รีวิวหนังฝรั่ง

[รีวิว-เรื่องย่อ] บริษัทกำจัดผี | Ghostbusters (1984) หนังตลกสยองขวัญคลาสสิก

  • Ghostbusters เป็นหนังคลาสสิกจากปี 1984 ที่สร้างจากไอเดียการจับผีด้วยอุปกรณ์ไฮเทคในเมืองใหญ่
  • การแสดงของแฮโรลด์ รามิส ในบทอีกอน สเปงเลอร์ โดดเด่นด้วยมุกตลกทางกายภาพที่ไม่เวอร์เกินไป
  • หนังสำรวจธีมมิตรภาพและการต่อสู้กับสิ่งเหนือธรรมชาติแบบเบาสมอง
  • ผู้กำกับไอแวน ไรต์แมน นำเสนอเรื่องราวที่ผสมผสานความตลกกับเอฟเฟกต์พิเศษสุดล้ำสมัยยุคนั้น

เราเคยดูหนังเก่าๆ แล้วรู้สึกว่ามันยังสนุกเหมือนเดิมไหม? เหมือน Ghostbusters (1984) ที่เป็นเหมือนหนังคริสต์มาสสำหรับหลายคน เพราะชอบโผล่มาทางทีวีช่วงเทศกาล แต่จริงๆ แล้ว หนังเรื่องนี้ดูเมื่อไหร่ก็ได้นะ ถ้าเราไม่กลัวผีซะก่อน! หนัง Ghostbusters ของผู้กำกับ ไอแวน ไรต์แมน (Ivan Reitman) พาเราไปรู้จักกลุ่มศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยที่ผันตัวมาเปิดบริษัทจับผี เมื่อเมืองนิวยอร์กถูกผีบุกหนัก เรื่องราวเต็มไปด้วยมุกฮาและเอฟเฟกต์เจ๋งๆ ที่ทำให้หนังเรื่องนี้กลายเป็นตำนาน

เรื่องย่อเริ่มจาก ปีเตอร์ เวงค์แมน แสดงโดย บิล เมอร์เรย์ (Bill Murray), เรย์ สแตนซ์ แสดงโดย แดน แอ็ครอยด์ (Dan Aykroyd) และ อีกอน สเปงเลอร์ แสดงโดย แฮโรลด์ รามิส (Harold Ramis) สามหนุ่มที่ตั้งบริษัทกำจัดผี หลังจากเมืองเต็มไปด้วยผีร้าย พวกเขาต้องรับมือลูกค้าล้นมือ แม้แต่จ้าง วินสตัน เซดเดอมอร์ แสดงโดย เออร์นี ฮัดสัน (Ernie Hudson) มาช่วย แต่ก็ยังยุ่งหัวปั่น จนไม่มีเวลาดูแลลูกค้าอย่าง ดาน่า บาร์เร็ตต์ แสดงโดย ซิกัวร์นีย์ วีเวอร์ (Sigourney Weaver) ที่ตู้เย็นของเธอถูก ซูล บุก และอาจจะวางแผนร้ายอะไรบางอย่าง

ในบทความนี้ เราจะพาไปรีวิวทุกมุมของ หนัง Ghostbusters (1984) ตั้งแต่บทที่แน่นเป๊ะ การแสดงที่ลงตัว ไปจนถึงเหตุผลที่ทำให้หนังเรื่องนี้ยังคงฮิตไม่เสื่อมคลาย มาดูกันว่าทำไมหนังคอมเมดี้สยองขวัญเรื่องนี้ถึงกลายเป็นไอคอนแห่งยุค 80s และยังทำให้เรายิ้มได้ทุกครั้งที่ดู

Ghostbusters บริษัทกำจัดผี (1984)

รีวิวและเรื่องย่อ Ghostbusters (บริษัทกำจัดผี)

Ghostbusters เล่าเรื่องของสามศาสตราจารย์ที่ถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัยเพราะงานวิจัยเรื่องผี แล้วพวกเขาก็ตัดสินใจเปิดบริษัทจับผีในนิวยอร์กที่กำลังถูกผีรบกวนหนัก กลุ่มนี้ใช้เครื่องมือไฮเทคอย่าง Proton Pack ไล่จับผีไปทั่วเมือง เรื่องราวสนุกตรงที่ผสมความฮากับความน่ากลัวแบบเบาๆ ทำให้ดูเพลินไม่เครียดเกินไป เรย์เป็นคนที่คลั่งไคล้เรื่องเหนือธรรมชาติสุดๆ ขณะที่ปีเตอร์ชอบเล่นมุกประชดประชัน และอีกอนเป็นนักวิทย์เงียบๆ ที่ชอบทดลองแปลกๆ

เมื่อธุรกิจเริ่มบูม พวกเขาต้องจ้างวินสตันมาช่วย แต่ก็ยังรับมือไม่ไหวกับผีที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะเคสของดาน่าที่ตู้เย็นกลายเป็นประตูสู่อีกมิติ หนังเรื่องนี้สร้างจากไอเดียจริงๆ ของแดน แอ็ครอยด์ที่สนใจเรื่องผีมาตั้งแต่เด็ก ทำให้เรื่องราวดูมีพื้นฐานน่าเชื่อถือแม้จะเป็นคอมเมดี้ เอฟเฟกต์พิเศษอย่าง Slimer ผีเขียวเหนียวๆ ยังคงดูเจ๋งแม้เวลาผ่านไป 40 ปี

บทหนังเขียนโดยแดน แอ็ครอยด์และแฮโรลด์ รามิสเอง ทำให้ตัวละครแต่ละตัวมีเอกลักษณ์ชัดเจน ไม่ใช่แค่ตัวประกอบ เราจะเห็นพัฒนาการของพวกเขาจากนักวิทย์ตกงานกลายเป็นฮีโร่จับผีที่เมืองรัก หนังเรื่องนี้เหมือนเกมที่ค่อยๆ อัปเลเวล จากจับผีเล็กๆ ไปสู่การต่อสู้กับเทพเจ้าร้ายอย่างโกเซอร์

การแสดงของ บิล เมอร์เรย์ (Bill Murray) ในบทปีเตอร์ เวงค์แมน เป็นจุดขายใหญ่ของหนัง เขาเล่นแบบกวนๆ แต่มีเสน่ห์ ทำให้เราขำตลอด แต่ก็มีบางมุกที่ดูล้าสมัยหน่อย เช่น การจีบดาน่าแบบก้าวร้าวเกินไป ซึ่งสมัยนี้คงโดนด่าเละ แต่ในยุค 80s มันเป็นสไตล์ฮอลลีวูดทั่วไป เราต้องยอมรับว่าหนังเก่ามีส่วนที่ไม่เพอร์เฟกต์ แต่โดยรวมแล้ว การแสดงของเขาช่วยขับเคลื่อนเรื่องให้สนุกขึ้นมาก

แฮโรลด์ รามิส (Harold Ramis) ในบทอีกอน สเปงเลอร์ คือตัวละครโปรดของหลายคน รวมถึงเรา เพราะเขาตลกแบบเงียบๆ ด้วยการแสดงทางกายภาพที่พอดี ไม่เวอร์เกิน เช่น ฉากที่เขาก้มดูเชื้อราในตู้เย็นแบบจริงจัง มันทำให้ตัวละครดูน่ารักและเป็นเอกลักษณ์ นักแสดงอื่นๆ อย่างแดน แอ็ครอยด์ก็เล่นเรย์ได้น่าเอ็นดู เหมือนเด็กโตที่ตื่นเต้นกับของเล่นใหม่ๆ ทุกคนช่วยกันทำให้หนังเรื่องนี้รู้สึกเหมือนดูแก๊งเพื่อนทะเลาะกันแต่ยังรักกัน

เออร์นี ฮัดสัน ในบทวินสตันก็น่าสนใจ เพราะเขาเป็นคนธรรมดาที่ไม่คลั่งวิทยาศาสตร์ แต่เข้ามาเสริมทีมให้สมดุล หนังเรื่องนี้เก่งตรงที่ให้พื้นที่ตัวละครทุกคนได้โชว์ ไม่ใช่แค่พระเอกคนเดียว มันเหมือนปาร์ตี้ที่ทุกคนมีบทบาท ทำให้เราอยากดูซ้ำเพื่อจับมุกเล็กๆ น้อยๆ ที่ซ่อนอยู่

Ghostbusters (1984) #1

เอฟเฟกต์ใน หนัง Ghostbusters (1984) ถือว่าล้ำสมัยมากสำหรับยุคนั้น โดยเฉพาะฉากผีบุกเมืองและการจับผีด้วยลำแสงโปรตอน มันดูสนุกและไม่เชยเลยแม้เทคโนโลยีจะก้าวหน้าไปไกล ทีมงานใช้เทคนิค practical effects ผสมกับ CGI ยุคแรก ทำให้ผีอย่าง Slimer ดูมีชีวิตชีวา เหมือนจริงจนเราอยากมีตุ๊กตาเลยล่ะ

ดนตรีประกอบโดยเอลเมอร์ เบิร์นสไตน์ และเพลงธีม “Ghostbusters” ของเรย์ พาร์คเกอร์ จูเนียร์ ยังคงติดหูจนถึงทุกวันนี้ มันช่วยสร้างบรรยากาศสนุกสนานและตื่นเต้น หนังเรื่องนี้เหมือนรถไฟเหาะที่ค่อยๆ เร่งจังหวะจากมุกขำเบา ๆ ไปจนถึงไคลแมกซ์สุดยิ่งใหญ่ กับการเผชิญหน้าศึกเดือดกับผียักษ์

การตัดต่อและการกำกับของไอแวน ไรต์แมน ทำให้ทุกอย่างไหลลื่น ไม่มีช่วงน่าเบื่อ มันเป็นหนังที่ผสมผสานองค์ประกอบได้ลงตัว เหมือนสูตรอาหารที่อร่อยเพราะส่วนผสมพอดีเป๊ะ ไม่แปลกใจที่หนังเรื่องนี้กลายเป็นแฟรนไชส์และมีภาคต่อตามมาอีกหลายเรื่อง

Ghostbusters (1984) #2

หนังเรื่องนี้ไม่ได้มีแค่ความตลก แต่ยังสำรวจธีมมิตรภาพและการต่อสู้กับสิ่งที่มองไม่เห็น เหมือนชีวิตจริงที่เราต้องเจอปัญหาแปลกๆ แต่ถ้ามีเพื่อนดีๆ ก็ผ่านไปได้ มันถามเราว่า ถ้าโลกมีผีจริงๆ เราจะทำยังไง? การผสมคอมเมดี้กับสยองขวัญแบบนี้ทำให้หนังไม่ตกยุคง่ายๆ

จากมุมมองแฟนหนัง เราเชื่อว่า Ghostbusters เป็นหนังที่เพอร์เฟกต์ในแบบของมัน ไม่ใช่หนังที่ดีที่สุดในโลก แต่กลับกลายเป็นสุดยอดของหนังคอมเมดี้สยองขวัญยุค 80s ดูแล้วยิ้มได้ตลอดเรื่อง เหมือนกินขนมอร่อยที่กินซ้ำไม่เบื่อ

Ghostbusters (1984) ทำให้เราตั้งคำถามกับความกลัวและมิตรภาพในแบบสนุกๆ หนังเรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าปัญหาใหญ่แค่ไหน ถ้ามีทีมดีๆ และมุกฮา ก็แก้ได้หมด แม้จะเป็นผีบุกเมืองก็ตาม สำหรับใครที่ยังไม่เคยดู หรืออยากย้อนวัย หนังเรื่องนี้คือตัวเลือกสุดเจ๋งที่จะทำให้วันหยุดสนุกขึ้น

ถ้าเราเป็นแฟน หนังตลกสยองขวัญ และชอบเรื่องราวที่ผสมเอฟเฟกต์เจ๋งๆ กับมุกตลก Ghostbusters คือหนังที่ห้ามพลาด มันจะทำให้เราคิดถึงวันเก่าๆ และอยากชวนเพื่อนมาดูด้วยกัน มาแชร์ในคอมเมนต์ว่าตัวละครไหนโปรดของเรา และทำไมหนังเรื่องนี้ยังฮิตอยู่ทุกวันนี้ อย่าลืมแชร์รีวิวนี้ให้เพื่อนๆ ที่ชอบหนังคลาสสิกด้วยนะ!

  • ชื่อเรื่องในภาษาไทย: บริษัทกำจัดผี
  • ประเภท: คอมเมดี้, สยองขวัญ, แฟนตาซี
  • วันที่ออกฉาย: 8 มิถุนายน 2527
  • นักแสดงนำ: บิล เมอร์เรย์ (Bill Murray), แดน แอ็ครอยด์ (Dan Aykroyd), แฮโรลด์ รามิส (Harold Ramis), ซิกัวร์นีย์ วีเวอร์ (Sigourney Weaver), เออร์นี ฮัดสัน (Ernie Hudson)
  • ผู้กำกับ: ไอแวน ไรต์แมน (Ivan Reitman)
  • ความยาว: 1 ชั่วโมง 45 นาที
  • เรตติ้ง IMDb: 7.8/10

กดเพื่ออ่านต่อ

PhiRa W.

เป็นนักเขียนอิสระที่หลงใหลในสื่อบันเทิงทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ซีรีส์ วาไรตี้ และสารคดี ผมชอบที่จะวิเคราะห์และถอดรหัสเนื้อหาเหล่านั้นออกมาในรูปแบบของรีวิวที่เข้าใจง่ายและสนุกสนาน เพื่อแบ่งปันมุมมองและประสบการณ์ให้กับผู้อ่าน

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button