บ้านและสวน

เจาะลึกโหมด Cool และ Auto (I Feel) บนรีโมทแอร์

เลือกใช้ให้คุ้ม ประหยัดไฟ

เพื่อนๆ เคยสงสัยไหมครับว่า โหมด “Cool” กับ “Auto (I Feel)” บนรีโมทแอร์ของเรามันต่างกันยังไง? แล้วเราควรจะเลือกใช้โหมดไหนดีนะ? วันนี้ผมจะมาไขข้อข้องใจ พร้อมแนะนำวิธีการเลือกใช้โหมดให้เหมาะสมกับสถานการณ์ เพื่อความเย็นสบายและช่วยประหยัดค่าไฟด้วยครับ

โหมด Cool คืออะไร?

โหมด Cool เป็นโหมดพื้นฐานที่เราคุ้นเคยกันดีครับ เมื่อเราเลือกโหมดนี้ เราจะสามารถตั้งค่าอุณหภูมิที่ต้องการได้เลย เช่น 25 องศาเซลเซียส จากนั้นแอร์ก็จะทำงานอย่างเต็มที่เพื่อลดอุณหภูมิในห้องให้ถึงจุดที่เราตั้งไว้ แล้วก็จะตัดการทำงานเมื่อถึงอุณหภูมิเป้าหมาย

โหมด Cool คืออะไร?
รีโมทแอร์โชว์โหมด Cool

ข้อดีของโหมด Cool:

  • เย็นเร็วทันใจ: เหมาะสำหรับวันที่อากาศร้อนมากๆ หรือต้องการความเย็นฉ่ำมากๆ
  • ควบคุมอุณหภูมิได้แม่นยำ: เราสามารถตั้งค่าอุณหภูมิที่ต้องการได้เอง

ข้อเสียของโหมด Cool:

  • อาจเปลืองไฟ: ถ้าตั้งอุณหภูมิต่ำเกินไป หรือเปิดทิ้งไว้นานๆ
  • ไม่ปรับตามสภาพอากาศ: อุณหภูมิห้องอาจเย็นเกินไปถ้าอากาศข้างนอกเย็นลง

โหมด Auto (I Feel) คืออะไร?

โหมด Auto (I Feel) เป็นโหมดอัจฉริยะที่แอร์จะปรับการทำงานเองโดยอัตโนมัติ โดยอาศัยเซ็นเซอร์ตรวจจับอุณหภูมิในห้องและรีโมท (บางรุ่น) เพื่อประเมินสภาพอากาศและความต้องการของเรา จากนั้นก็จะปรับอุณหภูมิและความแรงลมให้เหมาะสมที่สุด

โหมด Auto (I Feel) คืออะไร?
รีโมทแอร์โชว์โหมด Auto (I Feel)

ข้อดีของโหมด Auto (I Feel):

  • ประหยัดพลังงาน: แอร์จะปรับการทำงานให้เหมาะสม ไม่ทำงานหนักเกินไป
  • สะดวกสบาย: ไม่ต้องคอยปรับอุณหภูมิเอง แอร์จัดการให้หมด
  • ปรับตามสภาพอากาศ: อุณหภูมิห้องจะคงที่สบายๆ แม้ภายนอกจะเปลี่ยนแปลง

ข้อเสียของโหมด Auto (I Feel):

  • อาจไม่เย็นเท่าที่ต้องการ: ในวันที่ร้อนมากๆ อาจต้องรอสักพักกว่าจะเย็น
  • ควบคุมอุณหภูมิได้จำกัด: เราไม่สามารถตั้งค่าอุณหภูมิที่ต้องการได้เอง

ตารางเปรียบเทียบโหมด Cool และ Auto (I Feel)

คุณสมบัติโหมด Coolโหมด Auto (I Feel)
การควบคุมอุณหภูมิตั้งค่าเองได้แอร์ปรับให้อัตโนมัติ
ความเร็วในการทำความเย็นเร็วปานกลาง
การประหยัดพลังงานน้อยกว่ามากกว่า
ความสะดวกสบายน้อยกว่ามากกว่า

สถานการณ์ที่เหมาะกับการใช้แต่ละโหมด

  • โหมด Cool: เหมาะสำหรับวันที่อากาศร้อนมากๆ หรือต้องการความเย็นฉ่ำมากๆ ในเวลาอันสั้น เช่น ตอนกลางวัน หรือหลังออกกำลังกาย
  • โหมด Auto (I Feel): เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน ที่ต้องการความเย็นสบายคงที่และประหยัดพลังงาน เช่น ตอนนอนหลับ หรือทำงานในห้องแอร์

การตั้งค่าโหมดต่างๆ บนรีโมทแอร์

การตั้งค่าโหมดต่างๆ บนรีโมทแอร์
ที่มาภาพ: Mitsubishi Electric Kang Yong Watana

รีโมทแอร์คือกุญแจสำคัญในการควบคุมอุณหภูมิและบรรยากาศภายในห้องของคุณ มาเรียนรู้วิธีการปรับแต่งโหมดต่างๆ เพื่อให้ได้ความเย็นสบายที่ตรงใจและประหยัดพลังงานสูงสุด กดปุ่ม Mode เพื่อเลือกโหมดในการทำงาน เมื่อกดปุ่มแต่ละครั้งจะเปลี่ยนโหมดไปตามลำดับ ดังนี้ โหมดอัตโนมัติ > โหมดทำความเย็น > โหมดลดความชื้น > โหมดพัดลม

  1. โหมดอัตโนมัติ (I-Feel): ให้แอร์เป็นผู้ช่วยส่วนตัว! โหมดนี้จะปรับการทำงานระหว่างโหมดทำความเย็นและลดความชื้นโดยอัตโนมัติตามอุณหภูมิห้อง ช่วยให้คุณเย็นสบายได้โดยไม่ต้องคอยปรับเอง
    • หากอุณหภูมิสูงกว่า 25 องศา เครื่องจะทำงานในโหมดทำความเย็น หรือ Cool
    • หากอุณหภูมิต่ำกว่า 25 องศา เครื่องจะทำงานในโหมดลดความชื้น หรือ Dry
  2. โหมดทำความเย็น (Cool): โหมดพื้นฐานสำหรับวันร้อนๆ ปรับอุณหภูมิตามต้องการและปล่อยให้แอร์ทำงานอย่างเต็มที่เพื่อคลายร้อน
  3. โหมดลดความชื้น (Dry): วันฝนตกชื้นๆ ก็ไม่หวั่น! โหมดนี้จะช่วยลดความชื้นในอากาศ ทำให้ห้องของคุณไม่อับชื้นและรู้สึกสบายตัวมากขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นภูมิแพ้อากาศอีกด้วย
  4. โหมดพัดลม (Fan): โหมดประหยัดพลังงานสำหรับวันสบายๆ หรือช่วงที่อากาศเย็น เพิ่มการไหลเวียนของอากาศภายในห้องโดยไม่ต้องเปิดคอมเพรสเซอร์
  5. โหมด Fast Cooling: ร้อนจนทนไม่ไหว? กดปุ่มนี้เพื่อเร่งความเย็นแบบทันใจ! แอร์จะทำงานอย่างเต็มกำลังเพื่อลดอุณหภูมิลงอย่างรวดเร็วภายใน 15 นาที

สรุป

การเลือกโหมดแอร์ที่เหมาะสม ไม่เพียงแต่ช่วยให้เราเย็นสบาย แต่ยังช่วยประหยัดค่าไฟได้อีกด้วยนะครับ โดยสรุปง่ายๆ คือ

  • ถ้าอยากเย็นเร็วทันใจ เลือก โหมด Cool
  • ถ้าอยากประหยัดไฟและสะดวกสบาย เลือก โหมด Auto (I Feel)

เพื่อนๆ ลองนำคำแนะนำนี้ไปปรับใช้ดูนะครับ แล้วจะพบว่าการใช้แอร์นั้นไม่ยากอย่างที่คิด แถมยังช่วยเซฟเงินในกระเป๋าได้อีกด้วย!

เรื่องที่เกี่ยวข้อง:

Source
Mitsubishi Electric Kang Yong Watana

NaniTalk S.

เป็นนักเขียนที่ขยันขันแข็งและมุ่งมั่นที่จะผลิตเนื้อหาที่มีคุณภาพ เรียนรู้และเติบโตอยู่เสมอ เชื่อว่าเนื้อหาที่ดีสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลกได้

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button