รีวิวซีรีส์ฝรั่ง

[รีวิว-เรื่องย่อ] แบล็กแรบบิท | Black Rabbit (2025)

  • Black Rabbit เป็นมินิซีรีส์ 8 ตอนที่สร้างจากเรื่องราวพี่น้องเจ้าของร้านอาหารในนิวยอร์กที่ถูกดึงเข้าสู่วงจรหนี้สินและความรุนแรงจากมาเฟีย
  • การแสดงของเจสัน เบตแมนในบทวินซ์ พี่ชายติดยาและหนี้พนัน ดูน่าเบื่อและไม่น่าเชื่อถือเท่าที่ควร แม้จะพยายามเล่นแบบตกอับ
  • ซีรีส์สำรวจธีมความสัมพันธ์พี่น้องที่พึ่งพากันแต่ก็ทำลายกันเอง ท่ามกลางการหลอกลวงและความผิดพลาดซ้ำซาก
  • ผู้เขียนบทแซค เบย์ลิน และเคท ซูซาน พยายามสร้างบรรยากาศมืดมน แต่กลับกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อและยืดเยื้อเกินไป

เคยดูซีรีส์อาชญากรรมที่ทำให้ใจเต้นรัวแบบ Ozark ไหม? ที่ตัวละครต้องดิ้นรนเอาตัวรอดจากความมืดมิด แต่ถ้าซีรีส์เรื่องนั้นกลายเป็นแค่ความทุกข์ทรมานที่ยืดยาวล่ะ? ซีรีส์ Black Rabbit (2025) บน Netflix พยายามเดินตามรอยความสำเร็จของเจสัน เบตแมน แต่กลับสะดุดขาตัวเองด้วยเรื่องราวที่เต็มไปด้วยตัวละครน่ารำคาญและพล็อตที่ไม่น่าติดตาม ซีรีส์นี้เล่าเรื่องพี่น้องสองคนที่ถูกดึงเข้าสู่วังวนหนี้สิน มาเฟีย และความลับในครอบครัว โดยมี จูด ลอว์ รับบทเจ้าของร้านอาหารหรูที่ต้องช่วยน้องชายตกอับ

เรื่องเริ่มต้นด้วยปาร์ตี้เปิดตัวร้าน Black Rabbit ในนิวยอร์ก ที่ดูหรูหราแต่กลับกลายเป็นฝันร้ายเมื่อมีโจรติดอาวุธบุกเข้ามา จากนั้นย้อนเวลาไปหนึ่งเดือนเพื่อเล่าถึงการกลับมาของวินซ์ น้องชาย (เจสัน เบตแมน) ที่หายตัวไปนานเพราะติดยาและหนี้พนันก้อนโต พี่น้องคู่นี้เคยผ่านความยากลำบากในวัยเด็กด้วยกัน จนประสบความสำเร็จจากการเป็นวงดนตรีกรันจ์ แต่ตอนนี้วินซ์กลับมาพร้อมปัญหาที่ลากพี่ชายลงเหวด้วย

ในรีวิวนี้ เราจะพาไปเจาะลึกทุกมุมของซีรีส์เรื่องนี้ ตั้งแต่การแสดงที่ควรจะเด่นแต่กลับแป้ก ไปจนถึงข้อบกพร่องในบทและการกำกับที่ทำให้เรื่องน่าเบื่อ มาดูกันว่า Black Rabbit จะทำให้เรารู้สึกยังไงกับเรื่องราวของพี่น้องที่พยายามสร้างชีวิตใหม่แต่กลับเจอแต่นรกบนดิน

Black Rabbit (แบล็กแรบบิท)

รีวิวและเรื่องย่อ Black Rabbit (แบล็กแรบบิท)

Black Rabbit เล่าเรื่องของ เจค ฟรีดคิน (จูด ลอว์) เจ้าของร้านอาหารหรูในนิวยอร์กที่กำลังจะเปิดตัวใหญ่โต แต่ชีวิตพลิกผันเมื่อ วินซ์ น้องชาย (เจสัน เบตแมน) กลับมาพร้อมหนี้พนันหกหลักจากมาเฟียท้องถิ่น (ทรอย คอตเซอร์) เจคที่เคยช่วยน้องชายมาตลอดตัดสินใจยื่นมืออีกครั้ง แต่กลับถูกดึงเข้าสู่วงจรหลอกลวง ข้อตกลงลับๆ และความรุนแรงที่คุกคามทุกอย่างที่เขาสร้างมา พี่น้องคู่นี้เคยผ่านบาดแผลในวัยเด็กด้วยกัน จนกลายเป็นวงดนตรีดัง แต่ยาเสพติดทำลายวินซ์จนหายตัวไปนานหลายปี

เรื่องราวเหมือนเกมแมวไล่จับหนูที่ตัวละครทำผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยไม่มีใครน่าชอบเลยสักคน ไม่ว่าจะเป็นเวส เพื่อนสนิทของเจค (โซเป ดีริซู) หรือเอสเทล คู่หมั้นของเวสที่มีใจให้เจค (คลีโอพัตรา โคลแมน) รวมถึงแอนนา บาร์เทนเดอร์เปราะบาง (แอ็บบี้ ลี) ซีรีส์พยายามสร้างความตึงเครียดผ่านการเงินของร้านอาหาร แต่กลับไม่น่าติดตามเท่า The Bear เพราะขาดความเข้มข้นและความน่าตื่นเต้น

การกำกับภาพและจังหวะเรื่องยิ่งทำให้แย่ลงไปอีก ด้วยแสงมืดๆ และมุมกล้องแปลกๆ ที่ดูน่าเบื่อแทนที่จะดึงดูด การตัดฉากแฟลชแบ็กโผล่มาผิดจังหวะทำให้เรื่องยืดเยื้อ แต่ละตอนยาวเกือบชั่วโมงเต็ม เหมือน Netflix พยายามยัดเยียดความทุกข์ให้คนดูจนอยากจะกดข้ามไปหาฉากรุนแรงต่อไป

การแสดงของ เจสัน เบตแมน ในบทวินซ์ดูเหมือนเล่นสบายๆ เหมือนใน Ozark แต่ที่นี่เขากลับดูเหมือนเด็กงอแงมากกว่านักเลงตกอับที่ควรจะน่าเชื่อถือ เบตแมนเต็มไปด้วยความโกรธและน้ำเสียงบ่นๆ แต่ไม่ทำให้เรารู้สึกเห็นใจหรือตื่นเต้นกับตัวละครเลยสักนิด เหมือนเขาเล่นแบบหลับตา แต่บทไม่ช่วยให้ตัวละครมีมิติมากพอ

จูด ลอว์ พยายามอย่างหนักกับสำเนียงอเมริกัน แต่กลับทำให้เสน่ห์ของเขาหายไปหมด เจคที่ควรจะดูโกรธเคืองอย่างชอบธรรมกลับกลายเป็นคนขี้บ่น ความสัมพันธ์พี่น้องที่เป็นแกนหลักของเรื่องดูมีประกายบ้างในบางฉาก แต่ต้องฝ่าความน่าเบื่อมากมายกว่าจะถึงจุดนั้น ลอว์และเบตแมนมีเคมีที่ดี แต่ซีรีส์ไม่ใช้ประโยชน์จากมันเต็มที่

นักแสดงสมทบอย่างทรอย คอตเซอร์ ในบทมาเฟียก็เด่นอยู่บ้าง แต่ตัวละครอื่นๆ ถูกทิ้งให้อยู่ในเส้นเรื่องย่อยที่ไม่มีค่า เหมือนซีรีส์พยายามยัดเยียดเรื่องราวมากเกินไปจนไม่มีใครน่าจดจำ

Black Rabbit (แบล็กแรบบิท)

บทของ แซค เบย์ลิน และเคท ซูซาน พยายามสร้างเรื่องราวแบบพี่น้องโคเอนแต่กลับกลายเป็นซุป Netflix ที่เต็มไปด้วยความผิดพลาดโง่ๆ และตัวละครไม่น่าชอบ เรื่องยืดเยื้อด้วยฉากที่ไม่จำเป็น เหมือนเล่นเกมโยนมันฝรั่งร้อนเรื่องการเงินของร้าน แต่ไม่ทำให้ตื่นเต้นเลยสักนิด

ซีรีส์สำรวจธีมการทำลายตัวเองและความสัมพันธ์ที่พึ่งพากัน แต่กลับทำให้คนดูหงุดหงิดแทนที่จะน่าติดตาม ถ้าโฟกัสมากกว่านี้ หรือใช้ฉากย่อยให้น้อยลง เรื่องอาจจะดีขึ้น แต่สุดท้ายมันกลายเป็นแค่การทรมาน 8 ชั่วโมงที่ไม่คุ้มค่า

การเปรียบเทียบกับเรื่องอื่นๆ อย่าง The Bear หรือหนังพี่น้องโคเอนทำให้เห็นชัดว่าซีรีส์ขาดเอกลักษณ์และความสนุก เหมือนพยายามมืดมนแต่กลายเป็นน่าเบื่อ

Black Rabbit (2025) ทำให้เราตั้งคำถามว่าซีรีส์อาชญากรรมมืดมนต้องน่าเบื่อขนาดนี้เหรอ? เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่พล็อต แต่คือตัวละครที่ไม่น่าติดตามและจังหวะเรื่องที่ยืดเยื้อ แม้จะมีนักแสดงดังแต่กลับไม่ช่วยให้เรื่องเด่นขึ้น ถ้าเราเปรียบเทียบกับ Ozark มันเหมือนเวอร์ชันที่ล้มเหลว

สำหรับใครที่ชอบ ซีรีส์ดราม่าอาชญากรรม แต่ไม่อยากเสียเวลา เรื่องนี้คงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด มันทำให้เราคิดถึงความสำคัญของตัวละครที่น่าชอบและพล็อตที่เข้มข้น มาแชร์ในคอมเมนต์กันว่าซีรีส์เรื่องนี้ทำให้เรารู้สึกยังไง และถ้าชอบรีวิวนี้ก็แชร์ให้เพื่อนๆ ที่เป็นแฟน Netflix หน่อยนะ!

  • ชื่อเรื่องในภาษาไทย: แบล็กแรบบิท
  • ประเภท: ดราม่า, อาชญากรรม, ระทึกขวัญ
  • วันที่ออกฉาย: 19 กันยายน 2568
  • นักแสดงนำ: เจสัน เบตแมน (Jason Bateman), จูด ลอว์ (Jude Law), ทรอย คอตเซอร์ (Troy Kotsur), โซเป ดีริซู (Sope Dirisu), คลีโอพัตรา โคลแมน (Cleopatra Coleman)
  • ผู้เขียนบท: แซค เบย์ลิน (Zach Baylin), เคท ซูซาน (Kate Susan)
  • จำนวนตอน: 8 ตอน
  • เรตติ้ง IMDb: 7.1/10
  • ช่องทางการดูในประเทศไทย: Netflix

กดเพื่ออ่านต่อ

PhiRa W.

เป็นนักเขียนอิสระที่หลงใหลในสื่อบันเทิงทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ซีรีส์ วาไรตี้ และสารคดี ผมชอบที่จะวิเคราะห์และถอดรหัสเนื้อหาเหล่านั้นออกมาในรูปแบบของรีวิวที่เข้าใจง่ายและสนุกสนาน เพื่อแบ่งปันมุมมองและประสบการณ์ให้กับผู้อ่าน

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button