
Summary
- Final Reckoning มีฉากแอ็กชันที่น่าทึ่ง โดยเฉพาะในเวอร์ชัน IMAX
- แม้จะมีตัวละครเยอะ แต่โครงเรื่องโดยรวมค่อนข้างเรียบง่าย
- ขาดอารมณ์ขันที่เคยเป็นจุดเด่นของซีรีส์
- แม้จะมีจุดอ่อน แต่ยังถือเป็นหนึ่งในผลงานแอ็กชันที่น่าประทับใจ
เมื่อพูดถึงภาพยนตร์แอ็กชันที่สร้างแรงบันดาลใจให้โลกแห่งการชมภาพยนตร์ได้อย่างแท้จริง “Mission: Impossible” เป็นหนึ่งในแฟรนไชส์ที่ยังคงโดดเด่นไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ภาคที่แปดของซีรีส์อย่าง “Mission: Impossible – The Final Reckoning” ที่ออกฉายในปี 2025 นี้ คือการผจญภัยครั้งสุดท้ายของอีธาน ฮันต์ (Tom Cruise) ที่หลายคนรอคอย และแน่นอนว่า มันเป็นการลาจอที่ไม่ธรรมดา แต่ก็ไม่ได้ง่ายดายเหมือนที่คาดไว้
จากฉากที่ทำให้ห้องฉายขยายกว้างขึ้นเพื่อรองรับประสบการณ์ IMAX เต็มรูปแบบ จนถึงการพลิกโฉมหน้าจอเพื่อเน้นความยิ่งใหญ่ ทอม ครูซ ยังคงแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการควบคุมภาพรวมของภาพยนตร์ได้อย่างไร้เทียมทาน แม้ว่าฉากดังกล่าวจะสร้างความประทับใจได้ในช่วงแรก แต่ความยาวตอนต้นที่ดูซ้ำซากและการเล่าเรื่องที่ไม่กระชับก็อาจทำให้ผู้ชมบางคนรู้สึกเบื่อหน่าย
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีช่วงเวลาที่ดูหนักเกินไป แต่เมื่อเข้าสู่ฉากแอ็กชันหลักๆ แล้ว หนังก็สามารถดึงผู้ชมกลับมาได้อย่างสมศักดิ์ศรี โดยเฉพาะในฉากที่ถ่ายทำใต้น้ำและบนอากาศ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทและความเสี่ยงของทอม ครูซ และทีมงานได้อย่างน่าทึ่ง

รีวิวและเรื่องย่อ Mission: Impossible – The Final Reckoning (มิชชั่น อิมพอสซิเบิ้ล ปิดปฏิบัติการล่าพิกัดมรณะ)
ใน Final Reckoning อีธาน ฮันต์ต้องกลับมาจากการหลบซ่อนเพื่อรับภารกิจใหม่จากประธานาธิบดี Sloane (Angela Bassett) เพื่อหยุดยั้ง A.I. ที่กลายพันธุ์นามว่า “The Entity” ซึ่งมีแผนจะทำลายโลกด้วยการทำลายล้างทางนิวเคลียร์ ทีมงานเดิมกลับมาอย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น Luther, Benji และ Grace พร้อมกับสมาชิกใหม่อย่าง Paris (Pom Klementieff) และ Degas (Greg Tarzan Davis)
แม้จะมีตัวละครมากมายที่ปรากฏตัว แต่โครงเรื่องโดยรวมกลับค่อนข้างเรียบง่าย โดยมีเพียงเป้าหมายหลักคือการหยุด Gabriel (Esai Morales) ซึ่งเป็นตัวแทนของ A.I. ในขณะที่ตัวละครสนับสนุนอย่าง Hannah Waddingham และ Trammell Tillman ก็ช่วยเสริมให้หนังมีมิติมากขึ้น
แต่สิ่งที่ขาดหายไปในภาคนี้คืออารมณ์ขันและความสนุกที่เคยเป็นเอกลักษณ์ของซีรีส์ เช่น การหยอดมุขตลกเบาๆ ระหว่างฉากแอ็กชันที่ตื่นเต้น ซึ่งช่วยลดทอนความเครียดและทำให้ผู้ชมรู้สึกใกล้ชิดตัวละครมากขึ้น
แม้จะมีช่วงต้นที่ดูไม่ค่อยน่าสนใจ แต่เมื่อถึงเวลาของการแสดงฝีมือ ทีมงานของทอม ครูซ ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ฉากแอ็กชันที่ถ่ายทำใต้น้ำและบนฟ้าถือเป็นไฮไลต์ของหนัง โดยเฉพาะในเวอร์ชัน IMAX ที่สามารถให้ประสบการณ์การชมที่สมจริงและน่าตื่นตาตื่นใจ
ฉากที่อีธาน ฮันต์ปีนป่ายบนเครื่องบินที่กำลังบินอยู่ ทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงแรงโน้มถ่วงและความเสี่ยงที่เขาเผชิญอย่างแท้จริง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทของทีมงานและนักแสดงอย่างไม่มีใครเทียบ
แต่ถึงกระนั้น ความยาวของหนังที่เกินสองชั่วโมงครึ่ง อาจทำให้ผู้ชมบางคนรู้สึกว่ามันลากยาวเกินไป โดยเฉพาะในช่วงที่เน้นการวางแผนและการเล่าเรื่องย้อนอดีตที่ดูซ้ำซากและไม่จำเป็น
แม้ Mission: Impossible – The Final Reckoning จะมีจุดอ่อนในเรื่องการเล่าเรื่องและการดำเนินเรื่องในช่วงต้น แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า ทอม ครูซ และทีมงานได้สร้างภาพยนตร์แอ็กชันที่น่าประทับใจและยังคงไว้ซึ่งมาตรฐานระดับโลก ฉากแอ็กชันที่ท้าทายขีดจำกัด ผสมผสานกับการแสดงที่แข็งแกร่งของนักแสดง ทำให้หนังเรื่องนี้ยังคงเป็นหนึ่งในผลงานที่ควรค่าแก่การชม
หากคุณเป็นแฟนของซีรีส์ Mission: Impossible หรือชื่นชอบภาพยนตร์แอ็กชันที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและประสิทธิภาพทางเทคนิคระดับสูง คุณไม่ควรพลาด Final Reckoning อย่างเด็ดขาด อย่าลืมแบ่งปันความคิดเห็นของคุณหรือคอมเมนต์เกี่ยวกับฉากโปรดในหนังเรื่องนี้!
- ชื่อเรื่องในภาษาไทย: มิชชั่น อิมพอสซิเบิ้ล ปิดปฏิบัติการล่าพิกัดมรณะ
- ประเภท: แอ็กชัน, สืบสวน, ระทึกขวัญ
- วันที่ออกอากาศ: 17 พฤษภาคม 2025
- นักแสดงนำ: ทอม ครูซ, เรย์ พาร์คเกอร์ จูเนียร์, ไฮลี อัตเวลล์, ไซมอน เพ็กก์
- ผู้กำกับ: คริสโตเฟอร์ แมคควอเรีย
- จำนวนตอน/ความยาว: 2 ชั่วโมง 15 นาที
- ช่องทางการดู: โรงภาพยนตร์