รีวิวหนังฝรั่ง

[รีวิว-เรื่องย่อ] ดิ โอลด์ การ์ด (The Old Guard) 2 ขาดความตื่นเต้นเมื่อเทียบกับภาคแรก

Key Points

  • The Old Guard 2 ดูเหมือนจะขาดความตื่นเต้นและความสนุกสนานเมื่อเทียบกับภาคแรก โดยเน้นเรื่องราวที่จริงจังเกินไป
  • ฉากแอ็กชันบางส่วนยังคงน่าตื่นเต้น แต่โดยรวมแล้วรู้สึกว่าหนังไม่สามารถรักษามาตรฐานได้
  • ตัวละครใหม่อย่าง Quynh และ Discord มีศักยภาพ แต่บทบาทของพวกเขาไม่ถูกพัฒนาอย่างเต็มที่
  • ผู้ชมอาจรู้สึกคิดถึงบรรยากาศสนุกสนานของภาคแรกมากกว่า

เมื่อภาพยนตร์แอ็กชันสุดมันส์อย่าง The Old Guard กลับมาในภาคต่อ The Old Guard 2 แฟนๆ ต่างลุ้นว่าภาคนี้จะสามารถรักษามาตรฐานความสนุกและความตื่นเต้นไว้ได้หรือไม่ หลังจากที่ภาคแรกประสบความสำเร็จและได้รับคำชมมากมาย แต่จากการรับชมภาคต่อนี้ ดูเหมือนว่าจะมีบางสิ่งที่ขาดหายไป The Old Guard 2 เริ่มต้นด้วยฉากแอ็กชันที่ดูเหมือนจะสานต่อความมันส์จากภาคแรก แต่เมื่อดำเนินเรื่องต่อไป กลับรู้สึกว่าภาพยนตร์เรื่องนี้พยายามที่จะจริงจังกับเรื่องราวของอมตะมากเกินไป จนทำให้บรรยากาศโดยรวมดูหนักอึ้งและขาดความสนุกสนานที่เคยมีในภาคแรก

ในภาคนี้ Andy (Charlize Theron) ต้องเผชิญกับความจริงใหม่ที่เธออาจจะไม่อมตะอีกต่อไป พร้อมกับการกลับมาของ Quynh (Veronica Ngo) ที่ต้องการแก้แค้น และการปรากฏตัวของตัวละครใหม่อย่าง Discord (Uma Thurman) ที่มีบุคลิกแปลกแยกจากโลกของอมตะ ทั้งหมดนี้ทำให้เรื่องราวดูซับซ้อนและบางครั้งก็ยากที่จะติดตาม ด้วยเหตุนี้ ผู้ชมอาจรู้สึกว่าภาคต่อนี้ไม่สามารถสร้างความประทับใจได้เท่าที่ควร โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับความสดใหม่และความตื่นเต้นของภาคแรกที่กำกับโดย Gina Prince-Bythewood

เดอะ โอลด์ การ์ด The Old Guard 2 (2025)

รีวิวและเรื่องย่อ ดิ โอลด์ การ์ด (The Old Guard) 2

ภาพยนตร์เรื่อง The Old Guard 2 เริ่มต้นด้วยฉากแอ็กชันที่ดูตื่นเต้น โดย Andy (Charlize Theron) นำทีมบุกเข้าไปในวิลล่าที่เต็มไปด้วยยามรักษาการณ์ ฉากนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ดูเหมือนกับฉากในหนัง James Bond ที่มีความโอเวอร์และรุนแรง แต่ก็รู้สึกว่ามันขาดความลึกซึ้งและความหมายที่แท้จริง เหมือนกับว่าเป็นเพียงการแสดงความรุนแรงโดยไม่มีเหตุผลที่ชัดเจน หลังจากฉากเปิดที่ดูน่าตื่นเต้น แต่ก็รู้สึกว่ามันไม่ได้สร้างความประทับใจมากนัก เมื่อเรื่องราวดำเนินต่อไป บรรยากาศของภาพยนตร์เริ่มเปลี่ยนไป จากที่เคยเป็นหนังแอ็กชันที่มีความสนุกสนานและตื่นเต้น กลับกลายเป็นหนังที่ดูจริงจังและหนักอึ้งมากขึ้น ซึ่งทำให้ผู้ชมรู้สึกว่าภาคต่อนี้ขาดความมันส์ที่เคยมีในภาคแรก

ในภาคแรก The Old Guard มีความสดใหม่และน่าตื่นเต้น แต่ในภาคสอง ดูเหมือนว่าผู้กำกับ Victoria Mahoney จะพยายามทำให้หนังดูจริงจังมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องราวของอมตะที่ถูกนำเสนออย่างลึกซึ้งและซับซ้อน แต่ก็ทำให้หนังดูยากที่จะติดตามและขาดความสนุกสนานที่ควรจะมี

หนึ่งในจุดที่แตกต่างชัดเจนระหว่าง The Old Guard ภาคแรกและภาคสองคือบรรยากาศโดยรวมของภาพยนตร์ ในภาคแรก หนังมีความรู้สึกที่สนุกสนานและตื่นเต้น ด้วยฉากแอ็กชันที่น่าติดตามและตัวละครที่มีเสน่ห์ แต่ในภาคสอง บรรยากาศกลับดูหนักอึ้งและจริงจังมากขึ้น ซึ่งทำให้ผู้ชมรู้สึกว่าหนังขาดความสดใหม่และความตื่นเต้นที่เคยมี นอกจากนี้ ในภาคสอง หนังยังพยายามที่จะสร้างความลึกซึ้งให้กับเรื่องราวของอมตะมากขึ้น โดยมีการนำเสนอประเด็นเกี่ยวกับความอมตะที่สามารถสูญเสียไปได้ ซึ่งทำให้ตัวละครหลักอย่าง Andy ต้องเผชิญกับความจริงใหม่ที่เธออาจจะไม่อมตะอีกต่อไป แม้ว่าประเด็นนี้จะน่าสนใจ แต่ก็รู้สึกว่ามันถูกนำเสนออย่างไม่เต็มที่และไม่สามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมได้มากนัก

บทความที่เกี่ยวข้อง

อีกหนึ่งสิ่งที่เปลี่ยนไปคือการแสดงของนักแสดง ในภาคแรก นักแสดงทุกคนดูมีพลังและสามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมได้ แต่ในภาคสอง บางครั้งก็รู้สึกว่าพวกเขาดูเหมือนจะถูกจำกัดด้วยบทที่ดูจริงจังเกินไป ทำให้การแสดงดูขาดความเป็นธรรมชาติและความสนุกสนานที่ควรจะมี

ใน The Old Guard 2 เรื่องราวของอมตะถูกนำเสนออย่างจริงจังมากขึ้น โดยมีการกล่าวถึงประเด็นว่าอมตะสามารถสูญเสียไปได้ ซึ่งทำให้ตัวละครหลักต้องเผชิญกับความกลัวและความไม่แน่นอน อย่างไรก็ตาม การนำเสนอประเด็นนี้ดูเหมือนจะขาดความลึกซึ้งและความน่าสนใจ ทำให้ผู้ชมรู้สึกว่ามันเป็นเพียงเรื่องราวที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้หนังดูซับซ้อนมากขึ้นเท่านั้น นอกจากนี้ หนังยังแนะนำตัวละครใหม่อย่าง Quynh (Veronica Ngo) ที่กลับมาเพื่อแก้แค้น Andy และ Discord (Uma Thurman) ที่มีบทบาทเป็นศัตรูใหม่ของกลุ่มอมตะ แม้ว่าตัวละครเหล่านี้จะมีศักยภาพที่จะสร้างความน่าสนใจให้กับเรื่องราว แต่ก็รู้สึกว่าพวกเขาไม่ได้ถูกพัฒนาอย่างเต็มที่ ทำให้ความสัมพันธ์และเหตุผลของพวกเขาดูไม่ชัดเจนและไม่น่าสนใจเท่าที่ควร

โดยรวมแล้ว เรื่องราวของอมตะใน The Old Guard 2 ดูเหมือนจะถูกนำเสนออย่างจริงจังเกินไป แต่ก็ขาดความลึกซึ้งและความน่าสนใจที่จะทำให้ผู้ชมรู้สึกตื่นเต้นและลุ้นไปกับเรื่องราว พบว่าหลายคนรู้สึกว่าหนังเสียเวลาไปกับการปูทางสำหรับภาคต่อมากกว่าที่จะมอบประสบการณ์ที่น่าจดจำในปัจจุบัน

ใน The Old Guard 2 มีการแนะนำตัวละครใหม่ที่น่าสนใจ เช่น Quynh (Veronica Ngo) ที่เคยเป็นสมาชิกของกลุ่มอมตะและถูกทรยศโดย Andy ทำให้เธอต้องอยู่ใต้น้ำเป็นเวลานาน และ Discord (Uma Thurman) ที่เป็นอมตะคนแรกที่มีอำนาจมหาศาล แม้ว่าตัวละครเหล่านี้จะมีศักยภาพที่จะสร้างความน่าสนใจให้กับเรื่องราว แต่ก็รู้สึกว่าพวกเขาไม่ได้ถูกใช้งานอย่างเต็มที่ Quynh มีบทบาทที่สำคัญในการสร้างความขัดแย้งให้กับ Andy และทีม แต่เรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาดูเหมือนจะถูกนำเสนออย่างตื้นเขินและไม่สามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมได้มากนัก ส่วน Discord แม้ว่าจะมี Uma Thurman มารับบท แต่ก็รู้สึกว่าบทของเธอดูไม่เข้าที่เข้าทางและไม่สามารถสร้างความน่ากลัวหรือความน่าสนใจให้กับตัวละครได้

นอกจากนี้ ยังมีตัวละครใหม่อย่าง Tuah (Henry Golding) ที่เป็นอมตะที่มีความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของอมตะ แต่ก็รู้สึกว่าบทของเขาไม่ได้ถูกใช้งานอย่างเต็มที่และดูเหมือนจะถูกลืมไปในบางช่วงของเรื่อง พบว่าตัวละครใหม่หลายตัวดูเหมือนจะถูกใส่เข้ามาเพื่อเพิ่มความซับซ้อน แต่ไม่สามารถสร้างผลกระทบที่ชัดเจนต่อเรื่องราวได้

The Old Guard 2

ฉากแอ็กชันเป็นส่วนสำคัญของหนังแนวนี้ แต่ใน The Old Guard 2 รู้สึกว่าฉากแอ็กชันไม่ได้เข้มข้นและน่าตื่นเต้นเท่ากับภาคแรก แม้ว่าจะมีฉากต่อสู้ที่ดูสวยงามและมีความคิดสร้างสรรค์ แต่ก็รู้สึกว่ามันขาดความต่อเนื่องและความลื่นไหลที่ควรจะมี นอกจากนี้ ฉากแอ็กชันบางฉากดูเหมือนจะถูกใส่เข้ามาเพื่อให้หนังดูครบองค์ประกอบมากกว่าที่จะเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวที่สำคัญ ทำให้ผู้ชมรู้สึกว่ามันไม่ได้สร้างความตื่นเต้นหรือความประทับใจให้กับพวกเขา

อย่างไรก็ตาม มีบางฉากที่โดดเด่น เช่น ฉากต่อสู้ระหว่าง Andy และ Quynh ที่ดูเข้มข้นและสามารถสร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ชมได้ แต่ก็รู้สึกว่ามันเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ที่หนังสามารถสร้างความประทับใจได้ พบว่าฉากแอ็กชันในภาคนี้ดูเหมือนจะเป็นเพียงส่วนประกอบที่ช่วยเติมเต็มมากกว่าที่จะเป็นจุดเด่นของเรื่อง

โดยรวมแล้ว The Old Guard 2 อาจเหมาะสำหรับแฟนๆ ที่อยากติดตามเรื่องราวต่อ แต่สำหรับผู้ที่คาดหวังความมันส์และความสนุกสนานเหมือนภาคแรก อาจรู้สึกผิดหวัง หนังดูเหมือนจะพยายามสร้างความลึกซึ้งให้กับเรื่องราวของอมตะ แต่กลับทำให้บรรยากาศโดยรวมดูหนักอึ้งและขาดความตื่นเต้นที่ควรจะมี การดูเพื่อติดตามพัฒนาการของตัวละครและเรื่องราวอาจเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ แต่สำหรับผู้ที่หวังจะได้รับประสบการณ์แอ็กชันที่น่าจดจำ อาจต้องรอภาคต่อไป

The Old Guard 2 เป็นภาพยนตร์ที่อาจเหมาะสำหรับแฟนๆ ที่อยากติดตามเรื่องราวต่อ แต่สำหรับผู้ที่คาดหวังความมันส์และความสนุกสนานเหมือนภาคแรก อาจรู้สึกผิดหวัง อย่างไรก็ตาม การแบ่งปันความคิดเห็นในช่องคอมเมนต์หรือการแชร์บทความนี้กับเพื่อนๆ ที่ชื่นชอบภาพยนตร์แอ็กชันอาจช่วยให้เราได้พูดคุยและวิเคราะห์เรื่องราวนี้กันต่อไป

  • ชื่อเรื่องในภาษาไทย: ดิ โอลด์ การ์ด 2
  • ประเภท: แอคชั่น, ผจญภัย, แฟนตาซี, ซูเปอร์ฮีโร่
  • วันที่ออกอากาศ: 2 กรกฎาคม 2025
  • นักแสดงนำ: Charlize Theron, KiKi Layne, Uma Thurman, Henry Golding
  • ผู้กำกับ: Victoria Mahoney
  • จำนวนตอน/ความยาว: 1 ชั่วโมง 45 นาที
  • เรตติ้ง IMDb:
  • ช่องทางการดูในประเทศไทย: Netflix

กดเพื่ออ่านต่อ

PhiRa W.

เป็นนักเขียนอิสระที่หลงใหลในสื่อบันเทิงทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ซีรีส์ วาไรตี้ และสารคดี ผมชอบที่จะวิเคราะห์และถอดรหัสเนื้อหาเหล่านั้นออกมาในรูปแบบของรีวิวที่เข้าใจง่ายและสนุกสนาน เพื่อแบ่งปันมุมมองและประสบการณ์ให้กับผู้อ่าน

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button