รีวิวหนังฝรั่ง

[รีวิว-เรื่องย่อ] เดอะพิคอัพ | The Pickup (2025) หนังแอคชั่นคอมเมดี้สุดมันส์

  • The Pickup เป็นหนังที่นำเสนอเรื่องราวของสองคนขับรถขนเงินที่ถูกปล้นและดึงเข้าไปในแผนการโจรกรรมใหญ่ โดยมี Eddie Murphy และ Pete Davidson นำทีมสร้างเสียงหัวเราะ
  • หนังผสมแอคชั่นเข้มข้นกับมุกตลกเบาสมอง แต่ไม่ลึกซึ้งมากนัก เหมาะสำหรับดูเพลินๆ
  • การแสดงของ Keke Palmer ในบทตัวร้ายสาวแสบเพิ่มสีสันให้เรื่องราวน่าติดตาม
  • หนังสอนว่าแม้ในสถานการณ์เลวร้าย ความสัมพันธ์ที่ไม่คาดคิดอาจนำไปสู่ชัยชนะ

ลองนึกภาพว่าวันธรรมดาที่ควรจะเป็นแค่การขับรถขนเงินกลับกลายเป็นฝันร้ายสุดอลหม่าน เมื่อสองคนที่นิสัยต่างกันสุดขั้วต้องเผชิญหน้ากับแก๊งโจรที่ไม่ใช่แค่ต้องการเงิน แต่มีแผนการใหญ่กว่านั้น แบบนี้แหละที่ หนังแอคชั่นคอมเมดี้ The Pickup (2025) จาก Prime Video นำเสนอ หนังเรื่องนี้ไม่ใช่แค่การไล่ล่าธรรมดา แต่เป็นการผจญภัยที่เต็มไปด้วย มุกตลกเบาสมอง และการต่อสู้ดุเดือด ผลงานของผู้กำกับ Tim Story ที่เคยฝากฝีมือใน Ride Along ได้สร้างสรรค์เรื่องราวที่ชวนให้เราลุ้นตามตั้งแต่ต้นจนจบ แม้จะไม่ได้ลึกซึ้งอะไรนัก แต่ก็เหมาะสำหรับวันที่อยากผ่อนคลาย

หนังเรื่องนี้พาเราไปรู้จักกับ Russell ชายใกล้เกษียณที่อยากใช้ชีวิตสงบ แต่ต้องจับคู่กับ Travis หนุ่มซุ่มซ่ามที่ฝันอยากเป็นตำรวจ ทุกอย่างพลิกผันเมื่อพวกเขาถูกโจมตีโดย Zoe สาวแสบที่นำทีมโจรกรรม ฟังดูคลาสสิก แต่หนังกลับใส่ลูกเล่นที่ทำให้เราต้องยิ้มตาม คุณเคยสงสัยไหมว่า ถ้าคุณถูกดึงเข้าไปในแผนปล้นเงินล้าน คุณจะเอาตัวรอดยังไง? The Pickup จะพาเราไปสำรวจคำถามนี้ผ่านมุมมองของตัวละครที่ทั้งฮาและจริงจังในคราวเดียวกัน

ในบทความนี้ เราจะพาเราไปเจาะลึก The Pickup อย่างละเอียด ตั้งแต่โครงเรื่องที่ชวนลุ้น ไปจนถึงการแสดงที่โดดเด่น และเหตุผลที่ทำให้หนังเรื่องนี้กลายเป็นหนึ่งในผลงานแอคชั่นคอมเมดี้ที่น่าดูในปี 2025 พร้อมแล้ว มาดำดิ่งสู่โลกของหนังเรื่องนี้กันเลย!

The Pickup (เดอะพิคอัพ)

รีวิวและเรื่องย่อ The Pickup (เดอะพิคอัพ)

The Pickup เล่าเรื่องของ Russell คนขับรถขนเงินรุ่นเก๋าที่ใกล้เกษียณและอยากฉลองครบรอบแต่งงานกับภรรยา แต่ทุกอย่างพังทลายเมื่อเขาได้คู่หูอย่าง Travis หนุ่มมือใหม่ที่ซุ่มซ่ามและชอบพูดมาก พวกเขาออกไปทำหน้าที่ขนเงินตามปกติ แต่แล้วก็ถูกโจมตีโดยแก๊งโจรนำโดย Zoe สาวฉลาดที่ไม่ใช่แค่ต้องการเงินในรถ แต่มีแผนการโจรกรรมคาสิโนมูลค่า 60 ล้านดอลลาร์ เรื่องราวเริ่มวุ่นวายตั้งแต่ฉากไล่ล่าบนถนนที่เต็มไปด้วยการยิงกันและมุกตลกเบาๆ

สิ่งที่ทำให้เรื่องราวน่าสนใจคือเคมีระหว่างตัวละครที่ต่างกันสุดขั้ว Russell เป็นคนจริงจังและมีประสบการณ์ แต่ Travis กลับเป็นพวกโก๊ะกังที่สร้างปัญหาไม่หยุดหย่อน หนังค่อยๆ เผยให้เห็นว่าพวกเขาต้องร่วมมือกันเพื่อเอาตัวรอด แม้จะมีมุกตลกที่บางครั้งดูธรรมดา แต่ก็พอทำให้เรายิ้มได้ หนังเรื่องนี้ถามคำถามที่ชวนคิด: ในสถานการณ์คับขัน เราจะเชื่อใจคนที่ไม่ชอบหน้ากันได้แค่ไหน? คำตอบอาจทำให้เราประหลาดใจ

นอกจากนี้ การหักมุมในเรื่องยังเพิ่มความตื่นเต้น แม้จะไม่เซอร์ไพรส์มากนัก แต่ก็ทำให้หนังไหลลื่น ฉากแอคชั่นอย่างการไล่ล่ารถและการบุกคาสิโนถูกถ่ายทอดออกมาด้วยความมันส์ที่พอเหมาะ ไม่หนักเกินไปสำหรับหนังคอมเมดี้ หนังเปรียบเสมือนรถขนเงินที่กำลังจะระเบิด แต่ยังมีคนขับที่พยายามควบคุมให้รอดปลอดภัย

Eddie Murphy ในบท Russell แสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพที่ผสมผสานความตลกแบบเก๋าเกม เขาไม่ใช่แค่ตัวเอกที่จริงจัง แต่ยังมีมุกเสียดสีที่ทำให้เราหัวเราะได้ การแสดงของเขาชวนให้นึกถึงหนังคลาสสิกอย่าง 48 Hrs. แต่ปรับให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ ส่วน Pete Davidson ในบท Travis นำเสนอตัวละครที่โก๊ะแต่มีเสน่ห์ แม้บางมุกจะดูซ้ำซาก แต่เขาก็ทำให้ตัวละครดูน่ารักและน่าติดตาม

Keke Palmer รับบท Zoe ตัวร้ายสาวแสบที่เพิ่มสีสันให้หนัง เธอไม่ใช่แค่อาชญากรธรรมดา แต่มีมิติที่ทำให้เราสงสารและเข้าใจแรงจูงใจของเธอ การแสดงของเธอเปรียบเสมือนดอกไม้มีพิษที่สวยงามแต่อันตราย ส่วน Eva Longoria ในบทภรรยาของ Russell แม้บทจะน้อย แต่ก็ช่วยเติมเต็มเรื่องราวให้สมบูรณ์ หนังเรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าตัวละครรองก็สำคัญไม่แพ้ตัวเอก

โดยรวม การแสดงของทีมนักแสดงช่วยยกหนังให้สูงขึ้น แม้บทจะไม่ลึกซึ้ง แต่เคมีระหว่างพวกเขาทำให้เรารู้สึกสนุกไปด้วย คุณเคยดูหนังที่ตัวละครทะเลาะกันตลอดแต่สุดท้ายกลายเป็นเพื่อนไหม? นี่แหละคือเสน่ห์ของ The Pickup

Tim Story ผู้กำกับนำเสนอสไตล์แอคชั่นที่เรียบง่ายแต่มีพลัง ฉากไล่ล่าถูกถ่ายทำด้วยมุมกล้องที่ชวนลุ้น โดยไม่เน้นเอฟเฟกต์ตระการตาแบบหนังบล็อกบัสเตอร์ แต่เลือกใช้ความสมจริงที่ทำให้เรารู้สึกใกล้ชิด สีสันและการตัดต่อช่วยขับเน้นอารมณ์ของตัวละครได้ดี โดยเฉพาะฉากในคาสิโนที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด

หนังเรื่องนี้ผสมผสานแอคชั่นกับคอมเมดี้ได้อย่างสมดุล แม้บางส่วนจะดูคาดเดาได้ แต่ก็มีโมเมนต์ที่ชวนหัวเราะ การกำกับของ Story ทำให้ทุกฉากรู้สึกเป็นธรรมชาติ ราวกับเรากำลังดูเรื่องราวของเพื่อนที่กำลังลำบาก เปรียบเสมือนการขับรถผ่านพายุ แต่ยังมีมุกตลกให้ยิ้มได้

อย่างไรก็ตาม หนังอาจขาดความสดใหม่ในบางจุด แต่สำหรับแฟนหนังแอคชั่นคอมเมดี้ มันคือตัวเลือกที่เพลิดเพลิน

หนึ่งในประเด็นหลักของ The Pickup คือแนวคิดเรื่อง มิตรภาพที่ไม่คาดคิด และการเอาตัวรอดจากความผิดพลาด Russell และ Travis ถูกดึงเข้าไปในแผนการโจรกรรมเพราะความซุ่มซ่าม แต่พวกเขาก็เรียนรู้ที่จะเชื่อใจกัน หนังค่อยๆ เผยให้เห็นว่าชีวิตจริงไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่เราสามารถเปลี่ยนแปลงได้เสมอ

สิ่งที่ทำให้หนังไม่จมลงไปในความซ้ำซากคือการเล่าเรื่องที่เป็นธรรมชาติ อารมณ์ที่เรารู้สึกไม่ใช่การถูกบังคับ แต่มาจากความผูกพันกับตัวละคร เราจะรู้สึกเหมือนกำลังเดินทางไปกับพวกเขา และหวังว่าจะมีตอนจบที่ดี

The Pickup (2025) #2

The Pickup ไม่ได้จบแบบคาดเดาได้ง่ายๆ ในช่วงท้าย มีการหักมุมที่ทำให้เราลุ้นว่า Russell และ Travis จะรอดพ้นจาก Zoe ได้หรือไม่ การพัฒนาตัวละครในตอนจบแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเปลี่ยนแปลงตัวเอง แม้จะสายไปบ้างก็ตาม หนังเรื่องนี้ทิ้งคำถามที่ชวนคิด เราจะทำอย่างไรถ้าได้โอกาสครั้งที่สอง? มันเหมือนเพื่อนที่คอยถามเราว่ารู้จักตัวเองดีแค่ไหน

The Pickup (2025) ไม่ใช่แค่หนังแอคชั่นคอมเมดี้ธรรมดา แต่เป็นเรื่องราวที่พูดถึง ความสัมพันธ์ที่ไม่คาดคิด ความหวัง และการต่อสู้กับอุปสรรค ผ่านตัวละครอย่าง Russell ที่ต้องเผชิญหน้ากับความผิดพลาดในชีวิต หนังเรื่องนี้ถ่ายทอดความรู้สึกที่สนุกสนานโดยไม่ต้องพึ่งดราม่าหนักๆ สไตล์การกำกับที่มันส์และการแสดงที่โดดเด่นของ Eddie Murphy ทำให้ทุกโมเมนต์น่าจดจำ

ถ้าเรากำลังมองหาหนังที่ทั้งลุ้นและฮา The Pickup คือคำตอบ เราอาจจะหัวเราะและลุ้นตาม แต่ก็อาจจะได้ข้อคิดกลับไป ลองหาเวลาดูหนังเรื่องนี้ แล้วมาคุยกันในคอมเมนต์ว่าเรารู้สึกอย่างไร! แชร์รีวิวนี้ให้เพื่อนๆ ที่รัก หนังแอคชั่นคอมเมดี้ และอยากสัมผัสเรื่องราวที่มันส์สะใจ รับรองว่าไม่มีผิดหวัง!

  • ชื่อเรื่องในภาษาไทย: เดอะพิคอัพ
  • ประเภท: แอ็คชั่น, คอมเมดี้, อาชญากรรม
  • วันที่ออกอากาศ: 6 สิงหาคม 2025
  • นักแสดงนำ: Eddie Murphy, Pete Davidson, Keke Palmer, Eva Longoria
  • ผู้กำกับ: Tim Story
  • จำนวนตอน/ความยาว: 1 ชั่วโมง 36 นาที
  • ช่องทางการดูในประเทศไทย: Prime Video

กดเพื่ออ่านต่อ

PhiRa W.

เป็นนักเขียนอิสระที่หลงใหลในสื่อบันเทิงทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ซีรีส์ วาไรตี้ และสารคดี ผมชอบที่จะวิเคราะห์และถอดรหัสเนื้อหาเหล่านั้นออกมาในรูปแบบของรีวิวที่เข้าใจง่ายและสนุกสนาน เพื่อแบ่งปันมุมมองและประสบการณ์ให้กับผู้อ่าน

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button