
เมื่อ Disney ประกาศทำ How to Train Your Dragon ในเวอร์ชั่นนักแสดงจริง (Live Action) หลายคนคงตั้งคำถามว่า “จำเป็นไหม?” และหลังจากชมภาพยนตร์แล้ว คำตอบอาจอยู่ในใจของคุณเอง ใช่, มันไม่จำเป็นเลย หนังเรื่องนี้ไม่ได้นำเสนอสิ่งใหม่ใดๆ เหนือกว่าเวอร์ชั่นอนิเมชันปี 2010 ที่แฟนๆ รักมาก่อน แต่กลับเลือกเดินตามรอยแบบเต็มใจ โดยไม่พยายามเปลี่ยนแปลงแม้แต่ฉากสำคัญใดๆ ซึ่งกลายเป็นคำถามใหญ่ว่า ความเป็นศิลปะในยุคที่เน้นการทำเงินอย่างเดียวหายไปไหนแล้ว?

รีวิวและเรื่องย่อ How to Train Your Dragon (อภินิหารไวกิ้งพิชิตมังกร)
ด้วยการกำกับโดย Dean Deblois, ผู้เคยอยู่เบื้องหลังอนิเมชันต้นฉบับ, การหวนกลับมาทำเวอร์ชั่นคนแสดงจริงครั้งนี้จึงดูเหมือนจะมีความเข้าใจในเนื้อหาอยู่บ้าง แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากการทำซ้ำแบบช็อตต่อช็อตได้ โลกของ Berk ยังคงเป็นเหมือนเดิม สงครามระหว่าง Vikings กับ Dragons ก็ดำเนินไปตามโครงเรื่องเดิมทุกประการ โดยมี Chief Stoick the Vast (รับบทโดย Gerard Butler) เป็นหัวใจของการขัดแย้ง
Hiccup (รับบทโดย Mason Thames) ยังคงเป็นเด็กหนุ่มที่แตกต่างจากเพื่อน ๆ ของเขา แทนที่จะต่อสู้กับมังกร เขาเลือกที่จะเข้าใจพวกมัน จนนำไปสู่การพบเจอกับ Toothless และการเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของ Berk ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม การแสดงของ Thames กลับไม่สามารถเทียบระดับกับ Jay Baruchel จากเวอร์ชั่นอนิเมชันได้ ทำให้ Hiccup ดูเป็นเพียงตัวละครที่ถูกพาไปตามเรื่องราว มากกว่าจะเป็นผู้ควบคุมมัน
แม้ตัวหนังจะไม่ได้มีการปรับบทบาทอะไรมากนัก แต่ Nico Parker ในบท Astrid กลับกลายเป็นดาวเด่นของเรื่อง เธอสามารถแสดงออกถึงความแข็งแกร่งและความมั่นใจของตัวละครได้อย่างสมจริง แม้บทจะไม่ได้ขยายมากนัก แต่การแสดงของเธอกลับช่วยให้ Astrid โดดเด่นเหนือตัวละครอื่น ๆ ที่ดูเหมือนจะถูกใส่บทไว้เพียงแค่ให้มีอยู่ในฉาก เช่น Snotlout, Fishlegs, Ruffnut และ Tuffnut
Nick Frost ในบท Gobber พยายามอย่างดีที่สุดในการสร้างอารมณ์ขันและเสน่ห์แบบเก่า ๆ แต่ก็ไม่สามารถช่วยแก้ไขความอ่อนล้าของโครงเรื่องโดยรวมได้ ขณะที่ Gerard Butler ยังคงเข้าถึงบทบาท Stoick ได้ดีเหมือนเคย แต่บทก็ไม่ได้ให้โอกาสเขาแสดงศักยภาพมากนัก
หนึ่งในปัญหาใหญ่ของ How to Train Your Dragon (2025) คือการยืดเวลาให้ยาวขึ้นกว่าเดิมถึง 27 นาที โดยแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาหลักใด ๆ เลย เพียงแต่เพิ่มรายละเอียดเล็กน้อย เช่น การขยายฉากฝึกทหาร หรือการเพิ่มเบื้องหลังของ Astrid ซึ่งไม่ได้สร้างผลกระทบเชิงลึกใด ๆ ต่อเนื้อเรื่อง
ผลลัพธ์คือ ความไหลลื่นของเรื่องราวลดลง ความคล่องตัวของต้นฉบับหายไป กลายเป็นหนังที่รู้สึกหนักหน่วงและขาดพลังในการดึงดูดผู้ชม แม้แต่ฉากเปิดเรื่องอย่าง “Welcome to Berk” ที่ควรจะเป็นจุดเริ่มต้นที่น่าสนใจ ก็กลับรู้สึกยาวเกินไปและไม่มีอะไรใหม่ ๆ ให้ตื่นเต้น
แน่นอนว่าเทคโนโลยีในปี 2025 ทำให้โลกของ Berk ดูสมจริงมากขึ้น ฉากการบินของ Toothless และ Hiccup ถ่ายทอดออกมาได้อย่างสวยงาม แต่ก็ยังมีบางช่วงที่ CGI ดูปลอมจนแยกได้ว่านี่คืองานคอมพิวเตอร์ ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งตรงกันข้ามกับอนิเมชันที่สามารถหลอกตาผู้ชมได้ดีกว่ามาก
ในแง่ของเทคนิค หนังทำได้ดีพอสมควร แต่หากพิจารณาในแง่ของความรู้สึกและอารมณ์แล้ว How to Train Your Dragon (2025) กลับขาดสิ่งที่ทำให้เวอร์ชั่นอนิเมชันเป็นที่รักของผู้ชมไปอย่างสิ้นเชิง
หนึ่งในประเด็นที่หนังสะท้อนออกมาคือการคืนชีพของ IP ที่ไม่ได้มีจุดประสงค์ทางศิลปะ แต่เป็นเพียงเครื่องมือในการสร้างรายได้และการโปรโมตธุรกิจอื่น ๆ เช่น การเปิดตัวโซน Berk ใน Epic Universe ที่ Orlando สิ่งเหล่านี้ทำให้ How to Train Your Dragon (2025) ดูเหมือนเป็นเพียงโฆษณาขยายแบรนด์มากกว่าจะเป็นผลงานภาพยนตร์ที่มีจิตวิญญาณ
How to Train Your Dragon (2025) ไม่ใช่หนังที่แย่ในแง่เทคนิค แต่ก็ไม่ใช่หนังที่มีเหตุผลในการทำซ้ำ ไม่มีการนำเสนอแนวคิดใหม่ ไม่มีการพัฒนาตัวละคร หรือแม้แต่การเพิ่มมิติให้กับเรื่องราว ทุกอย่างถูกวางไว้ตามแผนเดิม และดูเหมือนทีมงานยอมจำนนต่อการเป็น “Content Creation” มากกว่า “Filmmaking”
- ชื่อเรื่องในภาษาไทย: อภินิหารไวกิ้งพิชิตมังกร
- ประเภท: ผจญภัย, แฟนตาซี
- วันที่ออกอากาศ: 13 มิถุนายน 2025
- นักแสดงนำ: Mason Thames (Hiccup), Nico Parker (Astrid), Gerard Butler (Stoick), Nick Frost (Gobber), Julian Dennison (Fishlegs)
- ผู้กำกับ: Dean DeBlois
- จำนวนตอน/ความยาว: 125 นาที
- เรตติ้ง IMDb: 79/10
- ช่องทางการดู: โรงภาพยนตร์