รีวิวหนังฝรั่ง

[รีวิว-เรื่องย่อ] Bob Roberts (1992) หนังล้อเลียนการเมืองสุดแสบ

  • Bob Roberts เป็นหนังล้อเลียนจากเรื่องจริงในยุค 90s เกี่ยวกับนักร้องโฟล์กที่กลายเป็นนักการเมืองขวาจัดในเพนซิลเวเนีย
  • การแสดงของทิม ร็อบบินส์ในบทบ็อบโดดเด่นสุด แสดงความเจ้าเล่ห์และเสน่ห์แบบนักการเมืองได้อย่างน่าขนลุก
  • หนังสำรวจธีมการโกงการเมือง ความโลภ และการใช้สื่อบิดเบือนความจริง
  • ผู้กำกับทิม ร็อบบินส์นำเสนอเรื่องราวที่ตลกร้ายแต่ชวนคิดถึงการเมืองสมัยใหม่

เราเคยสงสัยกันไหมว่าการเมืองอเมริกามันบ้าคลั่งขนาดไหน? โดยเฉพาะตอนนี้ที่เห็นข่าวนักการเมืองแบบโดนัลด์ ทรัมป์โผล่มาทุกวัน หนัง Bob Roberts (1992) ของผู้กำกับ ทิม ร็อบบินส์ (Tim Robbins) พาเราไปดูการล้อเลียนแบบสุดแสบ เกี่ยวกับนักร้องโฟล์กอนุรักษ์นิยมที่ลงเล่นการเมือง เรื่องจริงจากยุค 90s ที่เกิดขึ้นในรัฐเพนซิลเวเนีย ประเทศอเมริกา มันเหมือนกระจกสะท้อนว่าทำไมการเมืองถึงกลายเป็นละครเวทีเต็มไปด้วยการโกงและภาพลวงตา

เรื่องราวเริ่มจาก บ็อบ โรเบิร์ตส์ แสดงโดย ทิม ร็อบบินส์ (Tim Robbins) เศรษฐีหนุ่มที่เล่นกีตาร์ร้องเพลงชาตินิยมต่อต้านฮิปปี้ แต่จริงๆ แล้วแคมเปญของเขาคือการตลาดล้วนๆ เต็มไปด้วยการเล่นสกปรก การโกง และการใช้สื่อบิดเบือน เขาแข่งกับสมาชิกวุฒิสภาอย่างบริคคลีย์ เพสต์ (Gore Vidal) แต่บ็อบมีเสน่ห์แบบนักธุรกิจที่ทำให้คนหลงเชื่อ เมื่อนักข่าวอย่างบักส์ แรพลิน (Giancarlo Esposito) พยายามขุดความจริง มันยิ่งเผยให้เห็นความมืดมนของระบบการเมือง

ในบทความนี้ เราจะพาไปเจาะลึกทุกมุมของหนังเรื่องนี้ ตั้งแต่การแสดงที่เด็ดดวง ไปจนถึงข้อความลึกซึ้งเกี่ยวกับธรรมชาติของมนุษย์และการเมืองที่หนังอยากบอก มาดูกันว่า Bob Roberts จะทำให้เราตั้งคำถามกับการเมืองสมัยนี้ได้ยังไง เหมือนหนังทำนายอนาคตที่ตอนนี้กลายเป็นจริงไปแล้ว

รีวิวและเรื่องย่อ Bob Roberts

Bob Roberts เล่าเรื่องการหาเสียงเลือกตั้งวุฒิสมาชิกในเพนซิลเวเนีย ปี 1990 ผ่านมุมมองแบบสารคดีล้อเลียน บ็อบเป็นนักร้องโฟล์กที่ร่ำรวยจากธุรกิจ แต่เขาใช้เพลงของตัวเองโปรโมตแนวคิดอนุรักษ์นิยมสุดโต่ง เช่น ต่อต้านสวัสดิการรัฐและยกย่องทุนนิยมแบบสุดขีด กลุ่มของเขามีทั้งนักธุรกิจร่มๆ และอดีตเจ้าหน้าที่ซีไอเออย่างลูคัส ฮาร์ต (Alan Rickman) ที่ช่วยวางแผนการหาเสียงแบบสกปรก การถ่ายทำแบบสารคดีทำให้เราเห็นเบื้องหลังว่าการเมืองมันเหมือนเกมโกงที่ใครเจ้าเล่ห์กว่าก็ชนะ

กลุ่มตรงข้ามอย่างสมาชิกวุฒิสภาเพสต์เป็นตัวแทนของฝั่งเสรีนิยม แต่เขาดูเชยและไม่ดึงดูดเท่าบ็อบที่ใช้เพลงและสื่อโซเชียล (แบบยุคนั้น) สร้างภาพลักษณ์หนุ่มไฟแรง นักข่าวบักส์พยายามเปิดโปงว่าบ็อบเกี่ยวข้องกับการค้ายาและการโกง แต่ถูกกลั่นแกล้งจนกลายเป็นแพะรับบาป มันชวนคิดว่าการเมืองจริงๆ มันเหมือนละครที่คนดูถูกหลอกง่ายๆ เหมือนเราเล่นเกมออนไลน์แล้วเจอคนโกงระบบ

ตั้งแต่นั้นมา เรื่องยิ่งเข้มข้นเมื่อมีการลอบสังหารปลอมๆ เพื่อเรียกคะแนนสงสาร บ็อบชนะเลือกตั้งด้วยคะแนน 52% แต่หนังเผยว่าเขาหลอกทุกคนเรื่องอัมพาต มันสะท้อนว่าการเมืองอเมริกาเต็มไปด้วยการบิดเบือน เหมือนเพื่อนเราโพสต์เฟกนิวส์ในโซเชียลแล้วคนเชื่อหมด

ทิม ร็อบบินส์ (Tim Robbins) ในบทบ็อบ โรเบิร์ตส์ แสดงได้อย่างน่าประทับใจ เขาถ่ายทอดความเป็นนักการเมืองเจ้าเล่ห์ที่หลอกคนด้วยรอยยิ้มและเพลงโฟล์กได้เป๊ะ เหมือนเห็นนักการเมืองจริงๆ ที่ใช้เสน่ห์ปกปิดความโลภ เมื่อสถานการณ์บีบ บ็อบที่เคยร้องเพลงต่อต้านยาเสพติดกลับกลายเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายา การแสดงของร็อบบินส์ทำให้เราขนลุกว่ามนุษย์เปลี่ยนหน้าได้ขนาดไหนตอนอยากได้อำนาจ

กอร์ วิดัล (Gore Vidal) ในบทบริคคลีย์ เพสต์ แสดงได้น่าเชื่อถือในฐานะนักการเมืองเก่าที่พยายามต่อสู้กับระบบ แต่ดูเชยเมื่อเทียบกับบ็อบ วิดัลถ่ายทอดความขัดแย้งภายในของคนที่เห็นการเมืองเสื่อมโทรม มันชวนคิดว่าฝั่งดีๆ ทำไมถึงแพ้ฝั่งเจ้าเล่ห์เสมอ เหมือนในชีวิตจริงที่คนดีถูกกลั่นแกล้ง

จิอันคาร์โล เอสโปซิโต (Giancarlo Esposito) ในบทบักส์ แรพลิน ขโมยซีนทุกครั้งที่โผล่ เขาเป็นนักข่าวที่พยายามเปิดโปงความจริงแบบไม่ยอมแพ้ แต่สุดท้ายถูกสังหารโดยพวกฝ่ายขวาสุดโต่ง การแสดงของเอสโปซิโตแสดงให้เห็นความกล้าหาญของคนที่ต่อสู้กับระบบ เหมือนฮีโร่ในหนังที่แพ้เพราะโลกจริงมันโหดร้าย

ผู้กำกับ ทิม ร็อบบินส์ (Tim Robbins) ใช้รูปแบบสารคดีล้อเลียนเพื่อเปิดโปงความเน่าเฟะของการเมืองอเมริกา หนังสำรวจธีมการใช้สื่อบิดเบือน เหมือนตอนนี้ที่โซเชียลมีเดียทำให้ข่าวปลอมแพร่กระจายเร็ว การถ่ายภาพแสดงให้เห็นความแตกต่างระหว่างภาพลักษณ์กับความจริง เหมือนเราเห็นโพสต์สวยๆ ในไอจีแต่เบื้องหลังมันเละเทะ

เสียงประกอบและเพลงในหนังช่วยสร้างความตึงเครียด เพลงของบ็อบอย่าง “Times Are Changin’ Back” ล้อเลียนเพลงโฟล์กยุค 60s แต่พลิกมาโปรโมตแนวคิดขวาจัด มันชวนคิดว่าการเมืองสมัยใหม่ใช้ศิลปะเป็นเครื่องมือยังไง เหมือนนักร้องดังที่ใช้เพลงหาเสียง

บทหนังของร็อบบินส์ประกอบเรื่องราวเหมือนปริศนาที่ค่อยๆ เผย เหมือนเล่นเกมไขปริศนาแล้วเจอพล็อตทวิสต์ตอนจบ มันสะท้อนคำกล่าวว่าถ้ามีปืนในฉากแรก มันต้องยิงในฉากสุดท้าย

Bob Roberts (1992) เป็นหนังที่ทำให้เราตั้งคำถามกับการเมืองจริงๆ หนังแสดงว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่ระบบ แต่อยู่ที่ ธรรมชาติของมนุษย์ ที่เต็มไปด้วยความโลภและการโกง แม้จะอยู่ในสังคมที่ดูสมบูรณ์แบบ เมื่อไม่มีกฎเกณฑ์ ความขัดแย้งก็เกิดขึ้น เหมือนกลุ่มเพื่อนที่ทะเลาะกันเพราะแย่งของกิน

สำหรับใครที่ชอบ หนังล้อเลียนการเมือง และอยากเห็นการแสดงเด็ดๆ จากนักแสดงดัง Bob Roberts เป็นหนังที่ห้ามพลาดเลย มันจะทำให้เราคิดถึงการเมืองสมัยนี้ว่ามันคล้ายกันขนาดไหน มาแชร์ความคิดเห็นในคอมเมนต์ว่าหนังเรื่องนี้ทำให้เรามองนักการเมืองยังไง และอย่าลืมแชร์รีวิวนี้ให้เพื่อนๆ ที่ชอบหนังแนวเสียดสีจิตวิทยา!

  • ประเภท: ล้อเลียน, การเมือง, ดราม่า
  • วันที่ออกฉาย: 4 กันยายน 2535
  • นักแสดงนำ: ทิม ร็อบบินส์ (Tim Robbins), กอร์ วิดัล (Gore Vidal), จิอันคาร์โล เอสโปซิโต (Giancarlo Esposito), อลัน ริคแมน (Alan Rickman)
  • ผู้กำกับ: ทิม ร็อบบินส์ (Tim Robbins)
  • ความยาว: 1 ชั่วโมง 42 นาที
  • เรตติ้ง IMDb: 7.0/10

กดเพื่ออ่านต่อ

PhiRa W.

เป็นนักเขียนอิสระที่หลงใหลในสื่อบันเทิงทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ซีรีส์ วาไรตี้ และสารคดี ผมชอบที่จะวิเคราะห์และถอดรหัสเนื้อหาเหล่านั้นออกมาในรูปแบบของรีวิวที่เข้าใจง่ายและสนุกสนาน เพื่อแบ่งปันมุมมองและประสบการณ์ให้กับผู้อ่าน

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button