![[รีวิว-เรื่องย่อ] นักรบสงครามข้ามจักรวาล | John Carter (2012)](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/09/Review-John-Carter-2012.webp)
- John Carter เป็นหนังไซไฟผจญภัยที่สร้างจากนิยายเก่าแก่ปี 1912 เกี่ยวกับการเดินทางข้ามดาวและสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์
- การแสดงของเทย์เลอร์ คิทช์ ในบทจอห์น คาร์เตอร์ และลินน์ คอลลินส์ ในบทเจ้าหญิงเดจาห์ ธอริส โดดเด่นด้วยเคมีที่เข้ากัน
- หนังสำรวจธีมการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดและการค้นพบตัวเองในโลกแปลกใหม่ แต่ถูกวิจารณ์เรื่องบทที่ซ้ำซาก
- แม้จะขาดทุนยับ แต่หนังก็ยังเปล่งประกายด้วยภาพที่งดงามตระการตา และฉากแอคชั่นที่ยังคงทรงพลัง น่าจับตาในยุคนี้
เราเคยฝันไหมว่าจะหลุดไปอีกโลกหนึ่ง แล้วกลายเป็นฮีโร่ที่ต้องช่วยดาวทั้งดวง? แต่ถ้าต้องเจอสงครามระหว่างเอเลี่ยนแปลกๆ และยังหาทางกลับบ้านไม่ได้ จะยังสนุกอยู่รึเปล่า? หนัง John Carter (2012) ของผู้กำกับ แอนดรูว์ สแตนตัน (Andrew Stanton) พาเราไปสัมผัสเรื่องราวแบบนั้นเลย จากนิยายคลาสสิกของ เอ็ดการ์ ไรซ์ เบอร์โรส์ ที่เป็นแรงบันดาลใจให้หนังดังๆ อย่าง Star Wars หนังเรื่องนี้เกิดขึ้นในยุค 2012 ที่ดิสนีย์ทุ่มทุนมหาศาล แต่กลับถูกมองข้ามเพราะโปรโมตห่วย ทำให้กลายเป็นหนังขาดทุนระดับตำนาน
เรื่องราวติดตาม จอห์น คาร์เตอร์ (เทย์เลอร์ คิทช์) ทหารจากโลกที่จู่ๆ ก็ถูกส่งไปดาวอังคาร หรือที่เรียกว่า “บาร์ซูม” ในภาษาเอเลี่ยน ที่นั่นเขาต้องเผชิญสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์ต่างๆ รวมถึงช่วย เจ้าหญิงเดจาห์ ธอริส (ลินน์ คอลลินส์) ที่อาจรู้วิธีส่งเขากลับบ้าน แต่ยิ่งอยู่นาน คาร์เตอร์ยิ่งพบว่าชะตากรรมของดาวทั้งดวงขึ้นอยู่กับเขา หนังผสมผสานแอคชั่น ผจญภัย และโรแมนติกแบบไซไฟเก่าๆ ที่ดูแล้วชวนคิดถึงหนังยุคก่อน
ในรีวิวนี้ เราจะพาไปเจาะลึกทุกมุมของหนังเรื่องนี้ ตั้งแต่จุดเด่นเรื่องภาพและแอคชั่น ไปจนถึงจุดด้อยที่ทำให้หนังไม่เปรี้ยงอย่างที่ควร มาดูกันว่า John Carter ยังสมควรได้รับการยกย่องในฐานะหนังไซไฟคลาสสิกไหม แม้จะผ่านมา 13 ปีแล้วก็ตาม

รีวิวและเรื่องย่อ John Carter (นักรบสงครามข้ามจักรวาล)
John Carter เล่าเรื่องของทหารจากโลกที่หลุดไปดาวอังคาร แล้วกลายเป็นนักรบที่ต้องต่อสู้ในสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์แปลกๆ หนังดัดแปลงจากนิยาย A Princess of Mars ปี 1912 ซึ่งเป็นต้นกำเนิดไอเดียให้หนังไซไฟดังๆ มากมาย เรื่องเริ่มจากคาร์เตอร์ที่เบื่อโลกมนุษย์ แล้วจู่ๆ ก็ถูกส่งไปบาร์ซูม ที่นั่นเขามีพลังพิเศษเพราะแรงโน้มถ่วงต่างกัน ทำให้กระโดดสูงและต่อสู้เก่งกาจ
กลุ่มศัตรูหลักคือเผ่าธาร์กส์ สิ่งมีชีวิตผิวเขียวตัวสูงใหญ่ที่นำโดย ทาร์ส ทาร์คัส (วิลเล็ม เดโฟ) ซึ่งกลายเป็นพันธมิตรกับคาร์เตอร์ในภายหลัง แล้วยังมีเจ้าหญิงเดจาห์จากเผ่าแดงที่ฉลาดและเก่งเรื่องวิทยาศาสตร์ เธอพยายามหาทางช่วยดาวของตัวเองจากวิกฤตสิ่งแวดล้อม หนังผสมธีมการเอาชีวิตรอดเข้ากับการผจญภัยแบบคลาสสิก เหมือนเราได้เล่นเกม RPG ในโลกเอเลี่ยน
แต่ละฉากในหนังเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เช่น ฉากต่อสู้กับสัตว์ประหลาดหรือการบินด้วยยานลอยฟ้า แต่บางส่วนก็ดูซ้ำซากเพราะนิยายเรื่องนี้เก่าแก่ ทำให้พล็อตคล้ายหนังใหม่ๆ ที่ยืมไอเดียไป อย่างไรก็ตาม การกำกับของสแตนตันที่มาจากแอนิเมชั่นอย่าง Wall-E ทำให้หนังมีภาพสวยงามและโลกที่สร้างสรรค์ น่าเสียดายที่บทไม่ค่อยลึกซึ้งเท่าไร
เทย์เลอร์ คิทช์ ในบทจอห์น คาร์เตอร์ แสดงได้โอเค แต่บางทีดูเหมือนฮีโร่ที่ไม่ค่อยอยากเป็นฮีโร่ซะเท่าไร เขาเป็นทหารที่สูญเสียครอบครัว แล้วกลายเป็นคนเย็นชา แต่พอไปดาวอังคารก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป การแสดงของเขาทำให้เราเอาใจช่วยได้ แต่จุดเด่นจริงๆ อยู่ที่ ลินน์ คอลลินส์ ในบทเดจาห์ ธอริส เธอเป็นเจ้าหญิงที่ฉลาด เก่งต่อสู้ และมีเสน่ห์ ทำให้ตัวละครนี้ดูน่าสนใจกว่าฮีโร่หลักซะอีก
นักแสดงสมทบอย่างวิลเล็ม เดโฟและซาแมนธา มอร์ตัน ที่เล่นเป็นเอเลี่ยนผิวเขียว ก็ทำได้ดีแม้จะซ่อนหลัง CGI แต่บทไม่ค่อยให้พวกเขาได้โชว์มากนัก เหมือนหนังอยากโฟกัสที่คาร์เตอร์และเดจาห์มากกว่า เปรียบเหมือนทีมฟุตบอลที่กองหน้าดังแต่กองหลังไม่ค่อยได้บอล อย่างไรก็ตาม เคมีระหว่างตัวละครทำให้หนังดูเพลิน โดยเฉพาะฉากโรแมนติกที่ผสมเข้ากับแอคชั่น
ถ้าถามว่าเปลี่ยนตัวเอกเป็นเดจาห์จะดีกว่าไหม? คงใช่เลย เพราะเธอดูมีมิติมากกว่า ทำให้เรื่องราวน่าติดตามขึ้น แต่หนังก็ยังสนุกในแบบของมัน ด้วยตัวละครที่เราเชียร์ได้และโลกที่แปลกใหม่
ผู้กำกับแอนดรูว์ สแตนตัน เปลี่ยนจากแอนิเมชั่นมาทำหนังคนจริงครั้งแรก และเขาทำได้ดีทีเดียว หนังมีฉากใหญ่ๆ ที่ดูอลังการ เช่น การต่อสู้อันยิ่งใหญ่และภูมิทัศน์ของดาวอังคารที่แห้งแล้งแต่สวยงาม CGI ในปี 2012 ถือว่าดีมาก ทำให้สัตว์ประหลาดและยานอวกาศดูสมจริง เหมือนเราได้ไปเที่ยวดาวอื่นจริงๆ
เสียงประกอบและดนตรีก็ช่วยเพิ่มความตื่นเต้น โดยเฉพาะในฉากแอคชั่นที่เร่งจังหวะให้ใจเต้นแรง แต่บางฉากอย่างการรบใหญ่ตอนจบอาจไม่ค่อยน่าจดจำเท่าไร เพราะพล็อตยุ่งเหยิงไปหน่อย อย่างไรก็ตาม ถ้าดูในยุคนี้ หนังยังดูดีกว่าบล็อกบัสเตอร์หลายเรื่อง เพราะมันมีเสน่ห์แบบเก่าๆ ที่หายาก
หนังเรื่องนี้เหมือนเกมเก่าที่รีมาสเตอร์ใหม่ แม้จะไม่เพอร์เฟกต์แต่ยังสนุกและมีเอกลักษณ์ โดยเฉพาะสำหรับแฟนไซไฟที่ชอบเรื่องราวแบบผจญภัยข้ามดาว

John Carter สำรวจธีมการค้นพบตัวเองและการต่อสู้เพื่อสิ่งที่ถูกต้อง แม้จะอยู่ในโลกแปลกหน้า คาร์เตอร์ที่เคยเป็นคนเห็นแก่ตัว ต้องเรียนรู้ที่จะช่วยเหลือผู้อื่น เหมือนเราในชีวิตจริงที่บางทีต้องเจอสถานการณ์บังคับให้เปลี่ยนแปลง หนังยังวิจารณ์เรื่องการล่าอาณานิคมเบาๆ ผ่านสงครามระหว่างเผ่า ทำให้เราคิดถึงปัญหาในโลกจริง
แต่จุดด้อยคือพล็อตที่ไม่ค่อยสดใหม่ เพราะนิยายเรื่องนี้เก่าแก่ ทำให้ดูเหมือนยืมไอเดียจากหนังอื่นๆ ที่จริงแล้วหนังอื่นยืมจากเรื่องนี้ต่างหาก มันเหมือนขนมเก่าที่ยังอร่อยแต่ไม่ว้าวเท่ายุคใหม่ อย่างไรก็ตาม ธีมยังคงทรงพลังและทำให้หนังมีสาระมากกว่าแค่แอคชั่น
หนังเรื่องนี้ทำให้เราตั้งคำถามว่า ถ้าเราไปโลกอื่นจะทำยังไง? จะกลายเป็นฮีโร่หรือแค่เอาตัวรอด?
John Carter (2012) เป็นหนังไซไฟผจญภัยที่ถูกมองข้ามเพราะขาดทุนหนัก แต่จริงๆ แล้วมันสนุกและมีเสน่ห์แบบคลาสสิก ด้วยภาพสวย แอคชั่นมันส์ และตัวละครที่น่าเอาใจช่วย แม้บทจะไม่ลึกนัก แต่ก็ยังสร้างความเพลิดเพลินให้กับแฟนๆ ของแนวนี้ได้อยู่ดี หนังเตือนเราว่าความสำเร็จทางการเงินไม่ใช่ทุกอย่าง บางทีหนังดีๆ ก็แค่ต้องการโอกาสให้คนดู
สำหรับใครที่ชอบ หนังไซไฟ แบบ Star Wars หรือ Avatar ลองไปดู John Carter สิ มันจะทำให้เราได้คิดถึงธรรมชาติของมนุษย์และการต่อสู้ในโลกแปลกใหม่ มาคอมเมนต์กันว่าหนังเรื่องนี้ทำให้เรารู้สึกยังไง และแชร์รีวิวนี้ให้เพื่อนๆ ที่ชอบหนังแนวนี้ด้วยนะ! อย่าปล่อยให้หนังดีๆ ถูกมองข้ามอีก
- ชื่อเรื่องในภาษาไทย: นักรบสงครามข้ามจักรวาล
- ประเภท: ไซไฟ, ผจญภัย, แอ็คชั่น
- วันที่ออกฉาย: 9 มีนาคม 2555
- นักแสดงนำ: เทย์เลอร์ คิทช์ (Taylor Kitsch), ลินน์ คอลลินส์ (Lynn Collins), วิลเล็ม เดโฟ (Willem Dafoe)
- ผู้กำกับ: แอนดรูว์ สแตนตัน (Andrew Stanton)
- ความยาว: 2 ชั่วโมง 12 นาที
- เรตติ้ง IMDb: 6.6/10
- ช่องทางการดูในประเทศไทย: Disney+