รีวิวหนังฝรั่ง

[รีวิว-เรื่องย่อ] How to Train Your Dragon (2025)

เมื่อ Disney ประกาศทำ How to Train Your Dragon ในเวอร์ชั่นนักแสดงจริง (Live Action) หลายคนคงตั้งคำถามว่า “จำเป็นไหม?” และหลังจากชมภาพยนตร์แล้ว คำตอบอาจอยู่ในใจของคุณเอง ใช่, มันไม่จำเป็นเลย หนังเรื่องนี้ไม่ได้นำเสนอสิ่งใหม่ใดๆ เหนือกว่าเวอร์ชั่นอนิเมชันปี 2010 ที่แฟนๆ รักมาก่อน แต่กลับเลือกเดินตามรอยแบบเต็มใจ โดยไม่พยายามเปลี่ยนแปลงแม้แต่ฉากสำคัญใดๆ ซึ่งกลายเป็นคำถามใหญ่ว่า ความเป็นศิลปะในยุคที่เน้นการทำเงินอย่างเดียวหายไปไหนแล้ว?

How to Train Your Dragon (อภินิหารไวกิ้งพิชิตมังกร)

รีวิวและเรื่องย่อ How to Train Your Dragon (อภินิหารไวกิ้งพิชิตมังกร)

ด้วยการกำกับโดย Dean Deblois, ผู้เคยอยู่เบื้องหลังอนิเมชันต้นฉบับ, การหวนกลับมาทำเวอร์ชั่นคนแสดงจริงครั้งนี้จึงดูเหมือนจะมีความเข้าใจในเนื้อหาอยู่บ้าง แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากการทำซ้ำแบบช็อตต่อช็อตได้ โลกของ Berk ยังคงเป็นเหมือนเดิม สงครามระหว่าง Vikings กับ Dragons ก็ดำเนินไปตามโครงเรื่องเดิมทุกประการ โดยมี Chief Stoick the Vast (รับบทโดย Gerard Butler) เป็นหัวใจของการขัดแย้ง

Hiccup (รับบทโดย Mason Thames) ยังคงเป็นเด็กหนุ่มที่แตกต่างจากเพื่อน ๆ ของเขา แทนที่จะต่อสู้กับมังกร เขาเลือกที่จะเข้าใจพวกมัน จนนำไปสู่การพบเจอกับ Toothless และการเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของ Berk ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม การแสดงของ Thames กลับไม่สามารถเทียบระดับกับ Jay Baruchel จากเวอร์ชั่นอนิเมชันได้ ทำให้ Hiccup ดูเป็นเพียงตัวละครที่ถูกพาไปตามเรื่องราว มากกว่าจะเป็นผู้ควบคุมมัน

แม้ตัวหนังจะไม่ได้มีการปรับบทบาทอะไรมากนัก แต่ Nico Parker ในบท Astrid กลับกลายเป็นดาวเด่นของเรื่อง เธอสามารถแสดงออกถึงความแข็งแกร่งและความมั่นใจของตัวละครได้อย่างสมจริง แม้บทจะไม่ได้ขยายมากนัก แต่การแสดงของเธอกลับช่วยให้ Astrid โดดเด่นเหนือตัวละครอื่น ๆ ที่ดูเหมือนจะถูกใส่บทไว้เพียงแค่ให้มีอยู่ในฉาก เช่น Snotlout, Fishlegs, Ruffnut และ Tuffnut

Nick Frost ในบท Gobber พยายามอย่างดีที่สุดในการสร้างอารมณ์ขันและเสน่ห์แบบเก่า ๆ แต่ก็ไม่สามารถช่วยแก้ไขความอ่อนล้าของโครงเรื่องโดยรวมได้ ขณะที่ Gerard Butler ยังคงเข้าถึงบทบาท Stoick ได้ดีเหมือนเคย แต่บทก็ไม่ได้ให้โอกาสเขาแสดงศักยภาพมากนัก

หนึ่งในปัญหาใหญ่ของ How to Train Your Dragon (2025) คือการยืดเวลาให้ยาวขึ้นกว่าเดิมถึง 27 นาที โดยแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาหลักใด ๆ เลย เพียงแต่เพิ่มรายละเอียดเล็กน้อย เช่น การขยายฉากฝึกทหาร หรือการเพิ่มเบื้องหลังของ Astrid ซึ่งไม่ได้สร้างผลกระทบเชิงลึกใด ๆ ต่อเนื้อเรื่อง

ผลลัพธ์คือ ความไหลลื่นของเรื่องราวลดลง ความคล่องตัวของต้นฉบับหายไป กลายเป็นหนังที่รู้สึกหนักหน่วงและขาดพลังในการดึงดูดผู้ชม แม้แต่ฉากเปิดเรื่องอย่าง “Welcome to Berk” ที่ควรจะเป็นจุดเริ่มต้นที่น่าสนใจ ก็กลับรู้สึกยาวเกินไปและไม่มีอะไรใหม่ ๆ ให้ตื่นเต้น

แน่นอนว่าเทคโนโลยีในปี 2025 ทำให้โลกของ Berk ดูสมจริงมากขึ้น ฉากการบินของ Toothless และ Hiccup ถ่ายทอดออกมาได้อย่างสวยงาม แต่ก็ยังมีบางช่วงที่ CGI ดูปลอมจนแยกได้ว่านี่คืองานคอมพิวเตอร์ ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งตรงกันข้ามกับอนิเมชันที่สามารถหลอกตาผู้ชมได้ดีกว่ามาก

ในแง่ของเทคนิค หนังทำได้ดีพอสมควร แต่หากพิจารณาในแง่ของความรู้สึกและอารมณ์แล้ว How to Train Your Dragon (2025) กลับขาดสิ่งที่ทำให้เวอร์ชั่นอนิเมชันเป็นที่รักของผู้ชมไปอย่างสิ้นเชิง

หนึ่งในประเด็นที่หนังสะท้อนออกมาคือการคืนชีพของ IP ที่ไม่ได้มีจุดประสงค์ทางศิลปะ แต่เป็นเพียงเครื่องมือในการสร้างรายได้และการโปรโมตธุรกิจอื่น ๆ เช่น การเปิดตัวโซน Berk ใน Epic Universe ที่ Orlando สิ่งเหล่านี้ทำให้ How to Train Your Dragon (2025) ดูเหมือนเป็นเพียงโฆษณาขยายแบรนด์มากกว่าจะเป็นผลงานภาพยนตร์ที่มีจิตวิญญาณ

How to Train Your Dragon (2025) ไม่ใช่หนังที่แย่ในแง่เทคนิค แต่ก็ไม่ใช่หนังที่มีเหตุผลในการทำซ้ำ ไม่มีการนำเสนอแนวคิดใหม่ ไม่มีการพัฒนาตัวละคร หรือแม้แต่การเพิ่มมิติให้กับเรื่องราว ทุกอย่างถูกวางไว้ตามแผนเดิม และดูเหมือนทีมงานยอมจำนนต่อการเป็น “Content Creation” มากกว่า “Filmmaking”

  • ชื่อเรื่องในภาษาไทย: อภินิหารไวกิ้งพิชิตมังกร
  • ประเภท: ผจญภัย, แฟนตาซี
  • วันที่ออกอากาศ: 13 มิถุนายน 2025
  • นักแสดงนำ: Mason Thames (Hiccup), Nico Parker (Astrid), Gerard Butler (Stoick), Nick Frost (Gobber), Julian Dennison (Fishlegs)
  • ผู้กำกับ: Dean DeBlois
  • จำนวนตอน/ความยาว: 125 นาที
  • เรตติ้ง IMDb: 79/10
  • ช่องทางการดู: โรงภาพยนตร์

PhiRa W.

เป็นนักเขียนอิสระที่หลงใหลในสื่อบันเทิงทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ซีรีส์ วาไรตี้ และสารคดี ผมชอบที่จะวิเคราะห์และถอดรหัสเนื้อหาเหล่านั้นออกมาในรูปแบบของรีวิวที่เข้าใจง่ายและสนุกสนาน เพื่อแบ่งปันมุมมองและประสบการณ์ให้กับผู้อ่าน

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button