที่ 61 ด้วยนะ ทำให้รู้ว่ามันมีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง
มาแชร์กันในคอมเมนต์สิว่า หนัง Harbin ทำให้เราคิดยังไงเกี่ยวกับนักรบในประวัติศาสตร์? ชอบจุดไหนหรืออยากให้ปรับอะไร? และอย่าลืมแชร์รีวิวนี้ให้เพื่อนๆ ที่ชอบหนังเกาหลีดราม่าเข้มๆ ดูกัน ถ้าอยากได้รีวิวหนังเรื่องอื่น บอกมาเลย เราพร้อมพาไปสำรวจ!
- ประเภท: ดราม่า, ประวัติศาสตร์, ระทึกขวัญ
- วันที่ออกฉาย: 25 ธันวาคม 2567
- นักแสดงนำ: ฮยอนบิน (Hyun Bin), พัคฮุน (Park Hoon), จอนยอบิน (Jeon Yeo-been)
- ผู้กำกับ: อูมินโฮ (Woo Min-ho)
- ความยาว: 2 ชั่วโมง 2 นาที
- เรตติ้ง IMDb: 7.1/10