รีวิวหนังฝรั่ง

[รีวิว-เรื่องย่อ] Mission: Impossible – Ghost Protocol (2011)

  • การแสดงของ Tom Cruise ในบท Ethan Hunt โดดเด่น ผสมความบ้าระห่ำกับความเป็นมนุษย์ได้อย่างสนุก
  • สำรวจธีมการทำงานเป็นทีมและการเอาชีวิตรอดในสถานการณ์วิกฤต
  • ผู้กำกับ Brad Bird นำเสนอเรื่องราวที่ผสมผสานความตื่นเต้นกับอารมณ์ขันอย่างกลมกลืน

เราเคยคิดไหมว่าถ้าต้องไปทำภารกิจลับที่เสี่ยงตายแบบไม่มีใครหนุนหลัง จะรู้สึกยังไง? หนัง Mission: Impossible – Ghost Protocol (2011) ของผู้กำกับ แบรด เบิร์ด (Brad Bird) พาเราไปสัมผัสกับโลกของสายลับที่ทุกอย่างพลิกผัน เริ่มจาก Ethan Hunt ถูกปล่อยจากคุกเพื่อหยุดผู้ก่อการร้าย แต่แผนล้มเหลวระเบิด Kremlin จนรัฐบาลสหรัฐเปิด Ghost Protocol ทิ้งทีมให้ลุยเดี่ยว หนังเรื่องนี้ดึงเอาเสน่ห์จากซีรีส์ดั้งเดิมที่เน้นการแทรกซึมและหลอกล่อศัตรู มาผสมกับแอ็คชั่นสมัยใหม่ที่ทำให้ใจเต้นรัว

เรื่องราวหมุนรอบ Ethan และทีมที่ต้องหยุด “Cobalt” ผู้ก่อการร้ายที่อยากจุดชนวนสงครามนิวเคลียร์ทั่วโลก แต่ละฉากเต็มไปด้วยความพลิกผัน เหมือนเล่นเกมที่แผนทุกอย่างพังไม่เป็นท่า แต่พวกเขาก็ไม่ยอมแพ้ หนังเรื่องนี้ไม่ใช่แค่ยิงกันมันส์ๆ แต่ยังมีเรื่องราวที่ทำให้ตัวละครดูเป็นคนจริงๆ ไม่ใช่ฮีโร่ไร้ที่ติ เราได้เห็นทีมที่หลากหลาย ผสมอารมณ์ขันและความตึงเครียดเข้าด้วยกันอย่างลงตัว

ในบทความนี้ เราจะพาไปเจาะลึกทุกมุมของ หนังเรื่องนี้ ตั้งแต่การแสดงที่เด่นๆ ไปจนถึงฉากแอ็คชั่นที่ทำให้ตื่นเต้นไม่หยุด มาดูกันว่า Mission: Impossible – Ghost Protocol เปลี่ยนแฟรนไชส์นี้ให้กลายเป็นตำนานยังไง และทำไมมันถึงเป็นจุดเริ่มต้นที่แท้จริงของซีรีส์นี้สำหรับหลายๆ คน

รีวิวและเรื่องย่อ Mission: Impossible – ปฏิบัติการไร้เงา

หนัง Mission: Impossible – Ghost Protocol เริ่มต้นด้วย Ethan Hunt (Tom Cruise) ถูกช่วยออกจากคุกในรัสเซียเพื่อทำภารกิจแทรกซึม Kremlin หยุดผู้ก่อการร้าย แต่แผนพังเพราะระเบิดทำลายสถานที่สำคัญ รัฐบาลสหรัฐเลยเปิด Ghost Protocol ทำให้ทีม IMF ถูกทิ้งให้ลุยเดี่ยวโดยไม่มีแบ็คอัพ Ethan ต้องรวบรวมทีมเพื่อไล่ล่า “Cobalt” (Michael Nyqvist) ที่วางแผนจุดชนวนสงครามนิวเคลียร์ เรื่องราวเต็มไปด้วยการไล่ล่าข้ามประเทศ จากมอสโกไปดูไบและมุมไบ แต่ละฉากออกแบบมาให้ตื่นเต้น เหมือนนั่งรถไฟตีลังกาที่หยุดไม่ได้

ทีมของ Ethan ประกอบด้วย Benji Dunn (Simon Pegg) ช่างเทคนิคที่ก้าวขึ้นมาเป็นเอเจนต์ภาคสนาม เพิ่มอารมณ์ขันให้หนัง Jane Carter (Paula Patton) สายลับสาวที่แสวงหาการแก้แค้น และ William Brandt (Jeremy Renner) นักวิเคราะห์ที่มีความลับซ่อนอยู่ หนังเรื่องนี้กลับไปสู่รากเหง้าของซีรีส์ที่เน้นการปลอมตัวและกลลวง เหมือนตอนเด็กๆ เราดูซีรีส์เก่าๆ ที่ทุกตอนเป็นแผนโจรกรรมสุดฉลาด แต่ปรับให้เข้ากับยุคนี้ด้วยสตันท์ใหญ่โต

หนังกำกับโดย แบรด เบิร์ด ผู้กำกับแอนิเมชันชื่อดังที่หันมาทำหนังไลฟ์แอ็คชั่นเรื่องแรก เขาฉีดอารมณ์ขันและความตึงเครียดเข้าไปอย่างกลมกลืน ทำให้หนังไม่ใช่แค่แอ็คชั่นล้วนๆ แต่มีเรื่องราวที่ทำให้เราอินกับตัวละคร ฉากไล่ล่าที่ Burj Khalifa ในดูไบกลายเป็นไฮไลต์ที่ทุกคนพูดถึง เพราะ Tom Cruise ปีนตึกจริงๆ โดยไม่ใช้สตันท์แมน มันเหมือนการท้าทายขีดจำกัดของมนุษย์ที่ทำให้หนังเรื่องนี้กลายเป็นตำนาน

Tom Cruise ในบท Ethan Hunt แสดงให้เห็นถึงความบ้าระห่ำแต่ยังมีมุมมนุษย์ เขาไม่ใช่ฮีโร่ไร้ที่ติ แต่เป็นคนที่รู้ว่าภารกิจแต่ละอย่างมันบ้าแค่ไหน อย่างฉากปีนตึก Burj Khalifa เขาต้องยอมรับความเสี่ยง แต่ก็ทำมันเพื่อหยุดหายนะ การแสดงของ Cruise ทำให้ Ethan ดูเป็น reluctant hero ที่สนุกและน่าติดตาม เราเห็นเขาพัฒนาจากหนังเรื่องก่อนๆ กลายเป็นผู้นำทีมที่แท้จริง

Simon Pegg รับบท Benji Dunn เพิ่มสีสันด้วยอารมณ์ขันแบบเนิร์ดๆ เขาเปลี่ยนจากช่างเทคนิคในห้องแล็บมาเป็นเอเจนต์ภาคสนามที่ช่วยคิดแผนสุดเพี้ยน แต่ก็ทำให้ทีมรอดพ้นวิกฤต ความสัมพันธ์ระหว่าง Benji กับ Ethan เหมือนคู่หูที่ผลักดันกันไปข้างหน้า Pegg แสดงได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้หนังมีโมเมนต์ผ่อนคลายท่ามกลางความตึงเครียด

Jeremy Renner ในบท William Brandt และ Paula Patton ในบท Jane Carter ก็เด่นไม่แพ้กัน Renner นำเสนอมุมลึกลับของนักวิเคราะห์ที่ซ่อนความสามารถไว้ ส่วน Patton แสดงความแข็งแกร่งของผู้หญิงที่ต้องต่อสู้กับอดีต ทีมนี้ทำให้หนังเน้นการทำงานร่วมกัน ไม่ใช่โชว์เดี่ยวของ Cruise เท่านั้น มันเหมือนทีมฟุตบอลที่ทุกคนต้องเล่นเข้าขาเพื่อชนะ

ฉากแอ็คชั่นใน หนังเรื่องนี้ ยกระดับแฟรนไชส์ไปอีกขั้น โดยเฉพาะการปีน Burj Khalifa ที่ Tom Cruise ทำจริงๆ มันตื่นเต้นจนเราลุ้นตาม เหมือนดูคนเล่นเกมเอาชีวิตรอดในชีวิตจริง ผู้กำกับ Brad Bird ใช้เทคนิคจากแอนิเมชันมาทำให้ฉากเหล่านี้ไหลลื่นและน่าติดตาม หนังผสมความตึงเครียดกับอารมณ์ขันได้ดี ไม่ให้รู้สึกน่าเบื่อแม้แต่นาทีเดียว

แม้ฉากจบที่โรงจอดรถในมุมไบจะไม่เด่นเท่าดูไบ แต่ก็ยังสนุกและปิดเรื่องได้ลงตัว มันแสดงให้เห็นว่าทีมต้องร่วมมือกันถึงจะสำเร็จ การกำกับของ Bird ทำให้หนังมีจังหวะที่สมดุล เหมือนเพลงร็อคที่เร่งจังหวะแล้วผ่อนคลายสลับกัน บทภาพยนตร์เขียนโดย Josh Appelbaum และ André Nemec เน้นพล็อตที่รวดเร็วและพลิกผัน ทำให้เราคาดเดาไม่ได้

เสียงประกอบและการถ่ายภาพก็ช่วยเสริมบรรยากาศ อย่างเพลงธีมคลาสสิกที่กลับมาทำให้รู้สึก nostalgia การถ่ายทำในสถานที่จริงๆ ทั่วโลกเพิ่มความสมจริง เหมือนเราได้ไปผจญภัยด้วยตัวเอง Bird รู้วิธีฉีดฮิวเมอร์เข้าไปโดยไม่ฝืน ทำให้หนังเรื่องนี้กลายเป็นต้นแบบสำหรับภาคต่อๆ ไป

Mission: Impossible – Ghost Protocol (2011) เป็นหนังที่พลิกโฉมแฟรนไชส์ให้กลับมาสดใหม่และน่าติดตาม มันแสดงให้เห็นว่าการผสมผสานแอ็คชั่นใหญ่โตกับเรื่องราวที่ลึกซึ้งสามารถสร้างความบันเทิงระดับท็อปได้ หนังเรื่องนี้ไม่ใช่แค่ยิงกันมันส์ๆ แต่ยังสำรวจธีมการทำงานเป็นทีมและความบ้าระห่ำของมนุษย์ในสถานการณ์วิกฤต เราจะได้เห็นว่า Ethan Hunt และทีมของเขาเอาชนะอุปสรรคได้ยังไง แม้จะถูกทิ้งให้ลุยเดี่ยว

ถ้าเราเป็นแฟนหนังแอ็คชั่นสายลับ เรื่องนี้คือ must-watch ที่จะทำให้ติดใจซีรีส์นี้ไปตลอดกาล หนังเรื่องนี้พิสูจน์ว่าด้วยการกำกับที่ฉลาดและการแสดงที่ยอดเยี่ยม เราสามารถสร้างสวรรค์ของความตื่นเต้นได้แม้ในภารกิจที่เป็นไปไม่ได้ มาคอมเมนต์กันหน่อยว่าเราเคยดูหนังเรื่องนี้แล้วคิดยังไง? หรือชอบฉากไหนที่สุด? แชร์รีวิวนี้ให้เพื่อนๆ ที่ชอบหนังแนวนี้ แล้วไปดูซ้ำกันเถอะ รับรองสนุกทุกครั้ง!

  • ชื่อเรื่องในภาษาไทย: มิสชั่น: อิมพอสซิเบิ้ล – ปฏิบัติการไร้เงา
  • ประเภท: แอ็คชั่น, สายลับ, ระทึกขวัญ
  • วันที่ออกฉาย: 16 ธันวาคม 2554
  • นักแสดงนำ: ทอม ครูซ (Tom Cruise), เจเรมี เรนเนอร์ (Jeremy Renner), ไซมอน เพกก์ (Simon Pegg), พอลลา แพตตัน (Paula Patton)
  • ผู้กำกับ: แบรด เบิร์ด (Brad Bird)
  • ความยาว: 2 ชั่วโมง 13 นาที
  • เรตติ้ง IMDb: 7.4/10
  • ช่องทางการดูในประเทศไทย: Netflix, HBO MAX, MONOMAX

กดเพื่ออ่านต่อ

PhiRa W.

เป็นนักเขียนอิสระที่หลงใหลในสื่อบันเทิงทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ซีรีส์ วาไรตี้ และสารคดี ผมชอบที่จะวิเคราะห์และถอดรหัสเนื้อหาเหล่านั้นออกมาในรูปแบบของรีวิวที่เข้าใจง่ายและสนุกสนาน เพื่อแบ่งปันมุมมองและประสบการณ์ให้กับผู้อ่าน

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button