How To

5 วิธีสังเกตคนเป็นเอดส์ อาการของคนเป็นเอดส์

วิธีสังเกตคนเป็นเอดส์ โรคเอดส์ เป็นระยะสุดท้ายของการติดเชื้อเอชไอวี (HIV) ย่อมาจากคำว่า (Human Immunodeficiency Virus) เป็นเชื้อไวรัสซึ่งในขณะที่โรคเอดส์ (Acquired Immune Deficiency Syndrome) จะเป็นกลุ่มอาการของโรคที่เกิดจากการติดเชื้อเอชไอวี ซึ่งจะเกิดขึ้นได้เมื่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายได้ถูกเชื้อไวรัสทำลายไปแล้ว

วิธีสังเกตคนเป็นเอดส์

วิธีสังเกตคนเป็นเอดส์

หากเราจะสังเกตคนที่เป็นเอดส์อาจจะทำได้ยาก บางครั้งก็เป็นอาการที่ต้องได้ยินจากผู้ป่วยเอง อาการที่ดูออกง่าย ๆ นั่นก็คือโรคการติดเชื้อฉวยโอกาส อาจจะมีอยู่หลากหลายชนิด เช่น อาการไข้เรื้อรังไอเป็นเลือด เยื่อหุ้มสมองอักเสบ วัณโรค และอาการปวดหัวอย่างรุนแรง เป็นต้น

อาการของคนเป็นเอดส์

อาการของคนเป็นเอดส์

เอชไอวีต่างจากโรคเอดส์อย่างไร

เอชไอวีต่างจากโรคเอดส์อย่างไร

ระยะติดเชื้อปฐมภูมิ

ระยะตั้งต้นเมื่อติดเชื้อไวรัสใหม่ ๆ หรือ ระยะติดเชื้อปฐมภูมิ อาการผิดปกติของผู้ป่วยในระยะแรกนี้จะมีน้อย และสามารถหายไปเองได้ในเวลา 2 ถึง 4 สัปดาห์ ได้แก่ เจ็บคอ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ มี ไข้ต่ำ ๆ อ่อนเพลีย น้ำหนักลดเล็กน้อย ถ่ายอุจจาระเหลว ต่อมน้ำเหลืองโต ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับอาการของ โรคไข้หวัดใหญ่ ทำให้วินิจฉัยถูกต้องได้ยาก ระยะแรกนี้ยังไม่เรียกว่า โรคเอดส์ (Primary infection) เป็นระยะที่ไวรัสเข้าไปใน “ทีเซลล์” และทำให้เซลล์เหล่านี้ตายเป็นจำนวนมาก ทำให้ “ทีเซลล์” ในเลือดลดจำนวนลง เชื้อไวรัสจะแพร่กระจายไปทั่วร่างกาย และกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันต้านทานที่สร้างแอนติบอดี ให้สร้างแอนติบอดี้ต่อเชื้อไวรัสขึ้นมาภายในเวลา 3 ถึง 7 สัปดาห์ หลังจากติดเชื้อ ซึ่งแอนติบอดีนี้สามารถตรวจพบได้จากเลือด และเป็นสิ่งที่ใช้ในการวินิจฉัยการติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ที่ชัดเจนมาก

ระยะติดเชื้อเรื้อรัง

ระยะติดเชื้อเรื้อรัง การติดเชื้อฉวยโอกาส อย่างรุนแรง ผู้ติดเชื้ออาจจะมีเชื้อราขึ้นที่ลิ้น หรือมี วัณโรค ปอดกำเริบ โรคเริม หรือโรคงูสวัด เกิดขึ้นได้ แต่อาการมักไม่รุนแรงมาก และมักจะรักษาโรคเหล่านี้ได้ผล ระยะนี้ของโรคก็ยังไม่เรียกโรคเอดส์ เช่นกัน (Chronic infection) หรือระยะสงบทางคลินิก (Clinical latency) ระยะนี้ เชื้อไวรัสจะเข้าไปอยู่ในต่อมน้ำเหลือง และในม้าม และจะแบ่งตัวเพิ่มปริมาณในอวัยวะทั้งสองนี้เป็นส่วนใหญ่ ปริมาณของ CD 4 positive T-cell ในเลือด จะค่อย ๆ ลดจำนวนลงอย่างช้า ๆ ระบบภูมิคุ้ม กันต้านทานโรคของร่างกาย จะไม่สามารถกำจัดเชื้อไวรัสได้ เพราะ CD 4 positive T-cell จะลดจำนวนลงเรื่อย ๆ ระยะนี้ส่วนใหญ่จะกินเวลานาน 7-10 ปี โดยที่ผู้ติดเชื้อไม่มีอาการผิดปกติชัดเจน นอกจากนั้นการได้รับยาต้านไวรัสอย่างสม่ำเสมอจะเป็นการทำให้ผู้ติดเชื้อมีชีวิตอยู่ในระยะนี้ได้ยาวนานยิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อนสมัยที่ยังไม่มีการค้นพบยาต้านเชื้อไวรัส ซึ่งในระยะนี้ เซลล์ CD 4 positive T-cell ยังไม่ต่ำมากจนเป็นสาเหตุ

โรคเอดส์

ระยะที่เป็นโรคเอดส์ ท้องเสีย ถ่ายอุจจาระเหลวเป็นประจำ ปริมาณของ CD 4 positive T-cell จะต่ำมาก ส่วนใหญ่ต่ำกว่า 200 เซลล์ต่อไมโครลิตร และจะมีการติดเชื้อฉวยโอกาส ในอวัยวะสำคัญอย่างรุนแรง เช่น ปอด มีอาการทางสมอง และมีมะเร็งชนิดต่าง ๆ เกิดขึ้นได้ ที่พบบ่อย คือ โรคมะเร็งคาโปซิซาร์โคมา (Kaposi sarcoma) และโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ระยะนี้เป็นระยะที่ระบบภูมิคุ้มกันต้านทานโรคของร่างกายถูกทำลายเกือบทั้งหมดโดยเชื้อไวรัสนี้ ปริมาณเชื้อไวรัสในเลือดจะสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้ป่วยจะมีไข้เรื้อรังนานเป็นเดือน ๆ อ่อนเพลียมาก น้ำหนักตัวลดลงอย่างรวดเร็ว

สรุป

ระยะที่ 1 และ 2 ของการติดเชื้อไวรัสเอชไอวี ยังไม่เรียกว่าเป็นโรคเอดส์ เราจะเรียกระยะที่ 3 ของโรคว่าเป็นโรคเอดส์เท่านั้น

NaniTalk S.

เป็นนักเขียนที่ขยันขันแข็งและมุ่งมั่นที่จะผลิตเนื้อหาที่มีคุณภาพ เรียนรู้และเติบโตอยู่เสมอ เชื่อว่าเนื้อหาที่ดีสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลกได้

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button