![[รีวิว-เรื่องย่อ] F1 The Movie (2025) สปีดแรงบนสนามแข่ง แต่สตอรีเบรกกลางทาง!](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/06/Review-F1-The-Movie-2025.webp)
Key Points
- ฉากแข่งรถระดับ Masterpiece: ถ่ายทำในสนามแข่ง Formula One จริงด้วยเทคนิคอันยอดเยี่ยมจากทีมงานแถวหน้า (Kosinski, Mirrione, Miranda, Zimmer) ให้ความรู้สึกสมจริงและตื่นเต้นสุดขีด!
- นักแสดงฝีมือดี: Brad Pitt ใช้เสน่ห์เติมชีวิตให้บท underdog ส่วน Kerry Condon โดดเด่นสุดในบท Kate McKenna นักแสดงสมทบ (Bardem, Idris, Niles) ก็ทำได้ดีแม้บทบาง!
- เหมาะกับแฟนแข่งรถ: แฟน Formula One และคนรักหนังแอ็กชันสปีดสูงจะถูกใจฉากแข่งมาก! แต่คนที่คาดหวังพล็อตลึกซึ้งอาจผิดหวัง!
คุณเคยนั่งจินตนาการความมันส์ ความเร็ว และอันตรายที่ฉีกประสาทบนสนามแข่ง Formula One ไหม? หนังเรื่อง “F1 The Movie (2025)” นำความฝันนั้นมาสู่จอใหญ่ด้วยสปีดเต็มพิกัด! กำกับโดย Joseph Kosinski เจ้าพ่อหนังบู๊แห่ง “Top Gun: Maverick” ที่ครั้งนี้มาเบิร์นยางแทนเครื่องบินรบ! นำแสดงโดย Brad Pitt นักแสดงขวัญใจมหาชน แต่ว่าจริงๆ แล้วหนังเรื่องนี้มันจะสปีดฉุดใจจนคุณลืมหายใจเหมือนกับ Maverick หรือเปล่า? หรือแค่สปีดแรงบนสนามแข่ง แต่พอออกนอกสนามกลับยางแบนเพราะพล็อตหนังที่ดูเหมือนจะตามสูตร หนังกีฬา เก่าๆ มาทุกกระเบียดนิ้ว? รีวิวนี้จะพาไปล้วงลึกทุกความเร็วและความเชื่องช้าของหนังเรื่องนี้!
“F1 The Movie (2025)” เล็งเป้าหมายตรงไปที่แฟนๆ Formula One และคนรักหนังแอ็กชัน ด้วยคำมั่นสัญญาของฉากแข่งสุดตื่นเต้นที่ถ่ายทำระหว่างฤดูกาลแข่งจริง! แต่เบื้องหลังความเร็วอันน่าทึ่งนี้ หนังจะสามารถเอาชนะความท้าทายใหญ่ของตัวเอง นั่นคือบทหนังที่ดูตามแบบจนเกินไปได้หรือไม่? วันปล่อยตัวในสหราชอาณาจักรคือ 25 มิถุนายน และในสหรัฐอเมริกาคือ 27 มิถุนายน โดย Warner Bros. ดูแลการฉายในโรง ก่อนจะลง Apple TV+ ในที่สุด!

รีวิวและเรื่องย่อ F1 The Movie (F1 เดอะ มูฟวี่)
ไม่ต้องเสียเวลาคาดเดา เพราะ “F1 The Movie (2025)” บอกเราตั้งแต่แรกว่ามันเดินตามสูตรหนังกีฬา underdog story แบบเป๊ะๆ! บทภาพยนตร์โดย Ehren Kruger (ร่วมกันเล่าเรื่องกับ Kosinski) พาเราไปรู้จักกับ Sonny Hayes (Brad Pitt) นักขับ Formula One อดีตดาวรุ่งที่ชีวิตพังทลายเพราะอุบัติเหตุเกือบเอาชีวิตไม่รอดเมื่อ 30 ปีก่อน ตามมาด้วยการติดการพนันและการแต่งงานที่ล้มเหลวหลายครั้ง ปัจจุบัน เขาขับรถแข่งอะไรก็ได้ที่จ้างเขา จนกระทั่ง Ruben Cervantes (Javier Bardem) เพื่อนเก่าที่ตอนนี้กำลังบริหารทีม Formula One เต็มไปด้วยปัญหามาหา
Cervantes ต้องการให้ Hayes มาเป็นที่ปรึกษาให้กับนักขับหนุ่มไฟแรงของทีม Joshua Pearce (Damson Idris) ซึ่งแน่นอนว่า Pearce ผู้มั่นใจในฝีมือตัวเองมอง Hayes แค่เป็น “has-been” หรือ “นักขับตกยุค” เท่านั้น! จากจุดนี้ หนังก็เดินหน้าแบบที่เราคาดไม่ผิด: ความขัดแย้งระหว่างโค้ชผู้มากประสบการณ์แต่หัวโบราณกับนักขับหนุ่มอวดดีแต่ขาดประสบการณ์ อุปสรรคที่ต้องฝ่าฟัน ชัยชนะทางจิตใจเล็กๆ และการเดินทางสู่จุดไคลแม็กซ์ที่ชัดเจนเกินไป! บทพูดหลายตอนฟังดูแข็งกระด้างและเน้นเล่าอดีตตัวละครมากเกินไป แม้จะพยายามดึงอารมณ์ร่วมก็ตาม
ถ้าพูดถึงจุดขายที่แท้จริงของ “F1 The Movie (2025)” นั่นต้องยกให้ฉากแข่งรถที่ถ่ายทำด้วยความพิถีพิถันและน่าตื่นตาตื่นใจสุดๆ! Joseph Kosinski ใช้ประสบการณ์จากการทำ “Top Gun: Maverick” มาแปลงโฉมรถ Formula One ให้กลายเป็นเครื่องจักรอันสง่างามที่พุ่งผ่านฟิล์มด้วยพลังอันเหลือล้น! ความได้เปรียบจากการถ่ายทำในช่วงฤดูกาลแข่งจริงของ Formula One ทำให้หนังมีกลิ่นอายของความสมจริงและความยิ่งใหญ่ที่หาที่ไหนไม่ได้
ฝีมือการตัดต่อของ Stephen Mirrione ผู้เคยคว้ารางวัล ออสการ์ มาแล้วนั้นยอดเยี่ยมมาก เขาให้จังหวะและความเร็วของฉากแข่งที่สมบูรณ์แบบ ทั้งยังรู้จัก “ให้พื้นที่” กับภาพ ทำให้ผู้ชมตามตำแหน่งของ Hayes และ Pearce บนสนามแข่งได้ตลอดเวลา ไม่สับสนแม้แต่น้อย ความสมจริงระดับนี้ได้รับการเสริมทัพด้วยภาพถ่ายอันลื่นไหลคมชัดจาก Claudio Miranda นักถ่ายภาพผู้มากฝีมือ และแน่นอน เสียงดนตรีประกอบเร้าใจจาก Hans Zimmer มือเปียโนระดับตำนานที่ช่วยเติมความรู้สึกยิ่งใหญ่ให้แต่ละสนามแข่งเหมือนศึกชี้ชะตา! นี่คือ visual masterpiece และ technical achievement ด้านการถ่ายทำฉากแอ็กชันอย่างแท้จริง
แม้ตัวละคร Sonny Hayes จะดูผิวเผินและเป็นแบบเหมารวมของนักกีฬาหลงยุค แต่ Brad Pitt ในวัย 60 กว่าๆ ก็ใช้เสน่ห์ของซุปตาร์และอารมณ์ขันแบบถ่อมตัว (self-deprecating humour) ของเขาฉีด “ชีวิต” เข้าไปในบทนี้ได้อย่างน่าชื่นชม เราเห็นความเจ็บปวดจากความล้มเหลวในอดีต แต่ก็เห็นไฟและความเชื่อมั่นที่ยังลุกโชนว่าเขายังขับแซงใครก็ได้! มันทำให้ Hayes ไม่ใช่ตัวละครที่เพอร์เฟ็คต์น่าเบื่อ แต่เป็นคนขี้เหงา น่าคบหาที่เราอยากลุ้นให้เขาประสบความสำเร็จ มันทำให้เรานึกถึงบทบาทก่อนหน้านี้ของ Pitt ใน “Moneyball“ หรือ “Once Upon a Time In Hollywood“ ที่เขาก็รับบท “lovable loser” หรือ “ผู้แพ้น่าชัง” แบบนี้ได้ดีเสมอ
นักแสดงสมทบคนอื่นๆ ก็ทำได้ดีไม่แพ้กันในการเติมเต็มบทบาทที่อาจถูกเขียนมาแบบตื้นๆ Javier Bardem สื่ออารมณ์หนักใจและความกลัวอันลึกซึ้งของ Cervantes เจ้าของทีมที่กังวลว่าความพยายามหาทางรอดของทีมอาจนำเพื่อนเก่าอย่าง Hayes ไปสู่ความตายได้อย่างน่าสะเทือนใจ ส่วน Damson Idris ก็สามารถเจาะผ่านเปลือกนอกที่ดุดันและต่อต้านของ Pearce เพื่อแสดงให้เห็นความเปราะบางภายในของหนุ่มนักขับไฟแรงได้ Sarah Niles แม้ได้บทแม่ของ Pearce ที่ถูกเขียนมาน้อยเกินไป แต่ก็ฉายแววของความเป็นแม่ที่เข้มแข็งและปกป้องลูกได้อย่างสมบทบาท
แต่ตัวละครที่สดใสและน่าประทับใจที่สุดคงหนีไม่พ้น Kate McKenna เทคนิคอลไดเรกเตอร์หญิงผู้เปรี้ยวซ่าและเก่งกาจในวงการที่ผู้ชายเป็นใหญ่ แสดงโดย Kerry Condon หลายคนอาจเดาว่าเธอจะมาเป็น love interest ของ Hayes แต่เคมีระหว่าง Pitt และ Condon นั้นพิเศษกว่ามาก! มันเป็นความสัมพันธ์แบบผู้ใหญ่ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และความเซ็กซี่ อิงมาจากประสบการณ์ชีวิตที่ทั้งคู่ต่างก็ “ผ่านร้อนผ่านหนาว” มาแล้ว ความสัมพันธ์นี้เติมเต็มความตื่นเต้นให้หนังได้ไม่แพ้ฉากแข่งรถเลยทีเดียว! มันคือส่วนผสมที่ทำให้ “เครื่องยนต์” ของเรารู้สึกตื่นตัว!
“F1 The Movie (2025)” นำโดย Joseph Kosinski และ Brad Pitt คือประสบการณ์หนังแอ็กชันที่ห้ามพลาดสำหรับแฟนๆ Formula One และคนรักความเร็ว! ฉากการแข่งที่ถ่ายทำบนสนามจริงด้วยเทคนิคอันล้ำสมัยจากทีมงานแถวหน้า Stephen Mirrione, Claudio Miranda และ Hans Zimmer นั้นสมบูรณ์แบบ เป็น visual spectacle ที่น่าตื่นตะลึงและให้ความรู้สึกสมจริงเหมือนนั่งบนรถแข่งด้วยซ้ำ มันคือจุดแข็งที่ทำให้หนังเรื่องนี้ “แรง” จริงๆ
อย่างไรก็ตาม ความแรงบนสนามแข่งกลับถูกหักล้างด้วยพล็อตเรื่องที่เดินตามสูตร sports film และ underdog story เก่าๆ อย่างเหนียวแน่น บทของ Ehren Kruger เต็มไปด้วยบทพูดที่แข็งกระด้างและตัวละครที่พัฒนาน้อย แม้ Brad Pitt, Javier Bardem, Damson Idris และโดยเฉพาะ Kerry Condon จะแสดงได้อย่างยอดเยี่ยมจนช่วยให้ตัวละครเหล่านี้มีมิติมากขึ้นก็ตาม มันรู้สึกขาดความสดใหม่ในส่วนของเรื่องราว
ถ้าคุณอยากสัมผัสความเร็วและความตื่นเต้นบนสนามแข่ง Formula One แบบจัดเต็มราวกับอยู่เหตุการณ์จริง “F1 The Movie (2025)” คือตัวเลือกที่คุ้มค่าโรงหนังหรือรอดูบน Apple TV+ แน่นอน! แต่เตรียมใจรับกับสตอรีที่อาจจะตรงไปตรงมาและตามสูตรไปสักหน่อย คุณคิดว่าเสน่ห์ของ Brad Pitt และความอลังการของสนามแข่งจะช่วยให้คุณลืมจุดอ่อนของสตอรีได้ไหม? ลองไปดูแล้วมาแชร์ความเห็นกันได้เลยที่คอมเมนต์ด้านล่าง! อย่าลืมแชร์รีวิวนี้ให้เพื่อนๆ แฟนหนังและแฟน F1 ได้รู้กันด้วยนะ!
- ชื่อเรื่องในภาษาไทย: F1 เดอะ มูฟวี่
- ประเภท: แอ็กชัน, ดราม่า, กีฬา
- วันที่ออกฉาย: 27 มิถุนายน 2025 (สหรัฐฯ)
- นักแสดงนำ: Brad Pitt, Damson Idris, Kerry Condon, Javier Bardem, Tobias Menzies
- ผู้กำกับ: Joseph Kosinski
- ความยาว: 150 นาที
- เรตติ้ง IMDb:
- ช่องทางการดู: Apple TV+ หลังฉายโรงภาพยนตร์แล้ว